Spider-Man: No Way Home
แน่นอนว่าเราคงทราบกันดีถึงความสำเร็จระดับมหึมาที่เกิดขึ้นกับหนังมาร์เวลเรื่องล่าสุด อย่าง “Spider-Man: No Way Home” กันแล้ว ทำไมหนังถึงทำเงินถล่มทลายแบบไม่กลัวสายพันธุ์โอไมครอนเช่นนี้ ก็คงเป็นเพราะว่านี่เป็นการงัดไม้เด็ดออกมาชุดใหญ่ของ โซนี่ พิคเจอร์ส ที่ประหนึ่งว่าไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้ว ทุกสิ่งที่ประเดประดังใส่เข้ามาในหนังเรื่องนี้ จึงตกมาเป็นเป็นกำไรของหมู่ผู้ชมอย่างเราๆ เพราะก็ไม่รู้ว่า…อีกนานแค่ไหน ถึงจะได้อิ่มเอมระหว่างดูหนังซูเปอร์ฮีโร่แบบนี้อีก
Spider-Man: No Way Home ได้เล่าเรื่องราวสานต่อจากที่ทิ้งเอาไว้ในภาคก่อน เมื่อไอ้แมงมุมไม่ต้องซ่อนตัวใต้หน้ากากอีกต่อไป และเขาไม่สามารถแยกชีวิตในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ออกจากชีวิตปกติได้อีกต่อไป กลายเป็นความยุ่งเหยิงในชีวิตโดยแท้ ทำให้เขาตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากด็อกเตอร์สเตรนจ์ แต่ปรากฏว่าทุกอย่างดูเหมือนจะวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม และบีบบังคับให้เขาต้องหาทางแก้ไข พร้อมทั้งเฝ้าหาความหมายที่แท้จริงของหน้าที่การเป็นสไปเดอร์แมน
ก่อนอื่นใดคงจะต้องปรบมือชื่นชมคนที่หลบหลีกสปอยล์หนังเรื่องนี้ได้อยู่หมัด รอไปพิสูจน์กับตาตัวเองในโรงหนัง พวกคุณเก่งมากจริงๆ เพราะว่า Spider-Man: No Way Home แทบจะเป็นหนังมาร์เวลที่ไม่สามารถนำไปร้อยเรียงเล่าให้คนอื่นฟังได้แบบไม่ติดสปอยล์เนื้อหาไปด้วยไม่ได้เลย เพียงแค่เริ่มต้นฉายเพียงไม่กี่นาทีก็สาดอีสเตอร์เอ้กเข้ามาแบบไม่ยั้ง มีอะไรให้เซอร์ไพรส์ผู้ชมอยู่ตลอดระยะกว่า 2 ชั่วโมงเศษของหนังจริงๆ
แน่นอนว่าก็เป็นการเขียนรีวิวหนังที่ค่อนข้างยากเป็นพิเศษ เพราะต้องคอยหลบเลี่ยงไม่ให้หลุดสปอยล์หนังออกไปอย่างเด็ดขาด ดังนั้นหากว่าใครจะแอบมาเสาะหาสปอยล์เนื้อหาในบทความนี้…ก็ไม่น่าจะมีให้เห็น แต่ก็นับว่า Spider-Man: No Way Home ค่อนข้างกล้าที่จะหยิบโยงและร้อยเรียงโครงเรื่องออกมาในรูปแบบนี้ และในเมื่อหยิบเส้นเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อโครงการของจักรวาลมาร์เวลต่อไป เป็นสิ่งที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง
ถึงกระนั้นบทหนังของ Spider-Man: No Way Home ก็มองว่ายังไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยมดีสุด แต่เนื่องด้วยแก่นสารและหัวใจหลักของเรื่องค่อนข้างหนักแน่นเป็นอย่างดี จึงทำให้ส่วนประกอบตรงนั้นมาช่วยอุดรอยรั่วต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดรายทางของหนังได้ค่อนข้างใช้ได้ บางครั้งก็ยังแอบคิดไปด้วยว่าหนังค่อนข้างเยิ่นเย้ออยู่บ้าง บางจุดยังสามารถทำให้กระชับได้ยิ่งขึ้นกว่านี้
ในขณะที่งานสร้างผ่านวิสัยทัศน์ของผู้กำกับ “จอน วัตต์ส” ก็ค่อนข้างน่าพอใจ เขารู้จักวิธีและจังหวะในการเล่าเรื่องของแฟรนไชส์นี้เป็นอย่างดี แม้ว่าในภาคนี้จะมีการชูประเด็นดราม่าขึ้นมาโดดเด่นกว่าภาคก่อนที่ผ่านมา แต่ในองค์ประกอบทั้งแอคชั่น, ตลก และดราม่า ก็นำมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และมอบรสชาติที่ค่อนข้างกลมกล่อมให้กับผู้ชม ผ่านการออกแบบมุมภาพและมุมกล้อง รวมทั้งส่วนต่างๆ ที่น่าประทับใจในระดับหนึ่ง
