ฌ้อปาอ๋อง ศึกแผ่นดินไม่สิ้นแค้น (2011) White Vengeance

Untitled03730

หนังจับเอาเรื่องราวของ เซี่ยงอวี่ (หรือ ฌ้อปาอ๋อง) กับ เล่าปัง (หรือ ฮั่นเกาจู่ในเวลาต่อมา) มาบอกเล่าโดยมีการดัดแปลงตีความใหม่ในบางจุด ซึ่งก็มาในแนวทางเดียวกับ สามก๊ก ขุนศึกเลือดมังกร (Three Kingdoms: Resurrection Of The Dragon) ผลงานก่อนหน้าของ Daniel Lee นั่นเอง

เหตุการณ์ในเรื่องเกิดสมัยปลายราชวงศ์ฉินที่ปกครองโดยเน้นพระเดชมากจนกลายเป็นความโหดเหี้ยม จนในที่สุดก็มีผู้หมายจะต่อต้าน ซึ่งก็คือเซี่ยงอวี่ (เฝิงเส้าเฟิง) และเล่าปัง (หลี่หมิง) ที่สาบานเป็นพี่น้องและออกรบจนสามารถสยบราชวงศ์ฉินได้สำเร็จ

แต่แล้วก็เกิดเหตุให้พี่น้องต้องหมางใจกัน เมื่อเล่าปังเคลื่อนทัพเข้ายึดเสียนหยางก่อน (มีการตกลงกันว่า หากใครเข้ายึดเสียนหยางได้ก่อน ก็จะได้เป็นผู้นำทันที) ทำให้เซี่ยงอวี่ที่มองว่าตนทำศึกมาหนักกว่าและต่อสู้อย่างยากลำบากกว่า รู้สึกเหมือนโดนทรยศ

ฟ่านเจิง (หวงซิวเซิง) ที่ปรึกษาและพ่อบุญธรรมของเซี่ยงอวี่ จึงได้แนะนำให้เซี่ยงอวี่ออกอุบายนัดหมายเล่าปังมาสังสรรค์ แต่แท้จริงแล้วเป็นการนัดมาเพื่อสังหารเสีย

แล้วเหตุการณ์จะลงเอยเช่นไร ก็ลองติดตามกันต่อนะครับ (แต่หากใครรู้ประวัติศาสตร์หรือเคยดูหนังจีนชุดกันมาแล้วล่ะก็ คงเดาได้ล่ะนะครับว่าเรื่องมันจะลงเอยอย่างไร)

จุดที่ผมชอบคืองานโปรดักชั่นที่ดูดีไม่น้อยครับ หลายฉากดูยิ่งใหญ่ หลายฉากก็ออกแนวอาร์ท แต่เครื่องแต่งกายอาจแปลกตาบ้าง กระนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

ในแง่ของการดัดแปลงเรื่องราวก็ถือว่ากลางๆ ครับ มีทั้งจุดที่ทำให้รสชาติหนังอร่อยขึ้น แล้วก็มีบางจุดที่ดัดแปลงแล้วก็ไม่มีผลอะไรมากมาย (อย่างการผูกเรื่องให้เซี่ยงอวี่และเล่าปังรักสตรีนางเดียวกัน ซึ่งไม่ได้ทำให้เรื่องมันเข้มข้นขึ้นเลย จริงๆ เอาประเด็นทางประวัติศาสตร์ดั้งเดิมมาเสริมแต่งหน่อยก็น่าจะพอ และการเอาเรื่อง “สตรี” มาเป็นประเด็นมันทำให้เรื่องมันดูอ่อนลงยังไงก็ไม่รู้)

ครับ ความรู้สึกระหว่างดูตลอดเรื่องมันกึ่งๆ มีทั้งส่วนที่โอและไม่โอสลับกันไป เลยทำให้อารมณ์มันไม่สุด ความสนุกมันไม่พีคเท่าที่ควร

ฉากที่เข้าท่าสุดก็คงเป็นตอนงานเลี้ยงที่หงเหมินน่ะครับ มีการออกแบบเรื่องให้ดูเข้มข้น มีแอ็กชันมีอะไรให้ลุ้น ซึ่งก็ดูเหมือนลุ้นนะ แต่เอาเข้าจริงๆ ความสนุกจะอยู่ตอนก่อนงานเลี้ยงที่แต่ละฝ่ายต่างก็ช่วงชิงความได้เปรียบ เพียรหาข้อมูลมาวางแผนต่อสู้กัน หรือไม่ก็วางหมากสู้กันมากกว่าครับ

