The Hunt (2020) จับ ล่า ฆ่าโหด

Untitled07883

พล็อตของ The Hunt จะว่าไปก็ไม่ได้ใหม่อะไรครับ นั่นคือการจับเอาคนแปลกหน้ามาปล่อยไว้ในป่าแห่งหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะโดนไล่ล่าฆ่าให้ตายประหนึ่งเกมกีฬาของคนจิตโหด ที่เหลือที่ต้องตามดูก็คือใครจะรอดเป็นคนสุดท้าย และตกลงใครเป็นคนจับพวกเขามาเล่นเกมโหดแบบนี้กันแน่

หนังจัดว่าดูได้เรื่อยๆ ตามสไตล์ครับ มีฉากโหดประเภทเลือดสาด อวัยวะกระจุยอยู่เยอะเหมือนกัน ในแง่ความลุ้นก็ถือว่าหนังมีให้พอประมาณครับ ส่วนหนึ่งก็คงต้องขี้นกับคนดูด้วยว่าชินกับหนังแนวนี้หรือยัง หากใครชินแล้วก็อาจเดาทางได้ และไม่ถึงกับลุ้นอะไรมาก แต่หากใครใหม่กับหนังแนวนี้ก็อาจรู้สึกลุ้นมากกว่าหน่อย

ส่วนผมก็กลางๆ ครับ ดูได้เพลินๆ รู้สึกว่าหนังก็น่าติดตามดี ดูไปก็คิดไปว่าใครจะอยู่ใครจะตายบ้าง มันอาจไม่ได้ลุ้นแบบเสียวไส้ แต่ลุ้นแบบว่า “เรื่องราวจะพาเราไปทางไหน” มากกว่า

ผมชอบการแสดงของ Betty Gilpin ครับ รายนี้หน่วยก้านดีมาก หน้าตาท่าทางดูมีเอกลักษณ์ มีความแกร่งผสมความกวน มุมหนึ่งก็ดูไม่น่าไว้ใจอยู่เหมือนกัน ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีตามที่บทกำหนด บางคนก็มาเร็วเคลมเร็วจนไม่ถึงตั้งตัวเหมือนกัน

อีกคนที่ชอบคือ Hilary Swank ครับ บทที่เธอได้รับถือว่าเหมาะมากๆ ทั้งแววตาสีหน้าดูเป็นคนหยิ่งผยอง และเป็นคนที่ถนัดในการคุมเกม มีบทอาจไม่เยอะ แต่เวลาโผล่มาทีไรก็ได้ใจทุกที

โดยรวมแล้วผมสนุกกับหนังครับ ดูไปเรื่อยๆ ตามเรื่องไปเรื่อย ดูว่าใครจะตายยังไงบ้าง หรือใครจะรอดเพราะอะไรบ้าง ถือว่าหนังเดินเรื่องกำลังเหมาะ ไม่ช้าเกินไป แต่ก็ไม่ได้ไวเว่อร์ ซึ่งหนังกำกับโดย Craig Zobel ที่ส่วนใหญ่มักจะกำกับซีรี่ส์เป็นหลัก ส่วนผลงานของเขาที่พอจะเคยผ่านตาก็คือ Z for Zachariah ซึ่งก็บอกได้อย่างหนึ่งครับว่าเรื่องนี้ถือว่าทำได้ดีกว่าเรื่องนั้นพอสมควร

Untitled07882

พอดูจบผมก็สรุปอยู่ในใจน่ะนะครับ สรุปว่าโอเคกับหนัง มันก็ดูสนุกดี และผมออกจะชอบการจิกกัดสารพัดที่มีในหนังด้วย ซึ่งหนังก็จิกไปทั่วครับ ไม่ว่าจะคนเหยียดเพศ-ไม่เหยียดเพศ,คนเหยียวผิว-ไม่เหยียดผิว, คนรวย-คนจน, คนชนชั้นสูง-คนรากหญ้า, คนที่ชอบสร้างทฤษฎีสมคบคิด-คนที่เป็นตัวละครอยู่ในทฤษฎีสมคบคิดนั้นๆ ฯลฯ ประโยคจิกกิดชวนคิดก็มีมาเรื่อยๆ ก็ทำให้หนังมีความน่าสนใจไม่เลว

และที่ออกจะชอบมากหน่อยคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เกมนี้มีขึ้นครับ ชนวนเหตุมันดูสมเหตุผลนะ ขณะเดียวกันมันก็เสียดสีโลกได้ดีเหมือนกัน จุดนี้ไว้ว่าอีกทีในโซนสปอยล์นะครับ

