“My Happy Marriage ขอให้รักเราได้มีความสุข” รู้สึกว่าจะได้ยินถึงหนังเรื่องมาแว่ว ๆ นับตั้งแต่หนังลงโรงฉายที่ญี่ปุ่นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยส่วนตัวไม่เคยรู้จักและมีพื้นฐานใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องเลย รู้แค่ว่าเป็นมังงะและไลท์โนเวลที่ได้รับความนิยม กับมาเห็นหน้าหนังก็พบว่าดึงดูดความสนใจได้ น่าจะเป็นหนังโรแมนติกแบบญี่ปุ่นย้อนยุค สไตล์แอบเรียกน้ำตากระมัง จนกระทั่งได้มาพิสูจน์กับตาตัวเอง…
My Happy Marriage เล่าเรื่องราวของ มิโยะ ซาอิโมริ เป็นลูกสาวคนโตในตระกูลอันทรงเกียรติประจำเมือง แต่ภายหลังจากที่แม่แท้ ๆ ของเธอได้เสียชีวิตจากไป พ่อของเธอก็แต่งงานใหม่ ที่ทำให้เธอมักจะถูกแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่คอยข่มเหงอยู่เสมอ ๆ แต่เธอก็ทำได้แต่กัดฟันอดทนไปวัน ๆ กับพฤติกรรมเลวร้ายของพวกเธอ แต่ยังมีเรื่องแย่ไปกว่านั้น เมื่อเธอได้รับแจ้งว่าจะต้องหมั่นหมายตามข้อตกลงระหว่างตระกูลกับ คิโยกะ คูโดะ ชายชาติทหาร ที่ได้ชื่อว่ามีจิตใจเหี้ยมโหดและไร้ความปรานี
การพบกันครั้งแรกระหว่างพวกเขานั้น เริ่มต้นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ คิโยกะ ออกคำสั่งให้เธอต้องอยู่ในโอวาทและทำตามคำสั่งของเขาอยู่เสมอ แม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเธอได้มาใช้ชีวิตในฐานคู่ครองกับเขาแล้ว กลับพบว่าคิโยกะไม่ได้มีพฤติกรรมเหี้ยมโหดแบบที่ร่ำลือกัน นั่นทำให้เธอเปิดใจและถ่ายทอดความรู้สึกอันดีไปหาเขา เช่นเดียวกัน คิโยกะก็เริ่มพัฒนาความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อมิโยะมากขึ้นเรื่อย ๆ และเกิดคดีปริศนาที่รายล้อมชีวิตของพวกเขาขึ้น
ตามที่เกริ่นเอาไว้ข้างต้นเลยว่า ผู้เขียนแทบจะไม่มีพื้นฐานและพื้นเพใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน เมื่อเข้าไปพิสูจน์ด้วยตัวเองแบบหัวโล่งสุด ๆ ก็พบว่านี่คือหนังอบอวลไปด้วยพื้นฐานของละครน้ำเน่าแบบสุด ๆ แต่นำมาคลุกเคลาเข้ากับวัตถุดิบแฟนตาซี แนวเวทมนตร์และพลังวิเศษ ที่บังเอิญไป ๆ มา ๆ มันกลายเป็นองค์ประกอบที่เล่าไปด้วยกันได้อย่างน่าพิลึกใจอยู่ไม่น้อย ทั้งที่มันค่อนข้างคอนทราสกันชอบกล ๆ อยู่ก็ตาม
โดยหนังเรื่องนี้ได้ผู้กำกับ “สึกะฮาระ อายูโกะ” มาดูแลงานสร้างให้ เธอถือผู้กำกับหญิงที่น่าจะอยู่แถวหน้า ๆ ของวงการบันเทิงญี่ปุ่นในตอนนี้ และสไตล์งานสร้างของเธอก็ยังออกมาผ่านอัตลักษณ์อันเป็นลายเส้นของเธอ เราสัมผัสได้กลิ่นอายคล้าย ๆ กับงานหนังเรื่องก่อนของเธอ อย่าง Cafe Funiculi Funicula ที่ความแฟนตาซีผสมกลิ่นแห่งความจริงเข้าไปด้วยจังหวะที่แปลกเช่นเดียวกัน
สิ่งที่รู้สึกชอบในงานสร้างของ My Happy Marriage เรื่องนี้ ก็น่าจะเป็นงานการถ่ายภาพและออกแบบมุมภาพ ที่สัมผัสได้ถึงความพิถีพิถันอยู่ไม่น้อย การย้อมสีภาพในหนังก็ช่วยสะท้อนและสื่ออารมณ์ของตัวละครกับเรื่องราวได้ค่อนข้างละมุนดี เป็นองค์ประกอบที่เราอยากจะยกนิ้วให้จริง ๆ เพราะงานภาพสวย ๆ เหล่านั้น ทำให้ตรึงใจได้เป็นอย่างดี
ขณะที่องค์ประกอบออกแบบฉากต่าง ๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจดี แต่อาจจะยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ฉากเรือนต่าง ๆ ออกมาได้มีมนต์ขลัง รวมทั้งฉากในวังและท้องพระโรงต่าง ๆ ใส่ความยิ่งใหญ่แบบเรียบง่ายเข้ามาได้ดี เป็นฉากที่สามารถตอบโจทย์และตอบรับมุมภาพและการจัดแสงของหนังเรื่องนี้ได้ค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกัน
