AVATAR: THE WAY OF WATER – อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ
— 8.5/10 —
เป็น 3 ชั่วโมงที่ไม่ได้รู้สึกว่านานเลย ยังไม่เต็มอิ่มด้วยซ้ำ!
งานภาพงดงามตระการตาคุ้มค่าการรอคอย
เนื้อเรื่องถึงแม้จะค่อนข้างธรรมดา แต่สนุกเอาเรื่อง
นับตั้งแต่ปี 2009 ได้ถือกำเนิดหนังเรื่องนึงที่มากไปด้วย CG อลังกาลงานสร้าง ผลงานการกำกับของ James Cameron ที่พาเราไปรู้จักโลกสุดอัศจรรย์ในนาม Pandora จนกลายมาเป็นหนังที่ทำรายได้มากที่สุดในโลก บัดนี้ผ่านมา 13 ปี ภาคต่อในนาม Avatar: The Way of Water ก็ได้คลอดออกมาให้เราได้ยลโฉมกัน ที่สำคัญมันถูกวางแผนสร้างเอาไว้ถึงภาค 5 เลยทีเดียว แถมยังมีข่าวว่าจะได้เห็นชาวนาวีไปเยือนโลกอีกต่างหาก
Avatar: The Way of Water เล่าเรื่องราวต่อจากภาคแรก โดยมีความจำเป็นต้องดูภาคแรกมาก่อนมาก ๆ ถึงจะเข้าใจเรื่องราวหลาย ๆ อย่าง ในตอนแรกนึกไม่ออกเหมือนกันว่าตัวหนังภาคต่อนี้จะเล่าออกมาทางไหน แต่พอได้ดูแล้วถือว่าเป็นการเลือกเดินเส้นทางที่ถูกต้องที่ควรแล้วแหละ ซึ่งในภาคนี้ Jake และ Neytiri ก็ได้สร้างครอบครัวมีลูกด้วยกัน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบนดาว Pandora แต่ความสุขนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อการรุกรานจากคนบนฟ้ากลับมาอีกครั้ง
ในภาคแรกเราได้ตื่นเต้น ตะลึง กับการที่หนังพาไปยลโฉมพื้นที่ป่าของ Pandora ตะลึงกับท้องฟ้า ภูเขา ต้นไม้ใบหญ้า ในภาคนี้หนังก็ยังพาเราไปทึ่งอีกครั้งในโลกแห่งท้องทะเล มอบประสบการณ์ในการดูหนังอันยอดเยี่ยมให้เราอีกครั้ง เราจะได้เห็นโลกใต้น้ำและผืนน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลที่งดงามตระกาลตาไม่แพ้กัน มีสัตว์แปลกตาใหม่ ๆ มาให้เชยชมมากกว่าที่เห็นในตัวอย่างเสียอีก คือคาดหวังไว้ในระดับนึงแล้วอะ แต่พอได้ดูนี่มันเกินความคาดหวังไปอีก ให้ความรู้สึกเหมือนเด็ก ๆ ที่เคยสัมผัสอะไรที่ไม่เคยเจอแล้วมีความสุขอะ รังสรรค์โลก Pandora ออกมาได้งดงามจริง ๆ เจากที่เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของ James Cameron ที่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนคลั่งไคล้โลกใต้ทะเลมาก พอมาเรื่องนี้รู้เลยว่าจริง! เพราะกว่า 90% ของเรื่องเราจะได้อยู่ในน้ำ แตะน้ำกันทั้งนั้น รู้กันอยู่แล้วว่า CG เป็นจุดเด่นของ Avatar และในภาคนี้งานภาพโคตรสวยไร้ที่ติจริง ๆ คือการได้เสพงานภาพในเรื่องนี้ถือว่าคุ้มมาก ๆ น่าเสียดายมากที่ไม่ได้ไปดู IMAX เพราะคนมันเยอะมาก เลยได้ดูในโรงธรรมดาเท่านั้น ถ้าใครมีโอกาสอยากแนะนำให้ดู IMAX จริง ๆ ย้ำอีกทีว่างานภาพไม่มีอะไรให้ติเลย เชื่อว่าในภาคต่อ ๆ ไปเราจะได้เห็นในอีกหลายแง่มุมความงามของดาว Pandora แน่นอน
ทางด้านเนื้อเรื่อง ก็ต้องว่ากันตามตรงว่ามันไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ เนื้อเรื่องไม่ได้ซับซ้อนชวนให้คิดนั่นคิดนี่ เข้าขั้นธรรมดาก็ว่าได้ ประเด็นบางเรื่องยังไม่หนักแน่นพอ ความหนักของเรื่องสู้ภาคแรกไม่ได้ หรืออาจจะเพราะเก็บไว้ภาคต่อไป และด้วยความที่ตัวละครเยอะขึ้นด้วย จึงต้องแบ่งมาเกลี่ยบท หนังมันจึงเหมือนเลือกจะโฟกัสที่การพัฒนาตัวละครมากขึ้นด้วย มันจึงหยอดปมให้ทุกตัวละครเลย เวลาเล่าก็ต้องบาลานซ์ระหว่างการพัฒนาตัวละคร และเซ็ทติ้งของโลกที่เต็มไปด้วยน้ำ มันจึงมีความขาด ๆ เกิน ๆ อยู่บ้างทางด้านการเล่า บทตัวละครบางตัวก็โง่จนน่าหงุดหงิดรู้สึกว่าแบบ อีกละหรอ 555+ และมีจุดชวนเอ๊ะนิดหน่อย แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบเนื้อเรื่องมันนั้น แค่แอบคิดว่าบทมาไปไกลกว่านี่ได้น่า นั่นแหละมันคือภาค 2 เพราะมันยังต้องเก็บอะไรไว้เล่นในภาคต่อด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันเล่าออกมาได้สนุกจริง ๆ ไม่มีจุดที่น่าเบื่อเลย มันสนุกทั้งเรื่องเลย หนังจะพาเราไปสลับการชื่นชมความงามถิ่นทะเลของดาว Pandora และสลับกับฉากแอ็คชันระทึกได้อย่างลงตัว บางฉากให้ความรู้สึกเหมือนดู Terminator และบางฉากราวกับดู Titanic ยังไงยังงั้น ถึงแม้หนังจะความยาว 3 ชั่วโมงกว่า แต่โดยส่วนตัวไม่รู้สึกว่ามันไม่ได้ยาวจนยืดแต่อย่างใด มันมีจุดให้ทึ่ง อึ้ง ตะลึงได้อยู่ตลอด ที่สำคัญมันมีบางจุดที่ยังรู้สึกว่าหนังรีบเล่าเกินไปด้วยซ้ำ และยังรู้สึกว่ายังอยากให้มีนั่นมีนี่อยู่เต็มไปหมดเลย
สรุป Avatar: The Way of Water เป็นภาคต่อที่คุ้มค่าการรอคอย 13 ปีแบบสุด ๆ งานด้านภาพไร้ที่ติงดงามเหนือคำบรรยาย แนะนำและย้ำอีกครั้งว่าถ้ามีโอกาสและกำลังมากพอ จงไปดูเรื่องนี้ใน IMAX เถอะ ส่วนทางด้านเนื้อเรื่องอาจไม่ได้ลึก ออกจะค่อนข้างธรรมดา มีการหยอดเพื่อปูไปภาคต่ออยู่เยอะเหมือนกัน ถึงกระนั้นมันก็ยังบอกเล่าเรื่องราวได้สนุกไม่ใช่เล่นเลย