เอาเป็นว่าหนังเพลินดีครับ แต่ใครไม่ชอบฉากโหดๆ ก็บอกไว้ก่อนว่ามันฆ่ากันโหดอยู่ และยังฆ่ากันทั้งเรื่องด้วย ดังนั้นใครไม่สันทัดหรือดูไม่ไหวก็ข้ามไปได้ครับ แต่ใครชอบหนังแนวนี้ก็ลองดูได้ หนังถือว่าน่าพอใจใช้ได้เหมือนกัน มันอาจยังไม่ถึงขั้นลงตัวกลมกล่อมสุดๆ มีจุดเชื่องช้าบ้าง แต่รวมๆ แล้วก็ดูเพลินดี

สองดาวใกล้ครึ่งครับ

Star21

(6.5/10)

===========================

สปอยล์ล่ะนะครับ

สรุปว่าการที่เกมไล่ฆ่านี่มันเกิดขึ้นก็เพราะความบังเอิญแบบซวยๆ ครับ ประมาณว่าคนระดับผู้บริหารกลุ่มหนึ่งเขาคุยกันเล่นๆ พูดเล่นๆ เกี่ยวกับเกมจับคนมาไล่ฆ่า (กล่าวคือตอนนั้นเกมนี้ยังไม่มีครับ แค่พูดเปรียบเปรยเล่นๆ ในแชทไลน์เท่านั้น)

แล้วทีนี้ดันมีคนรู้ แล้วก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง แล้วก็สร้างเป็นทฤษฎีสมคบคิดเป็นตุเป็นตะจนเรื่องเกมไล่ฆ๋านี่เป็นที่พูดถึงไปทั่ว ทีนี้ข่าวมันเลยส่งผลแคนนอนกลับมายังกลุ่มผู้บริหารที่คุยเล่นกัน มันทำให้พวกเขาโดนเด้งครับ ตกงานกันหมด – ผมชอบฉากที่อาเธน่า (Swank) ตะโกนตอนกำลังจะโดนไล่ออกว่า “ใครมันบ้าเชื่อเรื่องพรรค์นี้วะ” มันสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของเธอได้ชัดมากๆ

ทีนี้พอพวกเขาตกงาน แต่ก็ยังพอจะมีอำนาจและเงินทองมากประมาณหนึ่ง พวกเขาเลยรวมตัวกันทำให้เกมนี้เกิดขึ้นมาจริงๆ ซะเลย และคนที่ถูกพวกเขาจับมาไล่ฆ่านั้นก็คือคนที่เคยกล่าวพาดพิงพวกเขา ไม่ว่าจะคนคิดทฤษฎีสมคบคิด หรือคนที่เคยโพสต์ด่าพวกเขาในเน็ทอะไรทำนองนี้ นี่แหละครับที่มาของเกมไล่ฆ่า The Hunt

ยอมรับครับว่ารู้สึกชอบ มันดูมีเหตุผลผสมความบ้าคลั่ง ทำให้ตระหนักว่าทุกอย่างมันมีความเกี่ยวเนื่องกันได้เสมอ อย่าคิดว่าสิ่งที่เราทำมันจะไม่ส่งผลกระทบไปถึงใคร

แล้วหนังยังมาหักมุมอีกดอกหนึ่งตรงที่คริสตัล (Gilpin) ตัวเอกของเรื่องเฉลยว่า เธอโดนจับมาผิดตัว ประมาณว่าคนที่โพสต์ด่าพวกผู้บริหารน่ะมีอยู่คนหนึ่งที่ชื่อเหมือนเธอ แต่ไม่ใช่เธอ เธอไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย แต่ดันโดนจับมา และเธอนี่แหละครับที่กลายเป็นหายนะล้างบางพวกผู้บริหารในเกมนี้จนหมด

โดยส่วนตัวผมมองว่ามันสะท้อนถึงเรื่อง “พลังเงียบ” อยู่เหมือนกันนะ คริสตัลนี่ก็เป็นเหมือนคนทั่วไปที่อาจไม่ได้แสดงความคิดเห็นโพสต์ลงเน็ทหรือออกหน้าออกตาพูดอะไรสักอย่าง แต่เป็นคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตของตัวเองไป ทำหน้าที่ของตัวเองไป แต่ถึงจะไม่แสดงออกหรือไม่ออกมาแสดงความเห็น แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่มีความคิด ใช่ว่าเธอจะไม่รู้อะไรกับเขาเลย – และที่สำคัญคือ “ใช่ว่าเธอจะไม่มีดีอะไร”

อะไรเหล่านี้นี่แหละครับที่ทำให้ผมชอบหนังเรื่องนี้

SHARE THIS: