Living” การแสดงบาดลึก กับจารึกที่ว่า..เราต่างเกิดมาเพื่อรอวันสุดท้าย

และนี่คือหนังที่สะดุดตาสะดุดใจเราไม่น้อย เพราะเป็นหนังม้ามืดที่แทรกเข้ามาติดโผเข้าชิง 2 รางวัลออสการ์ปีล่าสุด นี่ก็คือ “Living” หนังสัญชาติอังกฤษที่เป็นการดัดแปลงสร้างมาจากต้นฉบับหนังญี่ปุ่นสุดอมตะ ที่อาจะไม่ใช่หนังเชิงพาณิชย์ที่ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง แต่เมื่อหยิบเอาวิธีการเล่าเรื่องแบบดราม่าใส่ฟีลแบบจริตญี่ปุ่นมาอยู่ในหนังโลกตะวันตกแล้ว กลิ่นอายมันก็ละมุนไปได้อีกแบบ

รีวิวหนัง Living

Living เป็นเรื่องราวของ รอดนีย์ วิลเลียมส์ ข้าราชการระดับสูงประจำศาลากลางกรุงลอนดอนในช่วงยุคปี 1950s ที่กำลังเผชิญหน้ากับความโดดเดี่ยวในชีวิต แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่กับลูก ๆ อยู่ก็ตาม แต่เขากลับต้องเผชิญหน้ากับจุดเปลี่ยนที่เศร้าโศกอีกหน เมื่อผลวินิจฉัยจากแพทย์ระบุว่าเขาเป็นโรคร้ายและคงเหลือเวลาอยู่เพียงไม่นาน ทำให้เขาเริ่มฉุกคิดบางอย่างที่จะทำเพื่อเป็นการสั่งเสียคนรอบข้างให้สมบูรณ์แบบที่สุด โดยเฉพาะการเสาะหาและตอบสนองหาผู้สืบทอดสิ่งที่เขาทำทิ้งเอาไว้ให้กับคนรุ่นต่อไป

นี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับชาวแอฟริกาใต้ “โอลิเวอร์ เฮอร์มานัส” ที่เคยแจ้งเกิดและได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้มหลามจากงานชิ้นก่อนในหนังสงครามโรแมนซ์เนื้อหา LGBTQ+ อย่าง Moffie และเขาก็หยิบเอาประสบการณ์การทำงานมาใส่เป็นลูกเล่นในหนังเรื่องนี้ได้อย่างลงล็อกลงจังหวะ แม้ว่าในแง่งานสร้างของหนังเรื่องนี้จะยังไม่ได้โดดเด่นเป็นที่สุด แต่ต้องยอมรับว่าโปรดักชั่นดีไซน์และการออกแบบมุมภาพ รวมทั้งแสงสีต่าง ๆ ทำออกมาได้ละเมียดละไมตามแบบฉบับของโอลิเวอร์

รีวิวหนัง Living

หนังเรื่องนี้ได้นักเขียนนิยายชื่อดัง อย่าง “คาซูโอะ อิชิกูโระ” (จากนิยาย Never Let Me Go) มาช่วยดัดแปลงบทหนังให้ โดยคัดสำเนามาจากต้นฉบับที่เป็นหนังญี่ปุ่นคลาสสิก Ikiru เวอร์ชั่นปี 1952 ของผู้กำกับ อากิระ คูโรซาวะ ที่ถือว่าเป็นหนังญี่ปุ่นที่ได้รับการเชิดชูให้เป็นผลงานทางวัฒนธรรมอันเป็นมรดกแห่งชาติเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อชิ้นงานฟีลญี่ปุ่นถูกจับมาใส่ในบรรยากาศของเมืองผู้ดี มันก็มีทั้งมุมที่ใช้ได้และมุมที่ยังอิหลักอิเหลื่อปะปนกันไป

ต้องยอมรับว่าเนื้อหาของหนังไม่อาจจะพึ่งพาหาความสดใหม่ในตัวมันเองได้แล้ว เพราะนี่คืองานรีเมคจากต้นฉบับที่ขึ้นหิ้งเอาไว้มาก ๆ เมื่อชงในแก้วใบใหม่ออกมาก็ยังสัมผัสได้ถึงความกลมกล่อม แต่รสชาติอาจจะยังไม่ถึงกับอร่อยที่สุด อาจเพราะจะมีเรื่องความต่างของวัฒนธรรมและสังคมอยู่บ้าง ที่ทำให้พล็อตอะไรแบบนี้ดูค่อนข้างธรรมดาไม่สักหน่อยในโลกตะวันตก และการสร้างความความผูกพันของตัวละครก็ยังไม่ค่อยแนบแน่นพอ

รีวิวหนัง Living

แต่กระนั้นความดีงามทั้งหมดทั้งมวลของ Living เรื่องนี้นั้น ตกมาใส่อยู่บนบ่าทั้งสองข้างของนักแสดงนำ อย่าง “บิล ไนต์” นี่แหละ..นักแสดงมืออาชีพโดยแท้ และไม่ประหลาดใจเลยสักนิด ที่เขาสามารถฝ่าด่านมีชื่อติดโผเข้าชิงรางวัลต่าง ๆ ในด้านการแสดงแทบจะทุกเวทีรางวัลเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพราะนี่คืออีกหนึ่งผลงานที่เขาได้ปล่อยของและปล่อยพลังการแสดงออกมาได้อย่างคมคาย

ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าบทที่เขาได้รับค่อนข้างส่งเสริมดีด้วย เมื่อได้นักแสดงที่มีกึ๋นและประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยม จึงสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างน่าประทับใจ การแสดงของเขานุ่มนวลและบาดลึกไปในคราวเดียวกัน เหมือนเป็นการออกตัวทำการแสดงเพียงเล็กน้อย แต่มอบผลลัพธ์ออกมาได้ค่อนข้างจัดจ้านดี แม้ว่าแวดล้อมต่าง ๆ กับเทคนิคของหนังจะค่อยฉุดรั้งความดีงามลงอยู่บ่อยก็ตาม

รีวิวหนัง Living

เอาเป็นว่า Living เป็นหนังอังกฤษที่ทำการรีเมคมาจากหนังคลาสสิกของญี่ปุ่น ที่ถือว่าใช้ได้ดีเดียว หนังเขาคงค่อนข้างเคารพงานต้นฉบับเอาไว้ได้ดี เพียงแต่ปรับฉากหลังและสภาพสังคมโดยรอบออกไป แต่กลิ่นอายเดิม ๆ ยังคงอยู่ แม้ว่าการนำเสนอและวิธีเล่าของหนังจะยังไม่ได้ดึงดูดได้เต็มที่ก็ตาม แต่ยังได้ลีลาการแสดงระดับมืออาชีพของ บิล ไนต์ มาช่วยพยุงเอาไว้ด้วยดี ดังนั้นหนังเรื่องนี้จึงค่อนข้างละมุนและกลมกล่อมกับประเด็นคุณค่าชีวิตในช่วงบั้นปลายสุดท้ายที่แสนคมคายในระดับที่น่าพึงพอใจ