มันชินี่ นำลูกทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศศึก ยูโร 2020 ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะสเปนด้วยการดวลจุดโทษ 4-2 หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 เมื่อวันอังคารที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ทัพอัซซูรี่พยายามเล่นอย่างรัดกุมและมีสมาธิ เพื่อรอจังหวะสวนกลับและมาทำสำเร็จจาก เฟเดริโก้ เคียซ่า ในช่วงกลางครึ่งหลัง แต่ อัลบาโร่ โมราต้า ที่ถูกส่งเป็นตัวสำรองช่วย สเปน ตีเสมอในช่วง10นาทีสุดท้าย และหลังจากนั้นต้องต่อเวลาพิเศษสุดท้ายไม่มีทีมไหนยิงเพิ่มเลยต้องไปดวลจุดโทษและเป็น อิตาลี ที่แม่นยำกว่าคว้าชัยชนะได้สำเร็จ
อิตาลีไปยืนรอในรอบชิงชนะเลิศเรียบร้อยแล้ว และรอพบกับผู้ชนะระหว่าง อังกฤษ กับ เดนมาร์ก โดยตอนนี้พวกเขามีลุ้นที่จะคว้าแชมป์ยูโรสมัยที่ 2 ในหน้าประวัติศาสตร์วงการลูกหนังแดนมะกะโรนี
- จอร์จินโญ่ โชว์ผลงานสุดยอด
เคยเจอกับฤดูกาลที่ย่ำแย่ตอนเล่นให้กับ เชลซี สมัยที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ทำหน้าที่กุมบังเหียนแต่สำหรับทัวร์นาเมนต์นี้เขาสร้างผลงานที่สุดยอดเกินห้ามใจในการนำ อิตาลี ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึกยูโร 2020 จอร์จินโญ่ ทำหน้าที่คุมจังหวะการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เชื่อมเกมแดนกลางกับแนวรุก ที่สำคัญยังเล่นเกมรรับได้อย่างเหนียวแน่น ทำให้แผงมิดฟิลด์สเปนต้องเจองานหนักไม่สามารถปั้นเกมได้มากนัก เขายังเป็นคนยิงจุดโทษคนสุดท้ายซึ่งเต็มไปด้วยแรงกดดัน แต่ก็สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้สำเร็จทำให้ตอนนี้ อัซซูรี่ มีโอกาสที่จะคว้าโทรฟี่อองรี เดอโลเน่ย์สมัยที่ 2 - เคียซ่า เล่นได้เด่นเมื่ออยู่ในเวมบลีย์
10 วันก่อน เฟเดริโก้ เคียซ่า ถูกส่งลงมาเล่นเป็นตัวสำรองก่อนที่จะยิงประตูให้ทีมขึ้นนำและกลายเป็นแสงสว่างในการกรุยทางทำให้ อัซซูรี่ ปราบ ออสเตรีย ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่สนามเวมบลีย์ แมตช์นี้ มันชินี่ ตัดสินใจเลือกให้เขาลงเล่นเป็นตัวจริงและเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อทำผลงานได้ดียอดเยี่ยม รวมทั้งยังยิงประตูให้ทีมขึ้นนำที่สนามกีฬาแห่งชาติของอังกฤษอีกครั้ง - ฟาดฟันด้วยสไตล์ที่แต่ละทีมถนัด
