Cobra Kai Season 1 (2018) คอบร้า ไค ปี 1

Untitled05874

The Karate Kid ถือเป็นหนึ่งในหนังที่ประทับแน่นอยู่ในความทรงจำของผม แม้ว่าผมจะไม่ได้เอาหนังชุดนี้มาดูบ่อยๆ และว่าตามจริงก็ไม่ได้ถึงขนาดชอบสุดๆ แต่มันมี Impact ที่สำคัญประการหนึ่งต่อตัวผม จนผมยังนึกถึงอยู่เป็นระยะๆ ครับ

ตอนดูหนังชุดนี้เป็นครั้งแรกนั้น ผมดูต่อกัน 3 ภาครวด ดูตั้งแต่เช้าไปจบเอาตอนเย็น (จำได้เลยว่าตอนภาค 3 จบนี่พระอาทิตย์กำลังจะตกเลยครับ) ผมชอบภาคแรกมากที่สุดและภาคสองภาคสามก็ลดหลั่นความชอบลงไปตามลำดับ ถ้าว่าตามจริงภาค 3 ไม่ค่อยสนุกสักเท่าไร แต่การดูต่อกัน 3 ภาคในวันนั้นมันทำให้ผมได้สัมผัสประสบการณ์ “การอินกับหนัง” แบบจริงๆ จังๆ เป็นครั้งแรก กล่าวคือการดู 3 ภาคต่อกันมันทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับแดเนี่ยลและคุณมิยากิ ประหนึ่งว่าผมกับพวกเขาเป็นเพื่อนกันไปแล้ว ในการเจอกันวันนั้น (อารมณ์เหมือนถ้าผมเดินออกไปนอกบ้านก็จะได้เจอพวกเขาน่ะครับ ขนาดนั้นเลย)

และนั่นทำให้การดูหนังภาค 3 มันมีรสชาติมากกว่าที่ควรจะเป็น คืออย่างที่ผมบอกว่าภาค 3 มันไม่ค่อยสนุกใช่ไหมฮะ แต่กลายเป็นว่าพอผมดู 3 ภาคต่อกัน มันทำให้ภาค 3 ดูโอเคมากกว่าที่ควรจะเป็น แม้ผมจะบอกได้ว่ามันไม่ค่อยสนุก แต่ผมกลับเทความสนใจไปที่ชีวิตของพวกเขา สนใจว่าพวกเขาจะต้องเจอกับอะไรและจะผ่านปัญหาไปได้ไหม พูดง่ายๆ คือตอนดูนั้นผมแทบไม่สนเลยครับว่าหนังสนุกหรือไม่ แต่ผมพอใจกับการได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของแดเนี่ยลกับคุณมิยากิมากกว่า

หนังชุด The Karate Kid ทั้ง 3 ภาคจึงเป็นหนังที่มีความหมายสำหรับผมครับ (ส่วนภาค 4 ไว้ค่อยว่ากันอีกเรื่อง) และคงไม่ต้องบอกนะครับว่าพอผมได้ข่าวว่าจะมีการทำซีรี่ส์ภาคต่อออกมา ผมจะยินดีปรีดาขนาดไหน

และผมชอบมากๆ ที่หนังเลือกจะให้จอห์นนี่ ลอว์เรนซ์ (William Zabka) คู่อริของแดเนี่ยลในภาคแรกมาเป็นตัวละครหลัก ผมว่าเป็นไอเดียที่สดมากครับ และเนื้อเรื่องก็ถูกใจด้วย เพราะพล็อตหลักก็คือการเล่าให้เรารู้ถึงชีวิตที่ไม่สดสวยสักเท่าไรของจอห์นนี่ อันที่จริงต้องใช้คำว่าตกอับเลยล่ะครับ วันๆ เอาแต่เมาและทำงานแบบพอให้มีกิน ชีวิตดูไม่มีอนาคตเลย

แต่ในทางกลับกันชีวิตของแดเนี่ยล (Ralph Macchio) นั้นโคตรจะดี๊ดี เขาเป็นเจ้าของกิจการขายรถยนต์ มีฐานะดีมากๆ ต่างกับจอห์นนี่แบบฟ้ากับดิน

