เข้ามาเป็นหนังเช่าเรื่องใหม่ของทรูไอดีในสัปดาห์ เป็นหนังเล็ก ๆ จากอังกฤษที่เราภูมิใจนำเสนอและอยากหยิบมาให้ทุก ๆ คนได้ลองเปิดใจดูกันสักหน่อย เพราะบอกได้เลยว่า..มันค่อนข้างให้ผลลัพธ์ที่เกิดคาดอยู่ไม่น้อย เพราะนี่คือ “The Phantom of the Open (คุณพ่อหัวใจซู่ส์)” หนังดราม่าตลกที่หยิบเอาตำนานของนักกอล์ฟที่ได้ชื่อว่าทำคะแนนวงสวิงได้ห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์เกมกีฬาชนิดนี้ แต่ชื่อและความฝันของเขากลายเป็นที่จารึกเอาไว้ไปตลอดกาล…
The Phantom of the Open เป็นเรื่องราวของ มอริส ฟลิตครอฟท์ คนงานท่าเรือสินค้าที่มีนิมิตฝันที่ยิ่งใหญ่ ที่ทำให้เขาตัดสินใจก้าวเข้ามาสู่วงการกีฬากอล์ฟด้วยความมุ่งมั่นของตัวเอง เขาร่วมแข่งในโปรแกรมบริติช โอเพ่น ปี 1978 โดยที่ไม่เคยมีประสบการณ์เล่นมาก่อน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของฉายาอันโด่งดังของเขา ซึ่งถูกบัญญัติเอาไว้ว่าเขาคือนักกีฬากอล์ฟที่มีคะแนนการเล่นได้ห่วยที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่โลกเคยบันทึกเอาไว้ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ๆ ทั่วโลก
หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือขายดีที่ชื่อเดียวกันของ “สก็อต เมอร์เรย์” ที่เจาะลึกและเขียนถึงเรื่องราวชีวิตของ มอริส ฟลิตครอฟท์ ในแง่มุมที่ใครอาจจะไม่รู้ โดยถูกนำมาเขียนบทหนังขึ้นมา โดยได้ “ไซมอน ฟาร์นาบีย์” (จาก Paddington 2) มาขัดเกลาและปลุกปั้นเรื่องนี้่ให้ ที่แน่นอนว่า The Phantom of the Open ก็มีความสะอาดและเรียบง่าย เป็นหนังที่เต็มไปด้วยโทนฟีลกู้ดและขบขันสไตล์เมืองผู้ดี เป็นสูตรสำเร็จของหนังอังกฤษที่มักจะหยิบมาใช้เป็นวิธีเล่าเรื่องหนัง
นี่คือผลงานการกำกับหนังใหญ่เรื่องที่ 3 ของนักแสดงที่ผันตัวมาทำงานเบื้องหลัง อย่าง “เกร็ก โรเบิร์ตส์” ที่ต้องยอมรับว่าฝีมือของเขาเริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อต้องมาหยิบจับสร้างหนังเชิงชีวประวัติจากบุคคลที่เคยมีตัวตนอยู่จริงนั้น ถือว่าเขาค่อนข้างสอบผ่านในการมอบมุมมองและวิสัยทัศน์ในการเล่าเรื่องได้ค่อนข้างมีอรรถรส แม้ว่าจังหวะของหนังจะค่อนข้างราบเรียบไปสักหน่อย แต่หนังก็ยังมีกิมมิกและองค์ประกอบเสริมแบบคลาสสิก ๆ หยอดใส่เข้ามาเป็นสีสันตลอดทาง
แน่นอนว่า The Phantom of the Open เป็นหนังที่โดดเด่นด้วยกองทัพนักแสดงที่ถือว่าเป็นแคสติ้งระดับดรีมทีมของหนังฝั่งอังกฤษเลยก็ว่าได้ เพราะแค่ได้ดาราออสการ์ “มาร์ค ไรแลนซ์” มาสวมวิญญาณเป็นนักกอล์ฟห่วยที่สุดในโลก ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีและแทบไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอินเนอร์และวิธีออกแบบการแสดงของเขาเลย เพราะมาร์คสามารถเก็บรายละเอียดเกือบจะทุกอนูในความเป็นคุณฟลิตครอฟท์ได้อย่างน่าประทับใจ
