Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings (ชาง-ชี กับตำนานลับเท็นริงส์) ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรสัญชาติอเมริกัน เนื้อเรื่องดัดแปลงมาจากตัวละครของมาร์เวลคอมิกส์ ชื่อ ช่าง-ชี่ ผลิตโดยมาร์เวลสตูดิโอส์ ภาพยนตร์เรื่องที่สองของ เฟส 4 นำแสดงโดย ซือมู่ หลิว ในบท ชางชี ตามชื่อเรื่อง พร้อมด้วยการเล่นภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดครั้งแรกของ เหลียง เฉาเหว่ย พร้อมด้วย มิเชล โหย่ว สมทบด้วยนักแสดงรุ่นใหม่ อควาฟิน่า และ เหมิงเอ๋อ จาง ภาพยนตร์เดี่ยวเปิดตัวละครของชางชี ตัวละครสายศิลปะป้องกันตัวที่ใช้พลังในการต่อสู้ด้วยพลังเวทย์ต่อกรกับจอมวายร้ายแห่งองค์กรสิบวงแหวนที่หวังจะทำลายล้างโลก ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องค้นพบความจริงอันเจ็บปวดของครอบครัวที่แตกสลาย และต้องใช้มันผลักดันตัวเองเพื่อเตรียมรับมือกับสงครามที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาและคนรอบตัวไปตลอดกาล ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายไปแล้วในอเมริกาเมื่อเดือนกันยายนและได้คำวิจารณ์ในแง่บวกล้นหลามอีกทั้งยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทั่วโลกไปแล้วกว่า 402.9 ล้านเหรียญ ก่อนจะได้ฉายในประเทศไทยในจอโรงภาพยนตร์เดือนตุลาคม และในดิสนีย์พลัส 12 พฤศจิกายนนี้
ตัวอย่าง Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings
รีวิว Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings
ชอน ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปพร้อมกับ เคธี่ หญิงสาวสายซิ่ง เพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันในเมืองซานฟรานซิสโก เมืองเดียวกับที่เคยเกิดเรื่องวุ่นวายใน ANT-MAN ทั้งสองภาค พวกเขารับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังสงครามที่กวาดล้างและเรียกคืนผู้คนจากครึ่งจักรวาลใน AVENGERS: ENDGAME และพยายามใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาเชื่อ กระทั่งวันหนึ่งพวกเขาถูกตามล่าและโจมตีโดยคนขององค์กรที่ชั่วร้าย เทนส์ริง องค์กรที่คอยบงการประวัติศาสตร์และครอบครองวงแหวนทั้งสิบที่สามารถมอบพลังในการต่อสู้อย่างไร้ขีดจำกัดพร้อมทั้งมอบชีวิตอมตะ พวกเขาจึงตัดสินใจออกตามหาน้องสาวของชอนที่ถูกพลัดพรากตั้งแต่เด็ก ก่อนที่พวกเขาจะค้นพบความจริงอันน่าตกตะลึงของครอบครัวชอน หรือแท้จริงก็คือ ชาง-ชี สายเลือดของเหวินหวู่ หัวหน้าขององค์กรเทนส์ริงที่มีพลังสามารถทำลายล้างจักรวาลได้ ชอนต้องเผชิญหน้ากับอดีตอันมืดมนที่เขาเก็บซ่อน เพื่อรวบรวมครอบครัวที่แตกแยกและพิทักษ์โลกใบนี้ในเวลาอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
เรื่องราวสูตรสำเร็จหนังฮีโร่ ตัวละครหลักของเรื่องมีปม มีปัญหาพยายามหลบหนีจากอดีตหรือปัญหาของครอบครัวและพยายามจะใช้ชีวิตใหม่ ก่อนจะได้พบเจอเรื่องที่ไม่คาดฝันที่เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองและคนรอบตัว จากเอไปถึงบี ซึ่งก็มีแค่นี้แหละ แต่ที่มันทำได้แปลกใหม่กว่าคือสไตล์การเล่าเรื่องที่ผสมผสานความเป็นวัฒนธรรมอเมริกัน และแบบจีนที่มีความประณีตแต่ก็รวดเร็วฉับไหว แทบไม่มีช่วงไหนที่รู้สึกเบื่อ ไหนจะฉากที่โคตรจะโรแมนติกในช่วงแรกของโลกที่ถ้าเล่าออกมาไม่ดีจะทำให้มันดูตลก แต่หนังก็ทำให้มันสวยงามได้ แม้จะมีบางช่วงที่แอบเนือย ๆ แต่หนังก็รีบเล่าไปในจุดที่คนดูอยากเห็นได้ทันก่อนจะกลายเป็นอืด พร้อมทั้งสามารถแบ่งสัดส่วนการเล่าเรื่องระหว่างบทที่เข้มข้นในระดับหนึ่งและฉากต่อสู้ และฉากโชว์พลังที่ทำออกมาได้เท่และดูไม่โดดไปจากความเป็นหนังอเมริกัน แม้จะมีความคล้ายลมปราณกังฟูแต่มันถูกเอามาตีความในแบบมุมมองที่คนทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้ มีการเล่าสลับไปมาระหว่างแฟลชแบ็คเป็นระยะ ๆ ที่ไม่ได้เล่าทีเดียวจบ แต่เล่าออกเป็นช่วง ๆ และสอดแทรกออกมาเพื่อขับเน้นเรื่องราวที่ชวนสะเทือนใจและซาบซึ้ง สลับกับมุกตลกของตัวละครที่ไม่ถี่แต่ก็ตลกชวนอมยิ้มใช้ได้ ซึ่งยอมรับเลยว่า มันก็ทำได้ดีดีแล้ว แต่ก็อยากให้หนังขยี้มากกว่านี้ บางฉากสำคัญกำลังจะอินก็ดันตัดข้ามไปฉากต่อสู้เลยอย่างน่าเสียดาย ฉากสุดอลังการก็ใส่มาจัดเต็มแบบไม่กลัวว่าภาคต่อจะไม่ได้เล่ามันก็ยังสนุกเพลย์เซฟตามสไตล์หนังภาคต้น แต่ก็ไม่วายมีทิ้งฉากเอนเครดิตไว้สองตัวซึ่งชวนฮือฮาและทำให้รู้ได้ทันทีว่าจักรวาล MCU มาไกลและไม่มีวันเป็นเหมือนเดิม ยังไม่รวมกับ Easter Eggs จาก หนัง MCU ก่อนหน้าอย่าง The Incredible Hulk, IRON MAN 3 และ BLACK WIDOW อีกนะ ขอไม่สปอยว่าคืออะไร แต่เซอร์ไพรส์ผมใช้ได้