![Untitled07181](https://10000tip.files.wordpress.com/2021/12/untitled07181.jpg?w=639)
ออกตัวก่อนล่วงหน้าครับ ว่าสิ่งที่ผมเขียนต่อไปนี้ถือได้ว่าขาดความเป็นกลางอย่างยิ่ง เพราะผมชอบหนังเรื่องนี้เข้าให้แล้วน่ะครับ
ช่วงนี้ผมดูหนังรักวันคริสต์มาสไปหลายเรื่องครับ ก็จะเป็นหนังยุคใหม่รุ่นปี 2018 -2021 ซึ่งส่วนใหญ่หนังก็จะดูได้เพลินๆ จะเพลินมากเพลินน้อยก็ว่ากันไป
แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจตลอดคือผมจะรู้สึกว่าหนังเหล่านั้น มันขาดอะไรไปครับ เหมือนเสน่ห์หรือลูกเล่นในการเล่าเรื่องบางอย่างมันหายไป ความกลมกล่อมบางประการมันหายไป แล้วใจผมก็จะนึกย้อนไปถึงหนังแนวเดียวกันนี้สมัยยุค 90 หรือ 2000 ผมว่าหนังยุคนั้นมันจะมีเสน่ห์มากกว่า
แล้วก็พอดีครับที่ Disney+ มีหนังเรื่อง 12 Dates of Christmas มาให้ดู ซึ่งเป็นหนังปี 2011 ผมก็เลยจัดซะ ให้รู้กันไปว่าผมจะเจอเสน่ห์ของหนังแบบที่ผมคิดถึงหรือเปล่า… แล้วผมก็เจอแบบจังๆ ครับ
เรื่องของ เคท สแตนตัน (Amy Smart) สาวสวยที่ส่วนลึกของจิตใจยังคงคิดถึงคนรักเก่าอยู่ แต่ขณะเดียวกันวันนี้ก็มีคนนัดบอดให้ เธอก็เลยยอมไปแบบเสียมิได้ครับ ก่อนที่สุดท้ายจะย้อนไปหาทางคืนดีกันแฟนเก่า แต่บทลงเอยกลับไม่เป็นไปดังที่เธอต้องการ
แล้ววันเหนื่อยๆ ก็จบลง เธอหลับไป ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเธอได้ย้อนกลับมาวันเดิมซ้ำอีกครั้ง!
![Untitled07183](https://10000tip.files.wordpress.com/2021/12/untitled07183.jpg?w=639)
หนังสนุกครับท่านผู้ชม สนุกแบบที่อยากดูเลย โอเค ถ้าว่ากันถึงพล็อตแล้วมัน Groundhog Day ชัดๆ ไม่ได้ใหม่อะไร แต่ก็อย่างที่ผมชอบบอกเสมอครับ พล็อตเก่าหรือใหม่ จะลงสูตรหรือไม่ก็ไม่ว่ากันขอให้ทำออกสนุกก็พอ แล้วหนังเรื่องนี้ก็ตอบโจทย์ความสนุกได้ดีครับ ดูเพลินทีเดียว ได้ครบทั้งอารมณ์ขัน ทั้ง Feel Good ทั้งความโรแมนติก ทั้งบรรยากาศคริสต์มาส และแง่คิดดีๆ
การดูหนังเรื่องนี้ทำให้ผมได้คำตอบครับว่าอะไรที่ขาดหายไปจากหนังรักรุ่นใหม่บางเรื่อง อันนี้ผมจำกัดความเฉพาะหนังรักที่ผลิตออกมาเพื่อฉายทีวีหรือลงสตรีมมิ่งนะครับ (เพราะเรื่องนี้ก็เป็นหนังสำหรับฉายทีวีเหมือนกัน) อย่างแรกเลยก็คือการเดินเรื่องครับ หนังรุ่นใหม่มักออกแนวเดินเป็นเส้นตรง หลักๆ คือให้พระ-นางได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเสียส่วนใหญ่ แต่จะไม่ค่อยมีพล็อตรองมาประกอบเนื้อเรื่อง ว่าง่ายๆ คือออกแนวโมโนโทนน่ะครับ
