Moonfall วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก
การกลับมาอีกครั้งของผู้กำกับที่ได้รับฉายาว่า ‘เจ้าพ่อหนังหายนะ’ เขาคือ “โรแลนด์ เอ็มเมอริช” ที่สร้างสรรค์ผลงานโลกแตกมาต่อเนื่องตั้งแต่ยุค 90 แม้ว่าเวลาจะผ่านล่วงเวลาไปกว่า 2 ทศวรรษแล้ว ดูเหมือนว่าแกก็ยังคงมีไอเดียที่หาวิธีทำให้โลกแตกได้อยู่ต่อไป อย่างในเรื่องล่าสุด “Moonfall วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก” ที่ต้องบอกว่า…มาพร้อมกับทฤษฎีที่แสนทะเยอทะยานอีกครั้ง แต่สัมผัสได้ว่ามุกของแกกำลังจะใกล้หมด แต่กระนั้นลุงโรแลนด์ก็มีวิธีแก้ไขเฉพาะหน้าในจุดนี้แบบเฉพาะของเขา
Moonfall เป็นเรื่องราวดวงจันทร์ที่วงโครของมันกำลังจะพุ่งเข้าหาโลก โดยมีนักบินอวกาศและนักทฤษฎีวิทยาศาสตร์ช่วยกันหาวิธีหยุดยั้งการพุ่งชนในครั้งนี้ ซึ่งพวกเขามีเวลาไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นเพื่อไม่ให้มันทำลายล้างโลก เมื่อโลกใกล้ถึงวันสิ้นสูญ เมื่อดวงจันทร์หลุดวงโคจร และพุ่งตรงสู่โลก นักบินอวกาศ และนักวิทยาศาสตร์ต้อง ร่วมมือกันปฏิบัติภารกิจเพื่อกอบกู้โลก และค้นหาคำตอบความลับอีกด้านของดวงจันทร์ที่ซ่อนอยู่
เรียกได้ว่าตลอดเวลา 2 ชั่วโมงของ Moonfall ช่างเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และอีกนิดก็จะกลายเป็นหนังเพ้อฝันแฟนตาซีไปเสียแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นกลับมารั้งฉายาเติมของเขาได้อย่างสมศักดิ์ศรีอีกครั้ง เพราะไม่ใช่แค่โลกแตกเท่านั้นในคราวนี้ ยังลามไปทำให้ดวงจันทร์ที่เป็นบริวารของโลกแตกไปด้วย นี่เท่ากับเป็นผลงานขึ้นขี่หลังเสือของเขาแล้วเหมือนกัน ไม่ว่าผลงานเรื่องถัดไปจะงัดไม้เม็ดไม้หน้าสามแบบไหนมาให้คนดูได้บริโภคอีก
ในแง่ของรูปแบบการเสนอนั้น Moonfall ก็ถือว่าสอบผ่าน เพราะรู้จักวิธีและการเล่าเรื่องอย่างไรที่เอาใจคนดูได้อยู่หมัด ประกอบกับการงัดเทคนิคงานสร้างที่ใช้สเปเชียลเอกเฟคมากมายใส่เข้ามาแบบไม่ยั้ง ออกแบบฉากหายนะต่างๆ ยังทำได้น่าตื่นตาตื่นใจได้แบบเสมอต้นเสมอปลาย ผู้คนจะสัมผัสได้ถึงความโลกแตกที่เป็นหายนะที่นั่งดูอยู่ตรงหน้าแบบจดจ่อ เป็นจุดที่ต้องยกนิ้วให้กับทีมงานและผู้สร้างในองค์ประกอบนี้ของหนังจริงๆ
แต่หนังก็ยังเต็มไปด้วยจุดด้อยอยู่เพียบเลยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะบทภาพยนตร์ที่อ่อนด้อยค่ามากจริงๆ กลายเป็นว่า Moonfall ได้ถูกบรรดาฉากหายนะกลบบทหนังไปเกือบจะมิด หนังที่มีตัวละครเยอะเกินจำเป็นไปตามสูตรสำเร็จของลุงโรแลนด์ กลายเป็นส่วนที่ดูขาดๆ เกินๆ ในเรื่องนี้ ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ไปก็แอบคิดเหมือนกันว่า ตัวละครต่างๆ ในหนังเรื่องนี้ยังจำเป็นอยู่หรือไม่ เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยขยายความและส่งเสริมใดๆ ให้กับตัวหนัง กลับรู้สึกเป็นตัวถ่วงแห่งความคลีเซ่ด้วยซ้ำ
