“The World to Come” โศกนาฏกรรมรักระหว่างเธอ…และเธอ

รีวิวหนัง วิจารณ์หนัง The World to Come

เมื่อย่างเข้าสู่เดือนมิถุนายน…เป็นประจำตามหลักสากาลที่ยึดให้เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ หรือ Pride Month และโปรแกรมหนังใหม่ที่เพิ่งจะพรีเมียร์สตรีมมิ่งทางทรูไอดีให้สุดสัปดาห์นี้ก็เข้ากับบรรยากาศในการเฉลิมฉลองในครั้งนี้่เหลือเกิน เพราะนี่คือ “The World to Come” หนังรักดราม่าเรื่องเล็กๆ ที่สะท้อนถึงความรักเพศเดียวกันได้อย่างละมุนละไม ซ้ำยังทำให้รู้สึกเจ็บปวดไปถึงขั้วหัวใจได้ในคราวเดียวกัน

null

The World to Come เป็นหนังอเมริกัน ที่ได้ผู้กำกับหญิงชาวนอร์เวย์ “โมนา ฟาสต์โวล์ด” มารับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักระหว่างผู้หญิงทั้งสองคนที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หนังได้รับเลือกให้พรีเมียร์ฉายในเทศกาลหนังเวนิซ เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา และยังคว้ารางวัล Queer Lion หนังที่กล่าวถึงความหลากหลายทางเพศได้ดีเยี่ยมแห่งปีจากเทศกาลหนังนี้ด้วย

หนังเรื่องนี้มีฉากหลังเป็นช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ผู้คนยังคงกระจัดกระจายอยู่อาศัยตามพื้นที่ต่างๆ เช่นเดียวกับ อบิเกล ที่อาศัยอยู่บ้านไร่เล็กๆ ในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออก (รัฐนิวยอร์กในปัจจุบัน) ร่วมกับสามีของเธอ แต่ชีวิตคู่ของทั้งสองเริ่มมาถึงจุดที่นิ่งเฉย หลังจากโรคร้ายได้พรากชีวิตลูกสาวของพวกเขาไปก่อนวัยอันควร ทำให้พวกเขากล้าๆ กลัวๆ ที่คิดจะมีทายาทคนใหม่

null

กระทั่ง ทัลลี ได้ปรากฏตัวขึ้น เธอคือภรรยาของเพื่อนบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ทั้งสองครอบครัวต่างมีอะไรที่คล้ายๆ กัน คือพวกเขาต่างไม่มีทายาทและมีปมอดีตที่แสนจะเจ็บใจไม่ต่างกันเท่าไหร่ การเข้าหากันระหว่าง อบิเกล กับ ทัลลี จึงดำเนินไปได้อย่างคล่องตัวและรวดเร็ว กลายเป็นผู้หญิงที่คุยถูกปากถูกคอตามประสาคนหัวอกเดียวกัน

แต่ความสัมพันธ์ที่ควรจะยั้งเอาไว้แค่เพียงมิตรภาพ…ได้เกินออกไป ตามความปรารถนาอันแรงกล้าของพวกเธอทั้งสองคน ที่สามีไม่สามารถมอบให้กับพวกเธอได้ จึงยั้งลึกกลายเป็นความสัมพันธ์อันตรายที่แนบชิดและยากเกินจะถอนตัวกลับคืนมาในจุดเดิม นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมรักที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น และไม่เห็นหนทางที่จะเป็นไปได้เลย…

null

หนังได้ทีมนักแสดงที่ดีมากๆ มาช่วยขับเคลื่อนและพยุงหนังทั้งเรื่องเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น “แคทเธอรีน วอเตอร์สตัน” ประกบคู่กับ “วาเนสซา เคอร์บี้” ที่ต้องยอมรับว่าเสน่ห์ของทั้งคู่ สามารถแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้เลย ด้วยความเป็นมืออาชีพและเหมาะสมกับบทบาทที่ได้รับ ทำให้การเข้าถึงคาแรกเตอร์ของตัวละครทำได้ไม่ยาก และนักแสดงสาวทั้ง 2 คนนี้ก็ยังเก่งด้านการสื่ออารมณ์ออกมาผ่านท่าทางการแสดงเป็นอย่างดี

อีกทั้งยังมี “คริสโตเฟอร์ แอ๊บบ็อตต์” กับ “เคซีย์ แอฟเฟลค” มาร่วมแสดงสมทบ ที่ก็ถือว่าพวกเขาทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าความสำคัญของบทบาทของพวกเขาอาจจะไม่เทียบเท่ากับนักแสดงนำหญิงทั้ง 2 คนข้างต้น โดยเฉพาะ เคซีย์ ที่ยังทำหน้าที่อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเองอีกด้วย

null

จะว่าไปแล้ว The World to Come จะไม่ใช่หนังที่ดูยากอะไร เพราะหนังดัดแปลงมาจากนิยายของ “จิม เชพเพิร์ด” ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ครุ่นคิด เพียงแต่จังหวะการเล่าเรื่องของหนังยังไม่ค่อยทำให้คนดูรู้สึกคล้อยตามอารมณ์ได้ดีเท่าไหร่ ยังพบความเยิ่นเย้อและการดึงอารมณ์ให้ย้วยยานเกินจำเป็นในบางจุด

หนังใช้เทคนิคการเล่าเรื่องโดยที่โฟกัสหลักๆ ผ่านตัวละครอย่าง อบิเกล เมื่อเดินตามรอยบันทึกที่เธอจดเอาไว้เล่าเรื่องราวนับตั้งสูญเสียลูกสาว กระทั่งได้พบกับผู้หญิงทรงเสน่ห์คนหนึ่ง และทุกๆ อย่างในบันทึกนี้กลายเป็นเหมือนเข็มที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงหัวในของเธอเอง กับความรู้สึกและความรับผิดชอบที่ยังต้องทำหน้าที่ในฐานะภรรยาต่อไป แม้ว่าความรู้สึกและหัวใจจะรวนเรไปแค่ไหนแล้วก็ตาม

null

เอาเป็นว่าแค่ได้ดู แคทเธอรีน วอเตอร์สตัน กับ วาเนสซา เคอร์บี้ ปล่อยเสน่ห์ของพวกเธออกมาในหนังเรื่องนี้ก็เป็นกำไรแล้ว นี่คือคู่นักแสดงหญิงที่มีเคมีที่ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว และพวกเธอคือส่วนที่ดีที่สุดในการช่วยพยุงหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง แม้ว่าจะยังไม่ใช่หนังรักและหนังดราม่าที่สมบูรณ์แบบ แต่เนื้อหาบทชีวิตที่ถ่ายทอดออกมาก็ลึกซึ้งกินใจพอสมควร