เป็นหนังที่ตั้งชื่อไทยได้อล้าอลังมากครับ ประหนึ่งเป็นหนังว่าด้วยผู้ก่อการร้ายยึดเมืองแล้วตำรวจต้องมาปะฉะดะก่อนจะเผด็จศึกกัน แต่เอาเข้าจริงเนื้อหาไม่ได้ใหญ่เบอร์นั้นครับ
เรื่องของเรื่องคือเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นกลางกรุงนิวยอร์กครับ เมื่อมีโจร 2 คนฆ่าตำรวจไปหลายนาย พร้อมทั้งขโมยเอายาเสพติดที่เป็นของกลางไปจำนวนหนึ่งด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจอังเดร เดวิส (Chadwick Boseman) ได้รับมอบหมายให้สืบคดีนี้ เขาเลยต้องแข่งกับเวลารีบล่าตัว 2 ผู้ร้ายมาให้ได้ก่อนที่พวกนั้นจะหนีไป แต่ทีนี้พอสืบไปสืบมาเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าคดีนี้มันมีอะไรซับซ้อนกว่าที่เห็น
ก็เป็นหนังทริลเลอร์สืบสวนที่เนื้อเรื่องไม่ได้แปลกใหม่อะไรครับ ดูแล้วคุ้นๆ เพราะหนังที่มีเนื้อหาประมาณนี้มีออกมาเยอะแล้ว ดังนั้นเรื่องความใหม่ไม่ต้องไปถามถึง คำถามที่น่าสนใจกว่าคือหนังออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งก็ตอบได้ว่าหนังจัดว่าโอเคครับ ถือว่าทำได้ดีระดับหนึ่ง ซึ่งของดีอย่างแรกก็เริ่มจากเหล่าดาราที่ได้คนมีฝีมือมาเจอกัน นอกจาก Boseman ผู้ล่วงลับแล้ว ก็ยังมี Sienna Miller, J.K. Simmons 2 รายนี้มารับบทฝ่ายตำรวจที่ร่วมด้วยช่วยสิบดคีนี้ และยังมี Stephan James กับ Taylor Kitsch 2 รายนี้มารับบท 2 โจรที่โดนตามล่า ซึ่งแต่ละคนก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีตามบทครับ เพิ่มความเข้มให้หนังได้พอสมควร ดังนั้นแม้พล็อตจะไม่ใหม่และเดาทางได้ไม่ยาก แต่ก็ได้ดาราดีๆ เหล่านี้แหละครับที่ทำให้หนังมีความน่าติดตามอยู่
ของดีอย่างต่อมาผมยกให้ดนตรีประกอบครับ Score ในเรื่องถือว่าเร้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เพิ่มดีกรีความระทึกและตื่นเต้นอย่างได้ผลในหลายวาระ บางช่วงนี่ถึงขั้นเสริมความอลังการเลยก็มี ซึ่งก็เป็นฝีมือของ Alex Belcher และ Henry Jackman (รายหลังนี่ทำดนตรีให้ Kingsman ทั้ง 2 ภาค) ที่บอกได้เลยครับว่าดนตรีนี่ช่วยเสริมอารมณ์ให้กับหนังได้อย่างน่าปรบมือจริงๆ (ผมว่าถ้าดนตรีไม่ดี หนังอาจจะดรอปลงกว่านี้ก็ได้)
เป็นหนังประเภทที่ไม่รู้จะเขียนอะไรมากครับ เพราะอย่างที่บอกว่าหนังจัดว่าเข้าสูตรของหนังแนวทริลเลอร์ตำรวจตรวจสอบคดี มีการไล่ล่า มีการหักมุม มีลับลมคมใน แล้วพระเอกของเราก็ต้องไปยืนอยู่กลางอันตรายทั้งหลาย พอถึงตอนท้ายอะไรๆ ก็จะเฉลย ก็ชวนให้นึกถึงหนังอย่าง The Negotiator, 16 Blocks กับ Street Kings ซึ่งว่าตามจริงแล้วหนังที่ผมเอ่ยชื่อไปนั้นถือว่าทำออกมาได้ลงตัวและดีกว่า ในขณะที่เรื่องนี้ก็จัดว่าอยู่ในข่ายโอเคครับ ดูได้เพลินๆ เพียงแต่บางสิ่งบางอย่างอาจจะเดาได้ง่ายอยู่บ้าง หรืออย่างตอนท้ายนี่ผมว่าหนังเฉลยค่อนข้างง่ายแบบตัวเอกไม่ค่อยออกแรงอะไรนัก ก็เลยทำให้ความลุ้นลดปริมาณลงไปเยอะเหมือนกัน
หนังกำกับโดย Brian Kirk ที่ส่วนใหญ่แล้วจะจับงานกำกับให้กับซีรี่ส์อย่าง Game of Thrones, Luther และ Penny Dreadful กับงานหนังจอใหญ่เรื่องนี้จริงๆ ก็ถือว่าน่าพอใจครับ ถือว่าคุมองค์ประกอบหลายๆ อย่างได้ดี เพียงแต่บทยังไม่เข้มเต็มที่เท่านั้น แต่ข้อดีอย่างหนึ่งคือหนังไม่ยาวครับ ราวๆ 99 นาที มันเลยไม่มีช่วงให้เบื่อ
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)