The Assassin (HOU Hsiao-hsien / Taiwan, China, Hong Kong, France / 2015)
หนังจีนฮ่องกงกำลังภายในดราม่าความสัมพันธ์โยงแยงการเมืองระหว่างราชวงศ์กับประเทศราช ผลงานล่าสุดของผู้กำกับรุ่นปู่ Hou Hsiao-hsien (โหว เสี่ยวเซี่ยน) ที่ล่าสุดได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจาก Cannes Film Festival 2015 จากหนังเรื่องนี้มาหมาดๆ โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยดูหนังของคุณปู่ผู้กำกับมาก่อน ตัวอย่างหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้ดู แต่ก็พอได้เห็นเกรดงามๆ จากนักวิจารณ์ในเทศกาลผ่านตามาบ้าง รวมถึงกระแสในโซเชียลจากผองเพื่อนพี่น้องที่ไปดูมาก่อนหน้าและเชียร์ให้มิตรสหายไปดูอย่างจริงจัง แล้วยิ่งได้เห็นโปสเตอร์ที่งดงามเหลือหลายเข้าให้ยิ่งอยากดูมากๆ มีบ้างที่ กิตติศัพท์หนาหูที่แว่วมาว่าหนังเนิบช้าแถมดูรู้เรื่องยากทำให้หวั่นๆ ว่าจะเผลอหลับได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่พลาดที่จะทำตัวว่างไปดูถึงแม้คืนก่อนที่จะตื่นไปดูนั้นจะนอนน้อยแค่ 3 ชั่วโมงก็ตาม
ก่อนดูก็ได้แต่วาดภาพหนังในหัวเทียบเคียงกับหนังที่น่าจะใกล้เคียงกันที่สุดอย่าง The Grandmaster (Wong Kar Wai / Hong Kong, China / 2013) แต่จริงๆ แล้วพอหนังผ่านไปได้แค่ไม่กี่ฉากมันก็รู้สึกได้เลยว่าต่างกันมากด้วยฝีไม้ลายเซ็นของผู้กำกับรุ่นเก๋าทั้งสองที่ลงน้ำหนักท่วงท่าต่างกันไกลมากๆ ถ้าเทียบการเคลื่อนไหวอันเนิบนิ่งของ The Gandmaster ว่าเป็น เต่า กับ The Assasin ก็คงเทียบได้กับหอยทาก ขณะที่ตัวเราเป็นสล็อตที่เคลื่อนไหวช้าที่สุดในกลุ่มซึ่งตามหอยทากไม่ค่อยทัน แต่กับเต่าอย่าง The Grandmaster สล็อตอย่างเรายังสามารถนั่งกระดองหลังติดสอยห้อยตามไปได้ตลอดรอดฝั่ง ด้วยบทหนังที่พล็อตและเรื่องราวที่พอรวมกับวิธีการเล่าแล้วเข้าใจได้ไม่ยากเลย แถมลวดลายกระดองเต่าของลุงหว่องนอกจากจะมีร่องลายสวยแล้วยังถ่ายทอดสุนทรียภาพได้งามราวกับภาพวาดโคตะระจะวิจิตรตระการตา ส่วนเปลือกหอยทากของลุงโหวในเรื่องนี้ก็เป็นเหมือนภาพถ่ายสมจริงที่เรารู้สึกได้ จับต้องบรรยากาศเหมือนจริงได้อย่างเป็นธรรมชาติมีเลือดเนื้อ เนื้อผิวเมื่อมองด้วยตาเรียบเนียนเนี้ยบชวนหลงใหลใคร่สัมผัส และยิ่งงดงามมากเท่าทวีคูณเมื่อสัมผัสได้ถึงร่องรอยของโลกแห่งความเป็นจริง ความงามบนความจริงเป็นธรรมชาติทำให้ความเนิบช้าค่อยๆ ดูดกลืนเราด้วยห้วงอารมณ์ของตัวละคร รวมถึงสถานการณ์และบรรยากาศได้ไม่ยากเย็น ถึงแม้การปะติดปะต่อเรื่องราวจะยากมากกว่า The Grandmaster และหนังกำลังภายในเรื่องไหนๆ และส่วนตัวเองก็ไม่ได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด แถมมาด้วยความงุนงง แต่กลับรู้สึกสัมผัสความรู้สึกได้มากๆ เมื่อทิ้งไว้สักพักและนึกย้อนขบคิดกับมัน
