ดู 13 Hours (★★1/2) แล้วบังเกิดความคิดว่าจริงๆ แล้ว Michael Bay แกเป็นผู้กำกับหนังแอ็กชันที่เก่งนะครับ แล้วแกคงรู้แหละว่าอะไรเป็นอะไร ต้องทำแบบไหนหนังถึงจะออกมาดูแน่นมีคุณภาพ และต้องทำแบบไหนหนังถึงจะออกมาโกยเงิน
แต่เหมือนพี่เขาคงต้องเลือกน่ะครับ ถ้าทำออกมาเน้นมันส์ เน้นโกยเงิน ก็ต้องเน้นให้มันมันส์กันไปข้างหนึ่งจนยอมลืมๆ เรื่องบทอะไรไปบ้าง แต่หากจะทำหนังที่มันมีเป้า มีคุณภาพล่ะก็ แกก็ทำได้ เพียงแต่มันจะไม่ได้มันส์โม้เว่อร์วังเท่านั้นเอง (และพอดีกรีความสะใจไม่พุ่ง หนังก็ย่อมไม่ได้ทำเงินโดยปริยาย)
13 Hours มาในแนวหนังบู๊สายหนักครับ แบบพวก American Sniper, The Kingdom หรือ Lone Survivor อะไรเทือกนั้น โดยอิงจากเหตุการณ์จริง ซึ่งบอกเลยว่าไม่ใช่หนังบู๊ถล่มข้าวของเล่น แต่เป็นหนังบู๊กดดันแบบมีกลิ่นอายความระอุทางการเมือง
ดูแล้วอารมณ์เหมือนหนังภัยพิบัตินะ คือเปิดมาก็แนะนำตัวละคร เดินเรื่องแบบเรื่อยนิดๆ แต่แอบบอกรายละเอียดหลายอย่างให้เราได้รู้ เช่น สภาพบ้านเมืองที่กลุ่มตัวเอกไปประจำการที่ดูเหมือนว่าพร้อมจะเกิดเรื่องเปลืองกระสุนได้ตลอดเวลา
จากนั้นก็ปูพื้นครับว่าแต่ละคนใครเป็นใคร มีครอบครัวไหม มีลูกกี่คน ก่อนจะหักเรื่องเข้าสู่พล็อตหลักแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งก็ตื่นเต้นดีเหมือนกันน่ะครับ เหมือนพายุมันก่อเค้ามานานรอวันปะทุ แล้วบทจะปะทุก็กระหน่ำเข้ามาแบบตั้งตัวไม่ติดกันเลย
ต้องบอกก่อนครับว่าหนังไม่ได้บู๊เว่อร์ ไม่ได้กระหน่ำบู๊เยอะ แต่ออกแนวบู๊เท่าที่จำเป็น แต่พอบู๊ทีก็ระเบิดกันสนั่น ยิงกันหูดับตับไหม้ ความเป็นความตายนี่เกิดขึ้นรอบตัวของพวกตัวเอกเลยก็ว่าได้ จัดว่าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันเต็มสูบ (ลองคิดว่าถ้าเป็นตัวเองเป็นอยู่ตรงนั้น จะไหวไหมเนี่ย)
และที่ชอบคือความกดดันครับ นอกจากพวกตัวเอกต้องเจอภัยแบบเปิดเผยแล้ว ยังต้องเจอภัยแบบคลุมเครืออีก คือบางคนบางพวกก็ไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกับอเมริกาไหม ไม่รู้ว่าเปลี่ยนข้างไปแล้วแกล้งมาตีสนิทเพื่อลอบทำร้ายหรือเปล่า
ครั้นจะยิงก่อนถามก็ไม่ได้ เพราะหากขืนไปยิงกลุ่มที่เป็นพันธมิตร ก็เท่ากับทำลายพันธมิตร (กลางดงข้าศึก) ไปอีก แล้วศัตรูก็จะเพิ่มอีก เลยกดดันตลอดน่ะครับไม่ว่าจะเจอมิตรหรือศัตรูก็ตาม
ดาราในเรื่องเล่นกันได้ดีครับ แม้ชื่ออาจจะไม่ได้ดึงดูดในฐานะดาราทำเงิน แต่ถ้าพูดถึงฝีมือล่ะก็ แต่ละคนถือว่าไม่ทำให้ผิดหวังครับ ไม่ว่าจะ John Krasinski, James Badge Dale, Pablo Schreiber, David Denman และ Toby Stephens (คนนี้เคยเล่นเป็นตัวร้ายหนังบอนด์ตอน Die Another Day น่ะครับ)
ดูแล้วโอเคเลยนะครับ มันส์ดีแบบสายหนังคุณภาพ แต่ก็ต้องยอมรับล่ะครับว่ามันไม่ได้มันส์แบบสะใจถล่มทลายแบบพวก Transformers ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ความชอบครับ ส่วนผมชอบทั้ง 2 แบบนั่นแหละ มันส์แบบเอามันส์ก็ได้ หรือมันส์แบบมีคุณภาพก็ดี
แต่ก็ตามสูตรเลยครับ พอทำหนังมันส์ๆ สายเข้มๆ หน่อยหนังก็ไม่ทำเงิน สรุปว่ารายได้ทั่วโลกอยู่ที่ $69 ล้าน จากเงินลงทุน $50 ล้าน ก็คือขาดทุนล่ะครับ แต่ถ้าดูเงินทุนผมว่า Bay แกก็บริหารจัดการเงินได้ดีนะ ทุนประมาณนี้ได้ออกมาประมาณนี้ถือว่าใช้คุ้มอยู่ล่ะครับ (ส่วนหนึ่งคงเพราะไม่ต้องจ่ายค่าตัวดาราแพงๆ ด้วย)
สรุปว่าใครชอบหนังบู๊อิงเหตุการณ์จริง ผสมความเข้มและกลิ่นอายสงครามลงไป เรื่องนี้ถือว่าควรลองลิ้มเลยล่ะครับ ทำออกมาได้น่าพอใจ มันส์แบบเท่าที่จำเป็น แต่จุดเด่นจริงๆ คือความกดดันและอันตรายที่ระอุคุกรุ่นอยู่รอบๆ เหตุการณ์ มันได้ที่พอสมควรเลยครับ