Untitled05876

จริงๆ มันก็คือ Karate Kid ที่สลับตำแหน่งกันน่ะครับ จากเดิมแดเนี่ยลเป็นรองจอห์นนี่ แต่ตอนนี้ชีวิตจอห์นนี่เป็นรองแดเนี่ยลอยู่หลายขุม และสิ่งที่เราจะได้เห็นก็คือความพยายามในการพลิกชีวิตของจอห์นนี่ให้มันดีขึ้นและมีอนาคตมากขึ้นกว่าที่เป็น ซึ่งประจวบเหมาะกับที่เขาได้พบกับ มิเกล (Xolo Maridueña) หนุ่มหน้าอ่อนที่เปรียบได้กับแดเนี่ยลสมัยก่อน (ประมาณว่าโดนเด็กไม่ดีมารังแกซ้ำๆ น่ะครับ)

จอห์นนี่เลยตัดสินใจเปิดสำนักคอบร้าไคขึ้นมาอีกครั้งเพื่อสอนคาราเต้ให้กับมิเกล และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดครับ

บอกได้เลยว่าถูกใจมากๆ ครับ ถูกใจในหลายภาคส่วน ส่วนแรกเลยคือการได้เห็นเรื่องราวบทต่อมาของ The Karate Kid เหมือนได้แวะไปเจอเพื่อนเก่าน่ะครับ เอาแค่ส่วนนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกบวกกับซีรี่ส์ได้อย่างมากแล้ว และตัวซีรี่ส์ทำออกมาได้ดีด้วยครับ เนื้อเรื่องดูสนุก น่าติดตาม ครบทั้งดราม่า แอ็กชัน และสาระสอนวิชาชีวิต

ส่ิ่งหนึ่งที่ผมว่าซีรี่ส์นี้ทำได้อย่างถูกต้องก็คือ ความยาวแต่ละตอนที่ไม่มากเกินไปครับ จะอยู่ที่ 25 – 30 นาที ผมว่ากำลังดีนะ การเล่าเรื่องมันเลยจะเป็นการเล่าแบบเนื้อๆ ไม่ต้องพยายามเพิ่มฉากนั้นฉากนี้เพื่อให้เต็มเวลามาตรฐาน (ที่มักจะอยู่ที่ 45 นาที) เลยทำให้แต่ละตอนมีความหนักแน่นและโดดเด่น ประเด็นเรื่องราวก็เล่าแบบเนื้อๆ เน้นๆ ได้รสอร่อยแบบเต็มคำ

ด้านดาราก็ยกนิ้วให้เลยครับ Zabka แสดงได้เยี่ยมมาก เขายังมีความกวนแบบที่เราเคยเห็นในภาคแรก ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะวิธีคิดและวิถีชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นมันนำพาให้เขากลายเป็นแบบนั้น แต่ขณะเดียวกันเราก็เชื่อน่ะครับว่าเขากำลังพยายามจะเปลี่ยนชีวิตตัวเองอยู่ จนเราอดที่จะเอาใจช่วยเขาไม่ได้ และที่สำคัญคือความกวนความร้ายนิดๆ ของพี่แกมันดันกลายเป็นความน่ารักในหลายๆ วาระ ซึ่งเสริมความน่าสนใจให้ตัวละครนี้ได้อย่างมาก

และบทมิเกลของ Maridueña ก็เลือกมาได้ดีมากๆ ครับ รายนี้เหมาะมากกับบทนี้ เขาดูเป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นและยังเป็นเด็กที่รู้จักคิด รู้จักตั้งคำถามน่าสนใจให้จอห์นนี่ต้องมานั่งขบคิด และยิ่งตอนท้ายๆ ของปีนี่ก็ผมก็ยิ่งชื่นชมครับ เพราะเขาแสดงมิติของตัวละครออกมาได้อย่างดี กล่าวคือมิเกลก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีด้านมุมดีและมุมไม่ดีในตนเอง

จะว่าไปก็เหมือนเป็นการ Reverse สูตรสำเร็จอยู่นะครับ ของเดิมคือคนแก่กว่ามาสอนคนหนุ่มกว่าทั้งวิชาชีวิตและคาราเต้ ในขณะนี้คราวนี้คนแก่กว่าแม้จะเป็นฝ่ายสอนคาราเต้ให้คนหนุ่ม แต่ขณะเดียวกันคนหนุ่มเองก็ทำให้คนแก่ได้เรียนรู้บทเรียนชีวิต ได้แก่ไขความผิดพลาดบกพร่องที่มีอยู่ในตน

