ง่ายๆ เลยนะครับ ถ้าอยากมันส์ล่ะก็ จัด Black Adam ได้เลยครับ
ข้างบนนั่นคือการสรุปครับ ตัดสินใจแบบง่ายๆ ไปเลย ส่วนถัดจากนี้ก็ขอสปอยล์แบบสบายๆ หน่อยล่ะนะครับ ถ้าไม่อยากทราบอะไรๆ ก่อนดูก็แนะนำว่าอย่าอ่านครับ ไว้ดูแล้วค่อยมาคุยกัน
Black Adam ถือเป็นตัวอย่างของหนังที่รู้ว่าตัวเองคือใคร รู้ว่าคนดูต้องการอะไร แล้วก็จัดการเนรมิตใส่ส่วนผสมแบบที่คนดูรอคอยปรุงออกมาเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ดูเพลินพอเหมาะลงตัวเรื่องหนึ่ง และขณะเดียวกันเดอะ ร็อคก็อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ด้วยน่ะครับ รายนี้มักจะทำหนังออกมาเพื่อเอาใจคนดูเป็นประจำอยู่แล้ว
หนังกระหน่ำแอคชั่นแบบจัดเต็มครับ อัดกัน ซัดกัน ยิงพลังกัน ถล่มเมืองพังเป็นแถบๆ บู๊แบบซูเปอร์ฮีโร่ทุกๆ 10 นาที ระหว่างทางก็มีช่วงให้ตัวละครแสดงมิติคาแรคเตอร์บ้าง ซึ่งตัวละครก็ลงสูตรสำเร็จครับ มีซูเปอร์ฮีโร่สายโหดอย่างแบล็กอดัม (Dwayne Johnson) ที่โหดร้ายแบบพอน่ารัก ตามด้วยตัวละครเด็ก เอมอน (Bodhi Sabongui) ที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างแบล็กอดัมกับโลกยุคใหม่, มีแม่ของเอมอน (Sarah Shahi) มาคอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตำนาน และมีคาริม (Mohammed Amer) ที่คอยเรียกเสียงฮาและขโมยซีน
จากนั้นก็มีฝ่ายฮีโร่ซึ่งมี 4 คน 4 สไตล์ ตั้งแต่ ฮอว์คแมน (Aldis Hodge) ฮีโร่สายเข้ม เคร่งครัดเคร่งเครียด, ดร.เฟท (Pierce Brosnan) ฮีโร่เก๋า สุขุมคัมภีรภาพ, ไซโคลน (Quintessa Swindell) ฮีโร่สาวน้อยฉลาดหัวไว และอะตอม สแมชเชอร์ (Noah Centineo) ที่มาเพื่อรั่วเป็นหลัก – ยอมรับเลยครับว่าทีมดารานี่คัดมาได้ดีจริงๆ
หนังอาจดูเป็นสตรสำเร็จน่ะนะครับ แต่หนังก็ต้องยอมรับว่าเอาสูตรมาใช้ได้อย่างพอดี อย่างที่บอกน่ะว่าหนังรู้ตัวว่าเป็นหนังแนวไหน ไม่พยายามทำอะไรที่เกินตัว ไม่พยายามเล่นท่ายาก ไม่พยายามแหวกไปพลิกแพลงอะไร ซึ่งถ้าใครเบื่อหนังสูตรมากๆ ก็อาจรู้สึกเฉยกับเรื่องนี้ แต่ถ้าใครสนุกกับสูตรแบบนี้ (เช่นผม) ก็จะเพลินครับ เพราะหนังมันครบรส มาหมดทั้งเปรี้ยวหวานเค็มขมผสมเผ็ดมันส์
นอกจากตัวละครลงสูตร แอคชั่นเต็มสูบแล้ว ก็ยังแทรกรายละเอียดปลีกย่อยลงไปให้หนังดูครบเครื่องไม่โล่งโถง ไม่ว่าจะเรื่องพ่อๆ แม่ๆ ลูกๆ, เรื่องประชาชนที่ถูกกดขี่ จนในที่สุดก็ลุกขึ้นมาสู้เพื่ออิสรภาพ, เรื่องจุดยืนของฮีโร่ตามตำรา เช่น จะฆ่าคนไม่ได้ ฯลฯ ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องมาคัดง้างกับวิธีของแบล็กอดัม หรือฉากการเสียสละตนเองเพื่อผองเพื่อน อะไรเหล่านี้ไม่ใช่ของใหม่ครับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอะไรเหล่านี้ทำให้หนังดูสนุก – ผมชอบฉากที่เอเดรียน่าเถียงใส่ฮอว์คแมนเกี่ยวกับเรื่องซูเปอร์ฮีโร่น่ะครับ สั้น ง่าย และตรงประเด็น จนฮอว์คแมนก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
ถือเป็นงานที่น่าพอใจของผู้กำกับ Jaume Collet-Serra (Non-Stop, The Shallows และ Jungle Cruise) เดินเรื่องฉับไว พุ่งไปข้างหน้า แอคชั่นจัดมาเต็ม แทรกอารมณ์ขันเป็นพักๆ กลั้วด้วยความมันส์หรือไม่ก็อารมณ์ชวนฮึกเหิม เช่นเดียวกับดนตรีของ Lorne Balfe ที่บรรเลงได้เหมาะกับอารมณ์หนังซูเปอร์ฮีโร่
เป็นหนังที่ดูง่ายและร่ายง่ายครับ เพราะมันไม่ซับซ้อนอะไร อารมณ์เหมือนเรานั่งรถไฟเหาะ ไปสนุกสนาน ไปหวาดเสียว ไปเมามันส์กันสัก 2 ชั่วโมง แล้วไว้ว่างๆ (ตอนออกแผ่น-ลงสตรีมมิ่ง) ก็เอามาเปิดดูใหม่ เสพความมันส์ซ้ำกันไป
นี่อาจไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุด มันอาจไม่ได้ล้ำลึกสูงส่ง ไม่แปลกใหม่เหนือความคาดหมาย แต่มันรู้หน้าที่ครับ แล้วมันก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างน่าพอใจ
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)