ก่อนดู The Grudge ฉบับ 2020 ผมก็ถามตัวเองครับว่า “ทำไมถึงรอนานจังกว่าจะเอามาดู?” แล้วใจก็ตอบสวนขึ้นมาครับว่า “คงเพราะรู้สึกเฉยๆ กับหนังชุดนี้ไปแล้วน่ะ” แล้วที่เอามาดูนี่ก็เพราะมันมีให้ดูใน HBO Go ครับ แล้วมันก็ขึ้นว่ากำลังจะเลิกฉาย พอเห็นดังนั้นสบกับเวลาที่เหมาะพอดี เลยจัดซะ จะได้ดูให้จบๆ กันไป
ตอนแรกเห็นทีมผู้สร้างบอกว่าจะรีบูทหนังชุดนี้ใหม่ไปเลย แต่ไปๆ มาๆ ก็อยู่ในชุดเดียวกันกับ The Grudge ฉบับอเมริกันครับ เหตุการณ์ในภาคนี้จะอยู่ระหว่าง ภาคแรกกับภาค 2 เรื่องว่าด้วยฟีโอน่า แลนเดอร์ส (Tara Westwood) พยาบาลสาวที่ได้ย่างกรายเข้าไปในบ้านผีดุของคายาโกะอยู่พักหนึ่ง แล้วเธอก็รู้สึกไม่สบายใจครับ เลยขอกลับมาหาครอบครัวที่อเมริกา
แต่หารู้ไม่ครับว่าเธอได้นำพาเอาคำสาปของคายาโกะติดตัวกลับมาด้วย แล้ววงจรผีดุฉบับอเมริกันก็เริ่มต้นขึ้นจนได้
ผมว่าผมคงอิ่มตัวกับหนังชุดนี้แล้วล่ะครับ นับไปนับมานี่ผมดูฉบับญี่ปุ่นอย่างน้อยก็ 7 ภาคเข้าไปแล้ว ฉบับอเมริกันอีก 3 รวมกันก็เป็นสิบแล้ว แม้ผมจะชอบภาคแรกสุดอยู่เหมือนเดิม แต่ก็ยอมรับครับว่าภาคหลังๆ นี่คายาโกะดูจะฤทธิ์แรงเกินจนความขลังลดลงตามลำดับ ยิ่งฉบับอเมริกันนี่ยิ่งทำยิ่งไปกันใหญ่
ภาคนี้ก็นับเป็นภาค 4 ของฉบับมะกันครับ ซึ่งภาค 3 ก่อนหน้านี้ผมว่าก็สนุกน้อยแล้วนะ แต่นึกไม่ถึงครับว่าภาคนี้จะไม่สนุกเอาเลย มันเหมือนเป็นการเอาองค์ประกอบของหนังภาคก่อนๆ มาเล่าใหม่ มันเป็นอะไรที่เราเคยเห็นมาจากภาคก่อนๆ โอเค การอาละวาดของผีในเรื่องอาจไม่เหมือนเดิม เพราะเป็นผีทีมใหม่ ใช่ครับ ผีในเรื่องนี้ไม่ใช่ทีมคายาโกะ แต่เป็นทีมใหม่ที่ขยายแฟรนไชส์มา ทว่าองค์ประกอบของทีมผีนี้ก็ยังประกอบด้วยหนึ่งสามี หนึ่งภรรยา และหนึ่งลูกอยู่เหมือนเดิม
หลายฉากในเรื่องนี่มุกเดิมเลยครับ อย่างตอนตัวละครหนึ่งอาบน้ำแล้วมือผีโผล่ที่หัวเงี้ย หรือหญิงชรานอนอยู่แล้วมีผีโผล่มาคร่อมตัว แล้วก็มีคนเห็นเงี้ย หรือบางตัวละครก็มีเหตุให้สภาพใบหน้าเละกรามหลุดเงี้ย หรือการเดินเรื่องแบบตัดเหตุการณ์ย้อนไปย้อนมาเงี้ย ฯลฯ คือมันเป็นการรีไซเคิลฉากเก่า มุกเก่าจากภาคก่อนๆ ชัดๆ
โทนของหนังมันก็ดูเป็นหนังผีที่มีความลึกลับอยู่ครับ แต่การเดินเรื่องมันไม่น่าติดตามนัก ส่วนหนึ่งอาจเพราะผีในเรื่องยังอาละวาดไม่สาใจพอ อันนี้ถือเป็นปัญหาอยู่เหมือนกันนะครับ ผมเคยบ่นว่าภาคก่อนๆ ฤทธิ์เจ๊คายาโกะกับทีมงานออกจะมากเกินจนหนังดูเลอะ (จนผมเคยแซวว่าเจ๊สามารถยกพวกไปตีกับเง็กเซียนฮ่องเต้ยังได้เลย) ในขณะที่ภาคนี้ผีทีมใหม่ออกจะเก็บตัวไปนิด อาละวาดสร้างความสะพรึงน้อยไป แล้วมุกที่ใช้ในการสร้างความสะพรึงก็ยังซ้ำอีก มันเลยทำให้หนังไม่ค่อยน่าสนใจสักเท่าไร
สารภาพเลยครับว่าแอบหาวในหลายวาระ กราฟนิ่งมาก ความน่ากลัวไม่เยอะ ปมให้ติดตามก็ไม่มีอะไร ยิ่งใครดูหนังชุดนี้มาก็น่าจะเดาหลายๆ อย่างได้ตั้งแต่ต้น ยิ่งฉากจบนี่เดาได้ไม่ยากเลยครับ มันต้องจบแบบนี้แหละ (มุกการจบแบบนี้ไม่ใช่แค่หนังชุดนี้ที่ใช้ครับ แต่หนังสยองหนังผีมากมายใช้กันมานักต่อนัก)
และเรื่องนี้ถือเป็นหนังเรื่องแรกในชุดที่ Takashi Shimizu ผู้ให้กำเนิดหนังชุดนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องครับ อย่าง The Grudge 3 เขายังอำนวยการสร้างอยู่ แต่ภาคนี้เขาไม่มีส่วนใดๆ ไม่ว่าหน้าที่ไหนๆ ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะแบบนั้นหรือเปล่าหนังเลยดูดร็อปอย่างยิ่ง
แต่กระนั้นหนังก็ถือว่าทำกำไรนะครับ ทำเงินทั่วโลกไป $49.5 ล้าน ในขณะที่ทุนสร้างเพียง $10 ล้านเท่านั้น ซึ่งหากจะมีการทำต่ออีกผมก็ไม่แปลกใจน่ะครับ
สำหรับนักแสดงในเรื่อง ผมว่าแต่ละคนก็ทำหน้าที่ได้ดีล่ะครับ ตัวเอกของเรื่อง Andrea Riseborough ก็ดูโทรมสมบท ส่วนรายที่ถือว่ามาน้อยแต่เด่นผมยกให้เจ้าป้า Lin Shaye ครับ แสดงหนังสยองทีไรเป็นที่จดจำทุกที และอีกคนก็ William Sadler รายนี้ก็มาน้อยแต่น่าจดจำเหมือนกัน
สรุปว่าไม่น่าจดจำครับ
ดาวเดียวครับ
(4/10)