ดิ แอธเลติก ระบุ การที่ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป ขายหุ้นขนาดเล็กของลิเวอร์พูลให้กับ Dynasty Equity นั้น เป็นการทำเพื่อที่จะเอาเงินไปช่วยชำระหนี้ หลังจากที่ผ่านมาพวกเขามีภาระด้านการเงินเพิ่มขึ้น
เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) กลุ่มทุนเจ้าของทีม หงส์แดง เพิ่งประกาศว่าพวกเขาขายหุ้นขนาดเล็กให้ Dynasty Equity จนได้เงินเข้าสโมสรราว 82-164 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,608-7,216 ล้านบาท) โดยเป็นที่เชื่อกันว่าปริมาณของหุ้นที่ขายไปอยู่ที่ประมาณ 1.9-3.8 เปอร์เซ็นต์
เอฟเอสจี พยายามหาเงินทุนจากภายนอกเข้ามาช่วยลดภาระหนี้โดยรวมของ ลิเวอร์พูล มาพักหนึ่งแล้ว และในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องการบริหารทีมต่อไป
โดยในบัญชีงบประมาณล่าสุดซึ่งนับจนถึงช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2022 นั้น มันแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีหนี้โดยรวม 74 ล้านปอนด์ ส่วนหนี้จากข้อตกลงระหว่างบริษัทอยู่ที่ 71 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม เงิน 50 ล้านปอนด์ ที่ใช้ไปกับการสร้างสนามซ้อมแห่งใหม่ของ ลิเวอร์พูล รวมถึงเงิน 12 ล้านปอนด์ ที่จ่ายไปเพื่อซื้อ เมลวู้ด กลับมาเพื่อให้ทีมหญิงของสโมสรใช้ซ้อมนั้น ไม่ได้ถูกนับรวมอยู่ในหนี้จำนวนดังกล่าว
ค่าใช้จ่ายสำหรับโปรเจ็กต์การขยายอัฒจันทร์ฝั่ง แอนฟิลด์ โร้ด มันก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยตอนแรกมีการประเมินกันว่ามันจะใช้เงินราว 80 ล้านปอนด์ ซึ่งเดิมทีมันมีกำหนดการว่าแผนการขยายอัฒจันทร์จะเสร็จสิ้นในเดือนตุลาคมนี้่ แต่มันเกิดความล่าช้าเพราะ Buckingham Group บริษัทซึ่งได้รับสัญญาให้ทำการต่อเติมสนามนั้นเกิดล้มละลายจนต้องถูกเข้าควบคุมกิจการ
การลดหนี้โดยรวมให้ได้นั้นถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากต่อการทำให้สภาพการเงินของ ลิเวอร์พูล มีความมั่นคง และทำให้เป้าหมายสำหรับความสำเร็จของผลงานในสนามระยะยาวยังคงเดินหน้าต่อไปได้
ดิ แอธเลติก เสริมว่าดีลในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกับการทำงานของสโมสรแต่อย่างใด และ เอฟเอสจี ก็เชื่อว่ามูลค่าจากการลงทุนครั้งใหม่ รวมถึงการได้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือนั้นจะทำให้ ลิเวอร์พูล มีสภาพการเงินที่แข็งแกร่งในช่วงหลายปีต่อจากนี้
ที่จริง เอฟเอสจี เคยคิดที่จะขายขาดทีม แต่พวกเขาก็เปลี่ยนจุดยืนหลังจากไม่มีใครให้ข้อเสนอที่สมน้ำสมเนื้อ ท่ามกลางกระแสข่าวว่าผู้เชี่ยวชาญประเมิน ลิเวอร์พูล ว่ามีมูลค่าอยู่ในระดับมากกว่า 3 พันล้านปอนด์
ขอบคุณบทความดีๆ สามารถอัพเดทข่าวสารวงการฟุตบอลสดใหม่ทุกวันได้ทาง “Ufabet”