“ทอม ฮอลแลนด์” ที่โตขึ้นในบทไอ้แมงมุมในภาคนี้อย่างชัดเจน จึงกลายเป็นข้อดีที่ได้เห็นพัฒนาการของคาแรกเตอร์นี้ด้วย หนังยังมีส่วนประกอบของการก้าวข้ามวัยอยู่ และทอมก็ยังสามารถถ่ายทอดออกมาได้ดี พร้อมกับยังแบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่องได้สบายๆ เช่นเดียวกับ “เซนดายา” และ “เจคอบ บาตาลอน” ที่มาร่วมสมทบและส่งเสริมประคับประคองหนังเอาไว้ในรูปแบบทีมเวิร์ก
ทางด้าน “เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์” ที่ตอนแรก็นึกว่าจะมาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงไอ้แมงมุมคนใหม่ แต่กลับมีรายละเอียดที่มากไปกว่านั้น และเขาก็ยังกลับมารับบทเป็นหมอแปลกที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ขับคาแรกเตอร์ออกมาได้อย่างล้นหลาม ไม่เพียงเท่านั้น ภาคนี้ยังเพิ่มมิติและให้ความสำคัญกับตัวละครของ “มาริสา โทเม” กับ “จอน ฟาฟวโร” อย่างมีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เอาเป็นว่า Spider-Man: No Way Home โดดเด่นด้วยการเซอร์วิสแฟนๆ ได้อย่างมีชั้นเชิง การที่ได้เห็นการเปิดมัลติเวิร์สและเห็นเหล่าร้ายจากจักรวาลอื่นๆ ของหนังไอ้แมงมุมกลับมารวมตัวกันอีกครั้งก็ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่ชุ่มฉ่ำไปทั้งหัวใจผู้ชมแล้ว หนังยังรับบทบาทเซอร์วิสแฟนๆ ยิ่งเข้าไปอีกเรื่อยตามท้องเรื่อง ที่ในท้ายที่สุดได้กลั่นกรองออกมาเป็นพลังแห่งความสุขที่ล้นเปี่ยมหลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องจบลง
คงจะบอกได้ว่า Spider-Man: No Way Home ก็น่าจะเป็นหนังภาคที่ดีที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับ 2 ภาคแรกที่ผ่านมา ด้วยองค์ประกอบต่างๆ และเส้นเรื่องกับหัวใจของเรื่องที่หนักแน่นเป็นอย่างดี รู้จักเป็นอย่างดีกว่าแฟนๆ ต้องการอะไร ใส่จังหวะโบ๊ะบ๊ะและประเด็นเสียดสี จิกหัวตัวเอง, ค่ายหนัง และจักรวาลหนัง ได้อย่างถูกจังหวะ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาก็สามารถตอบโจทย์นั้นออกมาได้เป็นอย่างดี
และนอกจากนี้ การที่ได้เห็นปฏิกิริยาของผู้ชม ต่างพากันหวีดร้องส่งเสียงออกมาด้วยความเซอร์ไพรส์ระหว่างดูหนัง คงจะต้องขอบคุณหนังเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ที่ได้มอบประสบการณ์แบบนี้ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะนับตั้งแต่โควิด-19 อุบัติขึ้นบนโลกใบนี้ เราก็ห่างหายไปจากโมเมนต์อะไรแบบนี้ไปสักระยะหนึ่งแล้วเช่นกัน…
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Spider-Man: No Way Home
- ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย / แฟนตาซี
- ผู้กำกับ: จอน วัตต์ส
- นำแสดงโดย: ทอม ฮอลแลนด์, เซนดายา, เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์
- ความยาว: 148 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 23 ธันวาคม 2021 (ในโรงภาพยนตร์)
Movie.TrueID METRIC: Spider-Man: No Way Home
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)
————————————-