อโยธยา มหาละลวย
หนึ่งในโปรแกรมหนังไทยช่วงส่งท้ายปีที่ดูหน้าหนังแล้วค่อนข้างน่าสนใจไม่เบา เพราะว่าเป็นการจัดทีมนักแสดงชุดใหญ่มารวมเอาไว้แบบเรียกแขกใน “อโยธยา มหาละลวย” ที่เขาว่าเป็นหนังแอคชั่นโรแมนติก ที่มีกิมมิกเป็นเรื่องมนต์คาถา แต่หลังจากได้ไปยลโฉมพิสูจน์ดูหนังเรื่องนี้มานั้น กลับพบว่าสิ่งที่เห็นมานั้นอาจจะเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะเนื้อในที่แท้จริงของหนังเรื่องนี้ ค่อนข้างทำออกมาได้ยังไม่ค่อยดีตามมาตรฐานที่คาดเอาไว้…
อโยธยา มหาละลวย เป็นเรื่องราวของ เรียวสึ ชายหนุ่มที่มีความเป็นมาคลุมเครือ เขาได้รับการเลี้ยงดูโดยหลวงตา ซึ่งสอนให้เขาได้เรียนรู้วิชาการต่อสู้ และเวทมนตร์คาถา เพื่อใช้ป้องกันตัวในวันข้างหน้า ในวันที่เขาต้องการตามหาแม่ และตามหานางในดวงใจ ออสายสร้อย หลวงตาได้มอบหมายให้ ทอง เดินทางไปพร้อมกันเพื่อคอยดูแลกันและกัน ระหว่างการเดินทางพวกเขา ตกกระไดพลอยโจนต้องช่วย 2 คู่หู อาซิม และ จีนล้ง ที่ก่อเรื่องไว้ที่โรงชำเราชาย ที่นี่เองทำให้ เรียวสึ ได้พบกับ ออสร้อย อีกครั้ง
แต่ทว่า ด้วยความงามของ ออสร้อย เป็นที่ต้องตาของ ขวัญ ซึ่งเป็นบุตรชายของออกญาคชบาล ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในอโยธยา ทำให้เรียวสึพยายามทำทุกทาง เพื่อชิงตัวออสร้อยคืนมา วิทยายุทธที่ เรียวสึ สั่งสมมา อาจไม่เพียงพอ บางครั้งอาจต้องพึ่งพามนตร์คาถาที่เรียวสึเรียนรู้ทั้งชีวิต เพื่อจะช่วงชิงตัวและหัวใจออสร้อย กลับมาเป็นของเขาได้อีกครั้ง
ในที่สุดแล้ว อโยธยา มหาละลวย ก็ยังคงเผชิญหน้ากับปัญหาเดิมๆ ของหนังไทยที่ประสบกันอยู่แทบจะทุกเรื่อง หลายองค์ประกอบของหนังที่ยังทำได้ไม่ถึง ออกมากลายเป็นหนังที่ไปได้ไม่สุดสักทาง ถึงแม้ว่าคอนเซ็ปต์ของหนังค่อนข้างน่าสนใจ พร้อมกับปูเรื่องเชิงประวัติศาสตร์ได้อย่างใคร่รู้ แต่เมื่อนำมาร้อยเรียงและถ่ายทอดออกเป็นหนังเกือบ 2 ชั่วโมง มันกลายเป็นเพียงหนังที่มีรสชาติจืดชืด ที่พอกินได้แต่ไม่ค่อยอร่อยเลย
บทหนังยังคงเป็นปัญหาหนักของหนังเรื่องนี้ โครงเรื่องวางเอาไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว ถึงจะมีเนื้อหาจริงๆ อยู่เพียงหยิบมือเดียว แต่ด้วยบทที่ค่อนข้างอ่อนเป็นทุนเดิม มาผนวกกับการร้อยเรียงเล่าเรื่องแบบตัดแปะไปตลอดทาง จึงทำให้ อโยธยา มหาละลวย แทบจะไม่มีอะไรให้น่าจดจำสักเท่าไหร่ การเล่าเรื่องของหนังค่อนข้างแบบราบ ปูเรื่องได้ค่อนข้างเชยและช้า หนังฉายผ่านไปจะเป็นชั่วโมงก็รู้สึกเหมือนกับเคลื่อนที่ไปได้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และที่ชวนสะพรึงที่สุดก็คือฉากต่อเพลงกัน ส่วนตัวคิดว่าถ้าหากว่าไม่มีก็น่าจะดีกว่า
และเมื่อดูหนังจนจบลงแล้ว ก็ได้พบว่าคอนเซ็ปต์ที่ดีของหนังมีเนื้อหาอยู่เพียงนิดเดียว กลายเป็นว่านี่คือเมนูอาหารที่ใส่น้ำมาเสียเยอะ แต่ให้ปริมาณชิ้นเนื้อมาเพียงหยิบมือ อีกทั้งทิศทางของหนังก็ดูช่างสับสน เพราะรู้ว่าหนังจะอยากเป็นอะไร อยากจะเป็นหนังรักก็อยาก อยากจะเป็นหนังตลกก็ยิงมุก อยากจะเป็นหนังบู๊ก็ใส่ฉากสู้กันแบบจังหวะแห้งๆ เข้ามาแบบดาดดื่นเหลือเกิน
อีกหนึ่งสิ่งที่รู้สึกเสียดายในตัวหนัง อโยธยา มหาละลวย เป็นอย่างมากก็คือ การใช้คาแรกเตอร์ตัวละครของเรื่องได้ว่าไม่คุ้มค่า ต้องยอมรับว่าหนังได้นักแสดงและมีตัวละครน่าสนใจเยอะมาก แต่กลับล้มเหลวในการนำเสนอทั้งหมด บทหนังที่ไม่ได้มีการส่งเสริมสักคาแรกเตอร์เดียว อารมณ์เหมือนดูละครที่ยังไม่รีบขับเสน่ห์ตัวละครออกมาใช่ โดยที่อาจจะลืมไปว่านี่เป็นหนัง ที่มีเวลาจำกัดในการนำเสนอ