Untitled05875

ความสัมพันธ์ระหว่างจอห์นนี่และมิเกลเป็นอะไรที่น่าจดจำมากครับ สามารถเทียบชั้นกับรุ่นคุณมิยากิและแดเนี่ยลได้เลย… ที่บอกว่าเทียบได้นี่หมายถึง “ความสวยงามของสายใยที่พวกเขามีให้กัน” นะครับ ไม่ได้บอกว่าจอห์นนี่เทียบคุณมิยากิได้นะ อันนี้ต้องบอกไว้ก่อนครับ

ปีแรกมีความยาว 10 ตอนครับ ก็บอกได้เลยว่าสนุกทุกตอน (บางตอนก็สนุกมากๆ) ดูแล้วรู้สึกบวก รู้สึกมีพลังและกำลังใจการสู้ชีวิต นี่ถือเป็นซีรี่ส์แนวสร้างแรงบันดาลใจได้เลยครับ ผมเชื่อว่าหลายคนดูแล้วก็คงรู้สึกไม่ต่างไปจากผม คือรู้สึกว่าดูแล้วได้สาระแง่คิดติดหัวไป แกล้มด้วยความสนุกและน่าติดตาม

ส่วน Macchio ในบทแดเนี่ยลนั้นก็ถือเป็นบทรองครับ แต่ก็เป็นบทรองที่มีผลต่อเนื้อเรื่อง และผมก็ชอบนะที่บทเขียนให้แดเนี่ยลเองมีบทเป็นฝ่ายตรงข้ามกับจอห์นนี่ ซึ่งเขาจะไม่เชิงเป็นตัวร้ายน่ะนะครับ แค่รู้สึกไม่ไว้ใจจอห์นนี่อย่างมาก เลยอยู่ฝ่ายตรงข้ามและคอยขวางทางจอห์นนี่ในบางครั้ง (ซึ่งหากวัดจากสิ่งที่แดเนี่ยลเจอในตอนนั้น มันก็พอเข้าใจได้ครับว่าเพราะอะไรแดเนี่ยลถึงยากจะไว้วางใจจอห์นนี่ได้)

และผมชอบที่บทหนังเขียนเล่าเรื่องในส่วนของแดเนี่ยลว่าเขาได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างเมื่อจอห์นนี่กลับเข้ามาในชีวิต ก็ทำเอาสมดุลในชีวิตของแดเนี่ยลเป่ไปหน่อยนึงเลยล่ะครับ และนั่นก็เปิดโอกาสให้ซีรี่ส์สามารถนำเอาบทเรียนเก่าๆ (แต่คลาสสิก) ของคุณมิยากิกลับมาสอดแทรกใส่ลงไปในซีรี่ส์ได้อย่างพอเหมาะ ซึ่งอันนี้ผมชื่นชมทีมงานเลยครับ เพราะเวลาที่คำสอนของคุณมิยากิโผล่มาทีไร หรือตอนไหนที่แดเนี่ยลนึกถึงคุณมิยากิ โทนของซีรี่ส์ ณ ตอนนั้นมันจะอบอุ่นขึ้นมาทุกที (อารมณ์เหมือนมีอ้อมกอดที่มองไม่เห็นมาโอบกอดแดเนี่ยลไว้อย่างอ่อนโยนน่ะครับ – และคนดูก็สัมผัสถึงมันได้ด้วย)

ดารารายอื่นที่มาสมทบก็นับว่าเลือกมาได้เหมาะทุกคนเลยครับ เริ่มจาก Gianni Decenzo ในบท ดิมิทรี่ จอมขี้บ่นและ Jacob Bertrand ในบทอีไล ทั้ง 2 คนจะมาเป็นเพื่อนของมิเกลครับ ซึ่งแต่ละคนก็จะออกแนวเนิร์ดๆ นิ่งๆ โดยเฉพาะอีไลที่จะหงอมากๆ ในตอนแรก แต่พอครึ่งหลังนี่จะเป็นอีกโทนเลยครับ อันนี้ยอมรับว่า 2 คนนี้เล่นดีมากๆ

Courtney Henggeler รับบทอแมนด้า ภรรยาของแดเนี่ยล รายนี้ตอนแรกดูเหมือนจะไม่มีบทอะไรมากนะครับ ตอนแรกผมก็มีคำถามเหมือนกันว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนอย่างไรบ้างหนอ? เพราะอะไรแดเนี่ยลถึงตัดสินใจแต่งงานกับเธอ? เธอมีอะไรพิเศษตรงไหน? แต่พอดูๆ ไปแล้วก็รู้เลยครับว่าผู้หญิงคนนี้มีดีและเก่งมากๆ จนบอกได้เลยว่าถ้าแดเนี่ยลไม่มีผู้หญิงคนนี้นะ ชีวิตเขาอาจจะไม่ดี๊ดีขนาดนี้ก็ได้