คงได้เห็นเต็มสองตาว่ามันคือการวางแท็กติกแบบดั่งเดิมของ อิตาลี กับ สเปน โดยทีมหนึ่งเน้นตั้งรับเหนียวแน่น ส่วนอีกทีมพยายามครองบอลและเปิดเกมรุกเข้าใส่ สเปน พยายามครองบอลและคุมสถานการณ์ในแมตช์นี้ พวกเขาค่อยๆสร้างเกมแบบช้าๆต่อบอลกันไปเรื่อยๆ และผ่านบอลตามช่องเพื่อหวังเจาะแนวรับของ อิตาลี ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าเกือบทำสำเร็จหลายครั้ง อิตาลี แม้ในยุคของ มันโช่ จะเน้นเกมบุกมากขึ้นแต่เมื่อเจอกับทัพกระทิงดุ ที่มีสไตล์ที่ดุดันมากกว่าเขาก็ต้องเลือกวางแท็กติกที่ถนัด นั่นก็คือตั้งรับและรอสวนกลับ โดยงานนี้แผงแนวรับของ อัซซูรี่ เล่นได้เหนียวแน่นตามแผนที่วางเอาไว้จริงๆ - โมราต้า กับทัวร์นาเมนต์ที่ยากลืม
ไม่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหน้าระดับโลกแม้ว่าเขาจะยิงประตูสำคัญๆในอาชีพพ่อค้าแข้งก็ตาม โดยเหตุผลสำคัญก็คือเขามักจะทำผลพลาดบ่อยๆ ในทัวร์นาเมนต์สำคัญระดับชาติ เทียบความเฉียบคมของ โมราต้า กับ ดาบิด บีย่า หรือ เฟร์นานโด้ ตอร์เรส ในช่วงรุ่งๆ จะเห็นได้ชัดเจนว่าเขายังห่างชั้นในเรื่องการจบสกอร์ที่เฉียบคม ในทัวร์นาเมนต์นี้ โมราต้า โดนวิจารณ์เยอะมากเนื่องจาก สเปน เป็นทีมที่สร้างโอกาสได้มากมาย แต่เขากลับทำพลาดหลายครั้งหลายหน แต่สำหรับในรอบรองฯที่ต้องพบกับ อิตาลี ดูเหมือน หลุยส์ เอ็นรีเก้ จำเป็นต้องปรับแท็กติก กองหลังคู่แข่งอย่างเลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ คุ้นเคยกับแนวทางการเล่นของ โมราต้า เป็นอย่างดี และน่าจะรู้ว่านักเตะมีจุดอ่อนตรงไหน แต่สุดท้ายในสถานการณ์ที่ทีมต้องการประตูทำให้ เอ็นรีเก้ ต้องเลือกส่ง โมราต้า ลงมากู้วิกฤติและก็ทำได้สำเร็จ หากมองจากภาพรวมแล้วต้องบอกเลยว่า โมราต้า ทำผลงานได้น่าผิดหวังในทัวร์นาเมนต์นี้จริงๆ - อิตาลี รักษาสถิติไม่แพ้ทีมใดต่อไป
สร้างสถิติที่สุดยอดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาโดยพวกเขาเพิ่มสถิติไร้พ่ายยาวนานเป็น 33 นัดในทุกรายการ และยังเพิ่มสถิติด้วยการไม่แพ้ในศึกยูโร ยาวนานถึง 16 นัด นับรวมรอบคัดเลือก มันชินี่ สร้างอิตาลีให้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่ง และต้องบอกเลยว่านี่คือหนึ่งในทีมที่แกร่งที่สุดในยุโรป ที่สำคัญฟอร์มของพวกเขาในเวลานี้มีโอกาสดีเยี่ยมที่จะคว้าแชมป์ยูโร 2020 เลยทีเดียว อิตาลีผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ (ฟุตบอลโลก/ยูโร) ได้ถึง 10ครั้ง โดยมีเพียงแค่เยอรมนี (14 ครั้ง) ที่มีสถิติในการทะลุเข้าไปในรอบชิงมากกว่าพวกเขา อิตาลีชุดนี้ทำลายสถิติไร้พ่ายของ อิตาลีชุดที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1930 แต่ มันชินี่ เคยกล่าวเอาไว้ว่าสถิติเหล่านี้จะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าหากสุดท้ายแล้วพวกเขาไม่สามารถนำโทรฟี่แชมป์กลับสู่มาตุภูมิได้ !!
“ข่าวสารวงการฟุตบอลอัพเดทใหม่ล่าสุด ผลบอลสดทุกวัน บทความอัพเดทจาก Ufabet เว็บพนันออนไลน์ “