ด้วยความล้มเหลวในการผลักดันตัวละครต่างๆ จึงส่งทำให้การแสดงของทีมนักแสดงในหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรออกมาเลย จะมีก็เพียงแค่รุ่นใหญ่ “บิ๊ก ศรุต” กับ “ครูน้ำมนต์ ธีรนัยน์” ที่ใช้ความเป็นมืออาชีพเล่นใหญ่โดดกว่ารุ่นเด็กๆ อย่างเห็นได้ชัด “โบว์ เมลดา” ดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้าถึงตัวละครและเล่นลื่นไหลได้ดีกว่าใครๆ แม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่ใช่ผลงานที่ดีที่สุดของเธอ
“เจมส์ จิรายุ” ที่ดูจะติดภาพความเป็นพระเอกละครอยู่ไปสักหน่อย การแสดงเป็นธรรมดาและการร้อยเรียงคำพูดต่างๆ ยังมีหลายจุดที่ดูไม่ไหลลื่นและดูพยายามไปสักหน่อย “เกรท สพล” ยังดูโดดเด่นกว่าพระเอกไปด้วยซ้ำ ถึงจะมีซีนไม่ค่อยเยอะ แต่ออกมาแต่ละครั้งก็ดูมีอะไรกว่าบทพระเอกเสียอีก “โมสต์ วิศรุต” กับ “ฟลุค พงศกร” ถูกใส่เข้ามาในหนังเป็นตัวละครขโมยซีน ก็ถือว่าพวกเขาได้ทำเต็มที่และเป็นสีสันให้กับหนังพอได้บ้าง
ในขณะที่แก๊งแบดบอยอโยธยาที๋โปรโมตออกมาได้ดูน่าสนใจ แต่ปรากฏว่าในหนังนั้นช่างจืดชืด “ภีม ธนบดี” ที่มารับบทร้ายหลักของเรื่อง แต่เพราะบทหนังที่ไม่ได้ส่งเสริมตัวละครนี้เลยสักนิด จึงกลายเป็นตัวร้ายที่ไร้มิติและไม่น่าจดจำเลยสักนิด จะมีดีหน่อยก็คงเป็น “ฟลุ๊คจ์ พงศ์ภัทร์” ที่บทไม่ได้ทำร้ายมากนัก แต่หากลับฝีมือการแสดงต่อไปอีกนิดหน่อย คาดว่าเขาน่าจะมีศักยภาพที่ดีอีกคนเลย “เกร เกรกัวร์” กับ “โดม เพชรธำรงชัย” ที่ใส่เพิ่มเข้ามาให้หวังจะเป็นตัวโจ๊กแต่กลับไม่โจ๊กสักนิด
อโยธยา มหาละลวย เป็นผลงานการกำกับของ “ใหม่-ภวัต พนังคศิริ” ที่เคยเนรมิตละครดัง “บุพเพสันนิวาส” ออกมาได้ดังทั่วบ้านทั่วเมือง เขาพยายามหยิบเอาเสน่ห์และสูตรเดิมที่เคยทำได้สำเร็จมาใช้กับเรื่องนี้ แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หนังยังคงไร้เสน่ห์และการเล่าเรื่องยังค่อนข้างไร้ทิศทางชัดเจน แก่นเรื่องน่าสนใจแต่ยังไม่น่าติดตาม ด้านงานสร้างต่างๆ ก็ยังดูพยายามและพบเห็นความไม่ละเอียดอยู่ในหลายจุด
โดยภาพรวมแล้ว ถือว่าเป็นหนังที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง ได้แคสติ้งนักแสดงที่ดี แต่ปัญหาหลักอย่างบทหนังยังคอยฉุดรั้งหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างเสียดาย ความไม่ชัดเจนในการเล่าเรื่อง อยากจะเป็นหนังรักก็เป็น อยากเป็นหนังบู๊ก็เป็น เมื่อนำมาผสมรวมกันแล้วว่า อโยธยา มหาละลวย จึงเป็นเพียงหนังพีเรียดที่หยิบเอาความเป็นละครในหลายเรื่องๆ มายำเอาไว้ ถึงจะพยายามชูคอนเซ็ปต์ในเรื่องคาถาความเชื่อต่างๆ แต่ก็ใส่เข้ามาแบบไม่ได้เน้นจริงจังอะไร จึงทำให้หลายๆ อย่างในหนังเรื่องนี้ยังโคลงเคลงไปมาตลอดทางที่ลัดเลาะริมฝั่ง
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง อโยธยา มหาละลวย
- ประเภท: แอคชั่น / โรแมนติก
- ผู้กำกับ: ภวัต พนังคศิริ
- นำแสดงโดย: จิรายุ ตั้งศรีสุข, เมลดา สุศรี, สพล อัศวมั่นคง
- ความยาว: 119 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 2 ธันวาคม 2021 (ในโรงภาพยนตร์)
Movie.TrueID METRIC: อโยธยา มหาละลวย
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰✰ (4/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐✰✰✰✰✰✰✰ (3/10)