Untitled05877

Mary Mouser รับบท ซาแมนธา ลูกสาวของแดเนี่ยล คนนี้ก็เลือกมาได้เหมาะครับเพราะบทนี้ผมว่ามีความซับซ้อนนะ ซาแมนธาเป็นเด็กสาวที่มีความซับซ้อนในตัวเอง เธอมีทั้งความแข็งแกร่งและอ่อนแอ มีทั้งความมั่นใจและความสับสน ซึ่ง Mouser ก็ถ่ายทอดบทนี้ได้ดีครับ และอีกคนที่ลืมไม่ได้คือ Tanner Buchanan ในบทบ็อบบี้ คีน ลูกชายที่ห่างเหินของจอห์นนี่ รายนี้ก็ดูมีความร้ายกาจฉายแววอยู่ทางใบหน้าครับ แต่บทของเขาก็มาพร้อมกับความพลิกผันที่น่าสนใจเหมือนกัน

นักแสดงทุกคนถือว่าลงล็อค เหมาะกับบทที่ได้รับ เมื่อมารวมกับการเล่าเรื่องที่กระชับและน่าติดตามแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้เลยเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ ผมดู 10 ตอนต่อกันจบในวันเดียวครับ ดูเพลินมากจริงๆ ประเภทว่าพอจบหนึ่งตอนก็อยากดูตอนต่อไปทันที เพราะอยากรู้ว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างไรต่อ และส่วนใหญ่ตอนจบของแต่ละตอนก็ชอบทิ้งปมให้เราอยากดูต่อด้วย (อารมณ์เหมือนหนังจีนชุดสมัยก่อนน่ะครับที่ชอบจบแบบค้างคา กระตุ้นให้เราอยากดูตอนต่อไปเร็วๆ)

ผมชอบซีรี่ส์นี้จริงๆ ครับ ผมชอบที่ได้เห็นพัฒนาการของจอห์นนี่ที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองไปทีละนิด โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นทีละหน่อย ผมมองว่าเราทุกคนต่างก็มีบางช่วงบางเวลาที่เป็น “จอห์นนี่” ครับ เราอาจท้อแท้ เราอาจหลงทาง เราอาจขาดต้นแบบที่ดี หรือเราอาจมีมุมคิดที่ก่อพิษต่อชีวิตมากไปหน่อย แต่มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเรานี่แหละครับว่าเราจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อปรับปรุงชีวิตให้ดีกว่าหรือไม่ หรือเราจะปล่อยให้ชีวิตไหลไป มายังไงก็ไปยังงั้น ต่อให้มันจะแย่แค่ไหนก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น

ชีวิตของจอห์นนี่ก็ขึ้นอยู่กับจอห์นนี่ เหมือนชีวิตของเราก็ขึ้นอยู่กับเรานี่แหละครับ เราคือผู้มีบทบาทหลักในการกำหนดชีวิตตนเอง จริงครับที่นอกจากตัวเราแล้ว มันยังมีคนรอบข้าง มีสิ่งแวดล้อม มีสังคม และมีเหตุการณ์ต่างๆ มาส่งผลต่อตัวเรา เราอาจกำหนดปัจจัยในชีวิตไม่ได้ทั้งหมด เพราะเรากำหนดสังคมไม่ได้ กำหนดคนรอบข้างไม่ได้ แต่อย่างน้อยถ้าเรายังไม่ลืมที่จะกุมบันเทียนชีวิตตน มันก็ยังพอมีความเป็นไปได้ที่ชีวิตของเราจะดีกว่านี้ หรืออย่างน้อยก็ไม่แย่ไปกว่านี้

อีกสิ่งที่ผมชอบ (รู้สึกผมจะใช้คำว่า “ผมชอบ” บ่อยนะครับ แต่ทำยังไงได้ ก็มันชอบจริงๆ น่ะครับ) คือการเปลี่ยนแปลงตัวเองของจอห์นนี่มันดูพอเหมาะ คือบอกตรงๆ ว่าจนจบปีแรกเนี่ยจอห์นนี่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยนตัวเองไปเป็นคนละคนหรอกครับ แต่มันเป็นการเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป ผมมองว่ามันเป็นการเปลี่ยนที่ดูมีเหตุมีผล คือค่อยๆ ให้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เขาประสบมาขัดเกลาตัวเขาให้เข้าที่เข้าทางทีละนิดทีละหน่อย มันเป็นอะไรที่ดูเป็นไปได้น่ะครับ