เอาจริงๆ หากตัดทุกสิ่งทุกอย่างไป แล้วปล่อยให้เหลือแค่ 3 ตัวละครหลัก “แพทริก วิลสัน”, “ฮัลลี เบอร์รี่” กับ “จอห์น แบรดลีย์” เพียงเท่านี้ ก็เชื่อได้ว่าหนังจะดูกระชับและดูยกระดับขึ้นมาได้ขึ้นเป็นกอง แต่ด้วยความเป็นหนังโรแลนด์ เขาจึงเลือกที่ใช้สูตรสำเร็จและเซฟโซนเดิมๆ ของตัวเองนำมาใส่ โดยที่รู้สึกว่าไม่เห็นจะจำเป็นอะไรสักเท่าไหร่นัก สุดท้ายก็คือโมเมนต์เก่าๆ ที่เขาก็มักจะใส่เอาไว้ในหนังเสมอๆ
การนั่งดู Moonfall เปรียบเสมือนเป็นการมาประมวลการยำรวมผลงานเก่าๆ ในเครดิตของโรแลนด์ เพราะเราจะสัมผัสได้ถึงความวินาศสันตโรที่เกิดขึ้นใน “ID4” พร้อมกับความแตกปั่นป่วงใน “2012” และยังตามมาด้วยหายนะที่สอดแทรกความรักสายใยครอบครัวแบบใน “The Day After Tomorrow” นี่จึงเป็นจุดที่บ่งชี้ได้ว่าเป็นหนังที่ซ้ำซากและเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จเดิมๆ
แต่กระนั้นตัวหนังเองก็สร้างความเอ็นจอยให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี รู้มุม รู้จุด ที่จะทำให้คนดูรู้สึกคล้อยตามและคาดหวังจะได้เห็น เพียงแต่ว่า Moonfall ได้ก้าวข้ามความเป็นหนังหายนะเดิมๆ ของผู้กำกับผู้นี้ไปอีกระดับ ด้วยการบียอนด์ออกไปสู่ห้วงอวกาศนอกโลก กลายเป็นการยกระดับสู่หนังไซไฟที่มาพร้อมกับพล็อตที่ค่อยจะเหนือจินตนการมากๆ (จะไม่ใช่คำว่าออกทะเลก็แล้วกัน) และเมื่อผู้สร้างพาคนดูไปได้ถึงจุดนั้น อะไรที่มันจะเหนือความคิดและโอเว่อร์ก็ต้องประดาประดังเข้า
ราวกับว่า โรแลนด์ เอ็มเมอริช ได้ทุ่มสุดตัวกับหนังเรื่องนี้จริงๆ เพราะเขาเลือกที่ยิงนั่นยิงนี่ใส่เข้ามาในช่วงครึ่งหลังของหนัง เข้าสู่โหมดหนังไซไฟที่มีกลิ่นกลายความเป็น Star Wars อยู่ไม่เบาเชียวนะ นี่จึงเป็นความทะเยอทะยานอันสุดโต่งของเขา ที่ต้องบอกเลยว่า ถ้าคนไหนชอบก็คือชอบ แต่คนไหนเกลียดก็คือเกลียดไปเลย เพราะมันออกจะเป็นแนวเหวี่ยงคนดูออกไปสู่จักรวาลไปสักหน่อย แต่ถ้าจะมาทางนี้…ก็ต้องไปให้สุดๆ ไปเลยอย่างนี้ก็ดี
เอาเป็นว่าโดยภาพรวมแล้ว Moonfall ก็ยังคงเป็นหนังหายนะสูตรสำเร็จเดิมๆ ตามยี่ห้อของผู้กำกับรายนี้ เพียงแต่เรื่องนี้ได้ทำการเสริมเติมแต่งความเป็นไซไฟสุดล้ำเข้าไปไม่ใช่แค่โลกแตกธรรมดาๆ แต่มันเป็นการกอบกู้สถานการณ์ให้กับมวลมนุษยชาติ ต้องบอกว่าเป็น 2 ชั่วโมงที่ดูได้เพลิน ถึงรสชาติจะไม่ได้อร่อยกลมกล่อมที่สุด แต่ก็พอกรุบกริบทานได้เคี้ยวมัน ก็เป็นหนังโลกแตกที่อย่างน้อยๆ ก็รู้ว่า…คนดูต้องการเห็นอะไร
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Moonfall วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก
- ประเภท: แอคชั่น / ไซไฟ / ผจญภัย
- ผู้กำกับ: โรแลนด์ เอ็มเมอริช
- นำแสดงโดย: แพทริก วิลสัน, ฮัลลี่ เบอร์รี่, จอห์น แบรดลีย์
- ความยาว: 122 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 3 กุมภาพันธ์ 2022 (ในโรงภาพยนตร์)
Movie.TrueID METRIC: Moonfall วันวิบัติจันทร์ถล่มโลก
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - งานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5/10)
————————————-