หนังระทึกขวัญแนวผจญภัยที่ถือเป็นโปรเจ็กต์ที่เราได้ยินมาสักระยะแล้วอย่าง "Immortal Species" ที่ต้องอาศัยขั้นตอนหลังการผลิตและ CG เป็นเวลาหนึ่งปี และตอนนี้ก็ถึงเวลาออกมาให้ผู้ชมได้ชื่นชม
อมตะพันธุ์สยอง Immortal Species เป็นงานที่นักศึกษากลุ่มหนึ่งออกเดินทางตามหาต้นชาละวันซึ่งเป็นพืชหายากที่ซ่อนอยู่บนเกาะกลางน้ำกลางป่าลึก แต่พวกเขาต้องเผชิญกับความสัมพันธ์ในอดีตของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม ท่ามกลางความลึกลับและความซับซ้อนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทุกขณะ และที่แย่ไปกว่านั้นคือเมื่อทุกคนรู้ว่า ตอนนี้พวกเขากำลังตกอยู่ในอันตรายที่จะกลายเป็นเหยื่ออันเอร็ดอร่อยของจระเข้โบราณ
อมตะพันธุ์สยอง Immortal Species เป็นหนังที่มีสูตรสำเร็จของการเป็นสัตว์ประหลาดยุคเก่าและหนังเอาชีวิตรอดที่เต็มไปด้วยองค์ประกอบเกือบทั้งหมดของโครงสร้างที่ล้าสมัย ซึ่งทำให้คนดูคิดว่าเรากำลังนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์เมื่อปี 2545 หรือ 20 ปีที่แล้ว? เพราะแก่นแท้ของหนังที่ถ่ายทอดออกมาก็ไม่ต่างจากหนังแนวผจญภัยในยุคนั้น ทั้งจังหวะและสไตล์ทำให้คุณจับขมับได้
อมตะพันธุ์สยอง Immortal Species มีบทหนังที่อยู่ในเซฟโซน ถึงจะมีวัตถุดิบค่อนข้างใช้ได้อยู่ แต่กลับถูกนำมาละเลงใส่แบบสะเปะสะปะไปหมด ซ้ำยังมีจังหวะการเล่าเรื่องที่ชวนประหลาด เต็มไปด้วยรอยต่อที่สะดุดล้มหน้าขมำได้อยู่ตลอดเวลา บทจะผจญภัยก็ใส่มาดื้อ ๆ แต่จะตัดฉับไปโหมดซึ้งผสมโรแมนซ์ก็หยอดเข้ามาแบบไร้อารมณ์ โดยเฉพาะความพยายามยัดใส่โมเมนต์ขายจิ้นและความวายเข้ามาในหนังเรื่องนี้ กลายเป็นองค์ประกอบที่ดูตลกที่สุดในหนังเรื่องนี้แล้ว เพราะความที่ใส่เข้ามาแบบไม่ถูกที่ถูกเวลาเท่าที่ควร
แม้ว่านักแสดงดาวรุ่งจะพยายามแสดงบทบาทของตนอย่างเต็มที่ แต่เพราะเนื้อหนังและบทบาทล้วนว่างเปล่าเกินไป ถึงแม้จะช่วยทำให้การแสดงสมบูรณ์ก็ตาม ไม่สามารถเซฟหนังได้เลย “ออกัส วชิรวิชญ์”, “ฟลุค ณัฐ” และ “พลอย ศรนรินทร์” ทำได้ดีตามมาตรฐาน แต่การขาดมิติและความซับซ้อนของสคริปต์ทำให้รู้สึกค่อนข้างกลวง
แต่ปรากฏว่าอีก 2 นักแสดงจากช่อง 7 สี "บิว ณัฐพล" และ "พีพี พัชร" ดูเหมาะกับตัวละครในเรื่องนี้มากกว่าปาฏิหาริย์คงเป็นเพราะพันธุ์อมตะมีบรรยากาศและโทนที่คล้ายกับละคร ผจญภัยในป่าสไตล์ช่องแคบ ทำให้ทั้งคู่ดูเหมาะสมและสามารถเข้าใจบทบาทของตนในหนังได้ดีกว่านักแสดงคนอื่นๆ ที่ยังไม่ค่อยเก่งหนังเรื่องนี้
ทางด้านสเปเชียลเอ็กเฟกของ อมตะพันธุ์สยอง Immortal Species อาจจะยังไม่สมบูรณ์ แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เมื่อพิจารณาจาก CGI ที่พวกเขาทุ่มทุนสร้างมาหลายปีแล้วก็ได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว มันค่อนข้างเหมาะสมกับการใช้งาน. แถมยังเป็น CG เกรดเดียวกับละครโทรทัศน์ทั่วไปที่บางครั้งก็ดูไม่มั่นคง แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดพอที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพียงแต่ว่าการนำเสนอฉากนี้ค่อนข้างล้าสมัย ซึ่งมักส่งผลให้เกิดฉากสโลว์โมชัน หรือค้างภาพนานกว่าปกติ นั่นเป็นเทคนิคที่ล้าสมัย
เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างฉุนเฉียว ถือเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งของหนังที่เพิ่มเข้ามาโดยใช้เวลาไม่นานเพราะเพลงถูกเพิ่มเข้ามาโดยไม่ได้คำนึงถึงภาพรวมของหนังมากนัก ใส่แล้วดูเหมือนละครไทยเลย เมื่อนักแสดงเห็นจังหวะของฉากก็เปิดเพลงเพราะๆ เมื่อเป็นเพลงซึ้งๆก็ใส่เป็นเพลงช้าๆ เนื้อหาและจังหวะของเพลงไม่ได้ช่วยสร้างอารมณ์ความรู้สึกให้กับผู้ฟัง แต่กลับกลายเป็นส่วนที่น่ารำคาญมากขึ้น
ดังนั้นในภาพรวมแล้ว อมตะพันธุ์สยอง Immortal Species ถือว่าเป็นหนังผจญภัยระทึกขวัญที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง องค์ประกอบการผลิตและการผลิตยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ เหมือนพาผู้ชมย้อนกลับไปดูหนังเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทั้งเนื้อหาและภาพของหนังทำให้คุณนึกถึงความรู้สึกนั้น อารมณ์เหมือนดูละครแอคชั่นในป่าจากช่องดัง แต่พอฉายจอใหญ่กลับไม่เหมือนในละคร กลายเป็นงานที่ไม่ได้ดำเนินต่อไปจนจบ ขาด ๆ หาย ๆ และจังหวะก็กระจัดกระจายไปคนละทาง
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: อมตะพันธุ์สยอง Immortal Species
- ประเภท: ระทึกขวัญ / ผจญภัย
- ผู้กำกับ: เจตนิพัทธ์ สาสิงห์
- นำแสดงโดย: ณธัช ศิริพงษ์ธร, วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์, พลอย ศรนรินทร์
- ความยาว: 94 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 21 กันยายน 2023