Untitled05883

ผมอยากจะขอบคุณทีมงานที่สรรสร้างซีรีส์ชุดนี้ครับ นอกจากจะทำให้คนที่เคยดู The Karate Kid อย่างผมได้รำลึกความหลังพร้อมได้รับรู้เรื่องราวชีวิตบทต่อมาของตัวละครที่คุ้นเคยเมื่อวันวานแล้ว ซีรี่ส์ยังมาพร้อมความสนุก พร้อมแง่คิด พร้อมสาระที่เสริมพลังใจ ที่สำคัญคือดูแล้วอินครับ อย่างมีอยู่ตอนหนึ่งที่จอห์นนี่กับมิเกลต่างคนต่างทำสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองหวังแล้วมาเฮพร้อมกันในสำนักนี่ ผมก็รู้สึกเฮตามเขาไปด้วยน่ะครับ มันทำให้เรารู้สึกอินได้ขนาดนั้นจริงๆ

… พอลองมานึกๆ ดู ผมว่าตัวเองไม่ได้ผูกพันอะไรกับตัวละคร “จอห์นนี่” สักเท่าไรนะ เพราะว่าตามจริงเขาคือบทสมทบที่มีบทจริงๆ จังๆ แค่ภาคแรกภาคเดียว แต่ผมเริ่มหันมาสนใจตัวละครนี้แบบจริงๆ จังๆ ก็ตอนดูซีรีส์ How I Met Your Mother น่ะครับ เพราะอีตาบาร์นี่ย์ สตินสันชอบตัวละครนี้ ผมเลยเริ่มหันมาสนใจและวันดีคืนดีก็คิดเหมือนกันว่า “แล้วชีวิตของจอห์นนี่หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรกนั้น จะเป็นอย่างไรบ้างนะ” แล้วซีรี่ส์นี้ก็มาตอบคำถามผมแบบพอดีเป๊ะ

ครั้นพอได้ดู ในที่สุดตอนนี้ผมรู้สึกผูกพันกับจอห์นนี่เรียบร้อยครับ ไปๆ มาๆ ผมว่าผมชักจะผูกพันกับจอห์นนี่มากกว่าแดเนี่ยลอีกนะ คือยอมรับเลยว่าตลอดการดูปีหนึ่งเนี่ย ผมเข้าข้างจอห์นนี่ตลอด ยิ่งถ้าตอนไหนบทหนังมันชี้ชวนให้เราต้องเลือกข้างระหว่างจอห์นนี่กับแดเนี่ยล ใจผมมันก็จะเทไปฝั่งจอห์นนี่ทุกที (ที่เขาบอกว่าใจคนเปลี่ยนได้นี่ผมเห็นด้วยเลยครับ 5555)

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมชอบซีรี่ส์นี้ ก็คงเพราะซีรี่ส์มาถูกเวลาด้วยล่ะครับ เพราะระยะหลังมาเนี่ยหนังหรือซีรี่ส์แนวชีวิตแบบสร้างแรงบันดาลใจมีน้อยลง ยิ่งหนังโรงนี่แทบไม่ได้เห็นเลยครับ นานๆ จะมีสักที ก็ได้ซีรี่ส์นี้แหละครับมาเติมเต็ม มันตอบโจทย์ครบองค์ประกอบทั้งความสนุกและสาระ

จริงๆ ตอนที่ผมเขียนรีวิว Cobra Kai ปีหนึ่งเนี่ย ผมดูจบถึงปี 2 แล้วครับ แต่ก็ตัดสินใจเขียนแยกเป็นปีๆ ไป เพราะความรู้สึกที่ผมมีต่อปี 1 และ ปี 2 มันมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกันพอสมควร ดังนั้นเดี๋ยวของปี 2 ค่อยมาว่ากัน ตอนนี้เอาแค่ของปีแรกก่อน

และผลก็คือ ผมรักปีแรกของ Cobra Kai มากๆ ครับ

สี่ดาวสุดๆ ไปเลยครับ

Star41

(9/10)