งานกำกับภาพของ The Grandmaster ยิ่งใหญ่ สง่างาม อลังการ ค่อนข้างจะแฟนตาซี ส่วน The Assasin น่าสนใจไปอีกทางในความสมจริงแต่ละช็อตแต่ละฉากปรานีตงดงาม แสงเงาหมอกควันสายลมแสงแดดเป็นธรรมชาติแต่อ้อยอิ่งพริ้งพราวราวกับจับวางตำแหน่ง แถมในหลายๆ ฉากยังออกแบบขนาดภาพและการเคลื่อนกล้องสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในฉากนั้นๆ ได้อย่างงดงามจนน่าใจหาย อีกทั้งยังส่งเสริมบริบทของสถาการณ์นั้นๆ ได้อย่างแยบยล ยอดเยี่ยมไปกว่านั้นยังทำให้รู้สึกว่าภาพโลเคชั่นกำลังสะท้อนสภาวะจิตใจของตัวละครได้อย่างลุ่มลึก แน่นอนว่าส่วนหนึ่งของงานภาพก็มาจากวิชวลของผู้กำกับที่อีกหน้าที่หนึ่งก็สามารถสร้างตัวละครให้เป็นธรรมชาติและน่าเชื่อได้อย่างไม่มีข้อสงสัย หลายๆ สถานการณ์เล่าอย่างเบาบาง ทั้งที่เมื่อมองย้อนกลับไปว่าถ้าหากตัวละครแบบนี้อยู่ในหนังที่มีท่าทีการเล่าแบบอื่น มันคงต้องเล่าให้มากกว่านี้ ต้องขยี้กว่านี้จึงจะแตะถึง ในฉากใกล้จบบนเนินเขาเราเชื่อและเข้าใจนางเอกอย่างท่วมท้นด้วยคำพูดบอกเหตุผลเพียงประโยคเดียวที่แสนสามัญบางเบาสุดๆ ถึงแม้จะเล่าด้วยช็อตระยะไกลที่มองแทบไม่เห็นปากหรือสายตา แต่องค์ประกอบภาพ ตำแหน่งตัวละครในเฟรมภาพกว้างๆ งานภาพที่ถ่ายทอดโลเคชั่นให้ขับเคลื่อนบรรยากาศของสถานการณ์ ความยาวของช็อตมันพอดีกันอย่างหมดจดและทรงพลัง
สำหรับแฟนหนัง Shu Qi (ซู ฉี) Chang Chen (จางเจิ้น) หรือนักแสดงดังฝั่งญี่ปุ่นอย่าง Satoshi Tsumabuki (ซาโตชิ ซึมาบูกิ)ไม่อยากให้พลาดที่จะได้เห็นพวกเขาในบทบาทล่าสุดนี้ที่แต่ละคนแต่ละตัวละครน่าดูมากๆ ส่วนแฟนหนังกำลังภายในตัวยงที่คาดหวังจะเห็นฉากฟันดาบฟาดกระบี่เอาสนุกอาจจะไม่สมหวัง แต่ก็ไม่ควรพลาดสำหรับใครที่มองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่นานทีมีหนกับการได้สัมผัสความงดงามของฉากแอคชั่นที่สมดุลความเป็นมนุษย์ปุถุชนไว้ได้สมจริงที่สุดในโลกของหนังกำลังภายในบนจอภาพยนตร์ การันตีด้วยรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวทีเทศกาลหนังระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!!