ในขณะที่หนังรุ่นเก่าเนื้อเรื่องจะไม่เชิงเป็นเส้นตรงครับ มันจะไม่ใช่แค่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของพระ-นาง แต่จะมีพล็อตรองอื่นๆ มีรายละเอียดยิบย่อยใส่ลงเมื่อเพื่อทำให้เรื่องราวมีความหลากหลาย และประเด็นที่แตกย่อยออกไปนี้แหละที่จะมีส่วนช่วยให้เรารู้จักคาแรคเตอร์ตัวเอกชัดขึ้น พวกเขาจะดูมีมิติมากขึ้น
และเสน่ห์สำคัญเลยของหนังรักรุ่นเก่าคือตัวละครสมทบครับ บางคนจะมีผลต่อเนื้อเรื่อง หรือไม่ก็จะออกมาขโมยซีนเพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้กับหนัง หรือไม่ก็เพิ่มดีกรีความน่ารักให้พระ-นางดูน่ารักยิ่งขึ้น
อย่างในเรื่องนี้ความสนุกนอกจากจะอยู่ที่เคมีที่เข้ากันระหว่างพระ-นางแล้ว ความสนุกยังกระจายไปยังพล็อตรอง ซึ่งก็คือเหล่าตัวละครสมทบที่นางเอกต้องพบเจอครับ ไม่ว่าจะเป็นคุณป้าข้างห้อง (Jayne Eastwood) ที่ตั้งใจทำขนมมามอบให้เธอ, หนุ่มเนิร์ดในบาร์ (Joe MacLeod) ที่นั่งรอผู้หญิงที่ชื่อฟิลลิสอย่างไร้ความหวัง, แจ็ค (Benjamin Ayres) แฟนเก่าของเคท, จิม (Richard Fitzpatrick) ชายชราใจดีที่เป็นห่วงยามเห็นเคทล้มหมดสติ หรือแซลลี่ (Mary Long) ว่าที่คุณแม่คนใหม่ของเคท เนี่ยครับ ตัวละครเหล่านี้มีซีนของตัวเอง มีเรื่องราวของตัวเอง และมีคาแรคเตอร์ที่ทำให้คนดูจำได้ พวกเขาเหล่านี้คือชูรสชั้นดีที่เสริมความสนุกและความน่ารักอบอุ่นให้กับหนังได้อย่างน่าปรบมือ
แล้วที่สำคัญคือการที่หนังเปิดโอกาสให้เคทไปมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขา นอกจากจะทำให้คนดูได้เห็นเคทในหลากมุมแล้ว ตัวละครเหล่านี้ยังมาพร้อมแง่คิดดีๆ ที่ทำให้เคท (รวมถึงคนดู) ได้อะไรบางอย่างติดหัวกลับไปด้วย
พูดถึงตัวเอกกันบ้างครับ Amy Smart ที่หลายคนน่าจะจำได้จากหนังเรื่อง Road Trip และ The Butterfly Effect มารับบทเป็นเคท ซึ่งเธอก็แสดงได้สดใสดีครับ มีทั้งมุมโก๊ะและมุมน่ารัก ช่วงต้นๆ เธอจะดูเป็นคนที่คิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลักครับ ก็ต้องรอจนกระทั่งเหตุการณ์ในวันซ้ำๆ ที่เธอเผชิญค่อยๆ เปลี่ยนเธอให้น่ารักมากขึ้นและเห็นแก่คนอื่นมากขึ้น (ก็อย่างที่บอกครับ สูตร Groundhog Day เต็มๆ เลยแหละ)
![Untitled07182](https://10000tip.files.wordpress.com/2021/12/untitled07182.jpg?w=639)
ส่วนพระเอกก็คือ ไมลส์ ดูฟิน แสดงโดย Mark-Paul Gosselaar รายนี้ก็สะสมแต้มในใจคนดูทีละนิดครับ คนดูจะค่อยๆ รู้จักเขามากขึ้นตามลำดับ รู้จักเขาไปพร้อมๆ กับเคท ซึ่งคาแรคเตอร์ของเขาก็ดูสมาร์ทครับ ดูแล้วเชื่อว่าเขาจะสามารถกุมหัวใจของเคทได้ในท้ายที่สุด เพราะเขาดูเป็นคนดีจริงๆ (จนบางทีก็แอบสงสารในช่วงแรกๆ ที่โดนเคทเทน่ะครับ)