จริงๆ ผมชอบครึ่งแรกนะ แม้มันจะกึ่มๆ แต่ก็มีอะไรให้ติดตามอยู่ตลอด แต่ละตัวละครดูน่าสนใจ ครั้นพอหมดช่วงงานเลี้ยงหงเหมินแล้ว ความสนุกของเรื่องก็น้อยลง ความน่าติดตามไม่มากเหมือนเดิมแล้ว โดยเฉพาะบทสรุปของเรื่องที่จบง่ายและลงเอยง่ายไปหน่อย ทั้งๆ ที่เรื่องดั้งเดิมในประวัติศาสตร์น่ะมีอะไรมันส์ๆ มากกว่านี้ตั้งมากมายน่ะครับ

ขอแนะนำเลยว่าใครอยากดูเรื่องมันส์ๆ สนุกๆ เข้มข้นๆ ของเล่าปังและเซี่ยงอวี่ล่ะก็ ลองหาหนังจีนชุด “จอมทัพสะท้านปฐพี” ที่เจิ้งเส้าชิวเล่นเป็นเล่าปัง และ เจียงหัวเล่นเป็นเซี่ยงอวี่มาดู ช่วง 6 ตอนแรกอาจจะเรื่อยๆ ครับ แต่พอผ่าน 6 ตอนแรกไปความสนุกไหลมาเทมาอย่างแรง โดยเฉพาะตอนเล่าปังเข้ายึดเสียนหยางและเหตุการณ์งานเลี้ยงหงเหมินเป็นอะไรที่ “โคตรมันส์” จำได้ตอนนั้นดูแผ่นต่อแผ่น ไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว

โดยสรุปแล้ว หนังก็ถือว่าไม่เลวครับ อย่างที่บอกว่ามีจุดดีและจุดธรรมดาผสมปนเปกันไป ทำให้รสชาติออกมาเรื่อยๆ ไม่น่าเบื่อแต่ก็ไม่ถึงกับเข้มจนทำเอาเราติดหนึบ และจะว่าไปแล้วหนังแนวสงครามผสมการวางหมากวางแผนเอาชนะกันนั้นก็ไม่ค่อยมีให้ดูในระยะหลังๆ ดังนั้นเรื่องนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ที่ว่าได้ไม่เลวครับ (เพียงแต่อาจจะยังไม่เด็ดมากมายเท่านั้นเอง)

Untitled03731

ดาราในเรื่องผมว่าคนที่เด่นจับตาสุดคือหวงซิวเซิงในบทฟ่านเจิง ตามด้วยจางฮั่นหยูในบทจางเหลียง ถัดมาก็หลี่หมิงในบทเล่าปังครับ ในขณะที่เฝิงเส้าเฟิงดูไม่เด่น ทั้งที่จริงๆ พี่แกควรเด่นนะ

ส่วนหลิวอี้เฟยนั้น บทสมทบชัดๆ ครับ ปรากฏตัวน้อยมาก ดังนั้นใครมุ่งหมายจะดูแม่นางหลิวก็ขอให้ทำใจล่วงหน้าไว้เลยครับ

โดยส่วนตัวผมออกจะชอบ สามก๊ก ขุนศึกเลือดมังกร มากกว่าครับ หลายอย่างดูลงตัวกว่า ส่วนหนึ่งอาจเพราะตัวละครไม่มาก การเกลี่ยบทก็กำลังดี การบิ้วอารมณ์ให้ไปในทิศทางที่ต้องการก็เลยง่ายขึ้น ในขณะที่เรื่องนี้สเกลถือว่าใหญ่ครับ ส่วนหนึ่งที่อารมณ์มันยังไม่เป็นเนื้อเดียวก็เพราะอาจเพราะตัวละครกับเนื้อเรื่อง บางทีก็ดูไม่เป็นในทางเดียวกัน

แต่กระนั้นผมก็ชอบบทสรุปนะครับ มันจบอย่างที่ควรจบ เป็นอย่างที่ควรเป็น

“มีหมากอยู่ชนิดหนึ่ง… หมากที่แพ้ทั้งสองฝ่าย”

… บางครั้งชีวิตก็เป็นแบบนั้นแหละ ^_^

สองดาวครับ

Star21

(6/10)