แม้ว่าส่วนตัวผู้เขียนนั้นจะแทบไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับกีฬาเท่าไหร่ และไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับประวัติของ มอริส ฟลิตครอฟท์ แต่เมื่อได้ไปรีเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของนักกีฬาผู้นี้จริง ๆ แล้ว และนำกลับมาเปรียบเทียบดูกับสิ่งที่หนังถ่ายทอดออกมานั้น ยิ่งทำให้เห็นว่ามาร์ครับบทบาทนี้ได้อย่างละเอียดจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกท่าทาง การดีไซน์การพูดและเปล่งคำต่าง ๆ รวมทั้งลีลาวงสวิงในสนาม ถือว่าเขาทำการบ้านมาได้สมกับเป็นนักแสดงมืออาชีพ
The Phantom of the Open ยังมีนักแสดงสมทบชั้นเทพ อย่าง “แซลลี่ ฮอว์กินส์” เธอคนนี้แค่ยืนนิ่งๆ อยู่เฉย ๆ ก็อินเนอร์ทรงพลังแล้ว เมื่อต้องมาเป็นตัวละครที่เสริมคาแรกเตอร์หลักด้วยแล้ว เธอก็ยังมอบการแสดงชนิดที่น้อยแต่มากได้อย่างน่าทึ่ง และหนังยังมีนักแสดงอังกฤษคุ้นหน้าและฝีมือมาแจมด้วยอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น “รีส อีวันส์”, “ไนเจล เบ็ตส์” หรือ “โยฮันน์ ไมเออรส์” เป็นองค์ประกอบเสริมกันอย่างกลมกล่อมได้ดี
นี่จึงกลายเป็นหนังฟีลกู้ดดี ๆ ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป เพราะด้วยหน้าหนังอาจจะไม่ได้ดึงดูดให้สนใจขนาดนั้น แต่เมื่อได้ลองเปิดดูและซึมซับไปกับเรื่องราวของ มอริส ฟลิตครอฟท์ ก็จะพบว่ามันเป็นความฝันเล็ก ๆ ที่ใครว่าเพ้อเจ้อ แต่สามารถทำให้เป็นจริงได้ ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็จัดได้ว่าเป็นหนังที่มอบแง่คิดและแรงบันดาลใจกับการใช้ชีวิตในหลากหลายแง่มุม ทั้งในชีวิตการงาน ชีวิตครอบครัว และชีวิตรัก ที่ทุก ๆ องค์ประกอบในแง่มุมเหล่านั้น ได้ถูกใส่เข้ามาอย่างบรรจงในหนังเรื่องนี้ค่อนข้างทำให้คนดูอิ่มอกอิ่มใจตามไปด้วย
เอาว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น The Phantom of the Open ถือว่าเป็นหนังอังกฤษที่ออกจะดูธรรมดา ๆ แต่เราคิดว่าให้ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างเซอร์ไพรส์อยู่ไม่เบาทีเดียว นี่คือหนังที่ทำให้้้้ทั้งตลกขบขัน แต่ก็น้ำปริ่มไปกับความฝันยิ่งใหญ่ที่มุมานะ ได้ทราบถึงเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่พยายามอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะไม่ได้ทำผลงานออกดีแต่ก็ยังพยายามไม่ย่อท้อ ช่างเป็นแรงบันดาลใจให้จริง ๆ และก็คือเขาผู้นี้นี่เองที่เป็นต้นตำหรับของวลีที่ว่า… “Practice is the road to perfection. (การฝึกฝนเป็นหนทางของความสำเร็จ)”