ผมรู้สึกเพลินกับหนังครับ ชอบบรรยากาศที่ได้อารมณ์วันคริสต์มาส ทั้งในแง่การประดับประดาแสงไฟ สัมผัสถึงลมหนาว ได้กลิ่นอายของเทศกาล หรือการที่ได้เห็นตัวละครในเรื่องมาแบ่งปันความรัก ความห่วงใย ให้เวลากันและกัน มันได้อารมณ์อบอุ่นแบบกำลังดีน่ะครับ
ที่ชอบต่อมาคือการได้เห็นคนมีน้ำใจต่อกัน ยกตัวอย่างอย่างเคทกับคุณป้าข้างห้อง ที่ตอนแรกเคทก็ไม่ได้สนใจคุณป้านัก (แต่หนังก็จะสื่อให้เราเห็นเล็กๆ ว่าคุณป้าท่านก็รู้สึกเหงาอยู่เหมือนกัน) แล้วพอเคทเจอวันเวียนซ้ำหลายครั้งเข้า เธอก็เริ่มสังเกตถึงน้ำใจของคุณป้าอุตส่าห์ทำขนมมาให้ แล้วเคทก็เริ่มเปิดใจทำความรู้จักกับคุณป้า ซึ่งคุณป้าก็ดีใจมากครับ แล้วเคทก็ได้สัมผัสถึงชีวิตอันเปล่าเปลี่ยวของหญิงชราคนนี้มากขึ้น
ผมชอบอะไรแบบนี้จริงๆ ครับ เวลาได้เห็นตัวละครในหนังแสดงความมีน้ำใจต่อกัน ปรารถนาดีต่อกัน หรือใส่ใจห่วงใยกัน ผมว่ามันเป็นภาพที่สวยงามนะครับ เห็นแบบนี้ทีไรจิตใจมันพองโตทุกที แล้วมันยังเป็นอะไรที่เข้ากับความเป็นหนังคริสต์มาสอีกด้วย ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็มีฉากแบบนี้อยู่ไม่น้อยครับ เพราะเคทเธอต้องเวียนตื่นมาในวันซ้ำตั้งเป็นสิบรอบ เธอเลยได้รู้จักคนมากมายที่ตอนแรกเป็นเพียงเหมือนบทสมทบในฉากชีวิตของเธอ แต่เมื่อเธอตื่นมาซ้ำๆ เธอก็เริ่มสังเกตเห็นพวกเขา และหันมาใส่ใจทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยเหลือพวกเขา ทำให้พวกเขามีความสุข หรือช่วยให้พวกเขาหลุดออกจากปัญหา
ด้วยอะไรแบบนี้แหละครับที่ทำให้ผมชอบหนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง มันถูกใจและเข้าทางน่ะครับ
ว่ากันตรงๆ แล้ว หนังเรื่องนี้อาจไม่ได้ดีเลิศอะไรนะครับ แต่ที่ผมรู้สึกเชิงบวกกับหนังเรื่องนี้ค่อนข้างมากก็คงเพราะผมดูหนังเรื่องนี้แบบถูกที่ ถูกเวลา ถูกจังหวะ และถูกอารมณ์ มันเลยโดนใจแบบเต็มๆ ซึ่งผมก็ไม่รับประกันนะครับว่าทุกท่านจะชอบหนังเรื่องนี้แบบที่ผมชอบไหม แต่หากท่านใดที่เป็นคอเดียวกับผม หรือโหยหาคิดถึงเสน่ห์ของหนังรักเบาสมองในยุค 90 – 2000 แล้วล่ะก็ ผมก็อยากให้ท่านลองชมหนังเรื่องนี้ครับ อย่างมากที่สุดก็คือดูแล้วไม่ชอบ ซึ่งก็ไม่เป็นไรครับ เพราะมันยังดีกว่าที่ท่านอาจจะชอบหนังเรื่องนี้ แต่กลับไม่ลองลิ้มดูสักครั้งครา
สองดาวครึ่งครับ
![Star22](https://10000tip.files.wordpress.com/2015/02/star221.jpg?w=639)
(7/10)