แต่สิ่งที่ยังรู้สึกว่าหนังยังทำได้ไม่ถึงสักเท่าไหร่ ก็น่าจะเป็นพวกองค์ประกอบซีจีและเทคนิคพิเศษต่าง ๆ ที่รู้สึกเกรดของซีจียังอยู่ระหว่างญี่ปุ่นไปสักหน่อย ทั้งที่หนังเรื่องนี้มีต้องใช้เทคนิคพิเศษอยู่ในหลาย ๆ ซีน แต่จังหวะการปล่อยพลังและดีไซน์รูปร่างของพลัง เมื่อต้องเข้าฉากกับนักแสดงนั้นยังทำออกมาได้ไม่ค่อยไหลลื่นสักเท่าไหร่ แต่ยังดีที่พวกซีจีตามคีย์ซีนประกอบต่าง ๆ หนังเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างใช้ได้อยู่
สำหรับบทหนัง My Happy Marriage ได้นักเขียนหญิง “คันโนะ โทโมเอะ” มาดัดแปลงให้ อาจจะต้องบอกว่าก็ยังไม่ใช่องค์ประกอบที่น่าหลงใหลประทับใจอะไร เพราะบทหนังยังค่อนข้างโดดไปโดดมาอยู่หลายจุด บางตำแหน่งก็เร็วลื่น บางตำแหน่งก็ช้าเนิบ เป็นบทที่ยังไม่ค่อยมีความพอดีมากเท่าที่ควร ในแง่ก็ดีไซน์บทให้กับตัวพระนางถือว่าทำได้โอเค แต่ยังค่อนข้างบกพร่องกับการใส่รายละเอียดให้กับตัวละครอื่น ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย
ดังนั้นจึงส่งผลทำให้บรรยากาศการเล่าเรื่องของหนัง My Happy Marriage แอบรู้สึกติด ๆ ขัด ๆ ไปในบางช่วงจังหวะไปด้วย คล้ายกับใส่พยายามมากเกินไปสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นจุดขายระหว่างพระนาง ที่การสร้างซีนโรแมนซ์ ๆ ระหว่างพวกเขาเต็มไปด้วยความเงียบสงัด เงียบชนิดที่ได้เห็นเสียงแอร์ในโรงหนัง แต่กลับไม่ทำงานต่ออารมณ์ของคนดูสักเท่าไหร่ ส่วนซีนแอคชั่นแฟนตาซีต่าง ๆ ก็จังหวะการดำเนินเรื่องยังไม่ราบรื่นพอ ยังมีหลาย ๆ จุดที่น่าจะเกลี่ยให้ได้ดีกว่านี้
แต่กระนั้นก็ต้องขอบคุณทีมนักแสดงของหนังเรื่องนี้โดยแท้ ที่ช่วยกันผนึกกำลังใช้การแสดงประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างที่ดี “เมกุโระ เร็น” เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหา และเขาก็ดำดิ่งลงลึกไปถึงตัวละครนี้ได้ค่อนข้างดี ขณะที่ดาวรุ่งสาว “อิมะดะ มิโอะ” คนนี้ก็ออร่าฟุ้งกระจายมาก ๆ ในเรื่อง แม้การแสดงอาจจะยังต้องขัดเกลาต่อไป แต่ก็จัดได้ว่าคู่พระนางคู่นี้มีเคมีที่ลงตัวดีในหนัง ถึงบทหนังจะขรุขระและคอยขัดเสน่ห์ของพวกเขาไปบ้าง แต่พวกเขาก็เอาตัวรอดมาจนได้
โดยสรุปแล้ว My Happy Marriage จัดได้ว่าเป็นโรแมนซ์ดราม่าที่มีกลิ่นน้ำเน่าฟุ้ง แต่ใส่ความเฟ้อแฟนตาซีเข้ามาอีกองค์ประกอบ อาจจะยังไม่ใช่หนังรักที่ชวนประทับใจอะไรขนาดนั้น เพราะหนังยังสร้างและถ่ายทอดหลาย ๆ องค์ประกอบได้ยังไม่ค่อยสุดทางเท่าที่สุด แต่ก็เป็นหนังที่ดูได้เพลิน ๆ ไปตลอดทั้งเรื่อง ถึงจะมีความรู้เอ๊ะ..กับบทและการเล่าเรื่องอยู่หน่อย ๆ อาจจะยังไม่เก็ทกับเรื่องพลังวิเศษต่าง ๆ ไปบ้าง แต่เราก็สามารถออกจากโรงมากูเกิลค้นคว้าได้ต่ออยู่เหมือนกัน
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง My Happy Marriage ขอให้รักเราได้มีความสุข
- ประเภท: โรแมนติก / ดราม่า / แฟนตาซี
- ผู้กำกับ: สึกะฮาระ อายูโกะ
- นำแสดงโดย: เมกุโระ เร็น, อิมะดะ มิโอะ
- ความยาว: 114 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 22 มิถุนายน 2023
Movie.TrueID METRIC: My Happy Marriage ขอให้รักเราได้มีความสุข
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5/10)