[เปิด Netflix มารีวิว] Hurt Like Hell ซีรีส์ “ตกสำรวจ” วงการมวยไทย

[เปิด Netflix มารีวิว] Hurt Like Hell ซีรีส์ "ตกสำรวจ" วงการมวยไทย

มินิซีรีส์ขนาดสั้นจำนวน 4 ตอนที่ลงสตรีมมิ่งทาง Netflix ไปตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งพาคนดูไปสำรวจด้านเทาๆที่หลายต่อหลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่า ในวงการมวยนั้นมีอะไรสลับซับซ้อนมากกว่าที่เราคิด

ความโดดเด่นประการสำคัญของ  Hurt Like Hell เจ็บ เจียน ตาย คือการตัดสลับเรื่องราวในพาร์ทซีรีส์ และ การเอาคนในแวดวงการมวยมาให้สัมภาษณ์แบบเจาะลึก ไม่ว่าจะเป็นกลโกง วิธีการล้มมวย การพนัน ฯลฯ โดยใน EP แรกตอนเปิดเรื่องนั้น เราจะได้ตามติดชีวิตของพัด (ณัฏฐ์ กิจจริต) เซียนมวยที่โลดแล่นอยู่ในสนามมวยมาสักระยะ แต่ความฝันของเขาคือการเป็นเซียนมวยในระดับเบอร์ใหญ่ๆ แบบเดียวกันกับคม-เซียนมวยรุ่นใหญ่ (ธเนศ วรากุลนุเคราะห์) ที่คนในสนามมวยให้ความยำเกรงในอำนาจบารมีของเขา 

ระหว่างการแลกหมัดอันดุเดือดบนเวที กับการเชียร์มวยของคนข้างสนามอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะเดิมพันของพวกเขาไม่ใช่แค่การเสพย์กีฬาเพื่อความสนุก แต่เป็นเงินเดิมพันก้อนโตที่อาจจะพลิกชีวิตของพวกเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือภายในชั่วพริบตา

นอกจากการถ่ายทอดเรื่องราวราวในและนอกสนามมวยแล้ว การที่ Hurt Like Hell เลือกเอาบรรดาคนในวงการมวยจริงๆมาให้สัมภาษณ์อาทิ นักมวยจริงๆ เซียนมวย โปรโมเตอร์ เทรนเนอร์ นักพากย์ กรรมการมวย มาร่วมให้ข้อมูลว่าตกลงแล้ว “เรื่องจริง” ที่เกิดขึ้นนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่ซีรีส์นี้พยายามนำเสนอแค่ไหน

คงต้องบอกว่าวิธีการกำกับและนำเสนอเรื่องราวสุดเข้มข้นของกิตติชัย วรรณ์ประเสริฐ ฮุคหมัดใส่คนดูไม่ยั้ง เอาคนดูอยู่ตั้งแต่ไม่กี่นาทีแรกของซีรีส์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความตื่นเต้น การทำให้คนดูตั้งคำถาม ชวนฉงนสงสัยในพฤติกรรมของตัวละครในเรื่อง ก่อนที่มันจะถูกคลี่คลายในเวลาต่อมา ประหนึ่งหนังอย่าง “ราโชมอน” ที่ตัวละครแต่ละตัวก็มีเหตุผลรองรับในการกระทำของตัวเอง

ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงเวลา 2 EP หลังหนังก็เริ่มสลัดคราบความเป็นซีรีส์และพาเราไปลัดเลาะความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับบรรดานักมวยเด็ก ซึ่งเติบโตมากับความรุนแรงในครอบครัว ทางเลือกที่จำกัดจำเขี่ยและบีบบังคับให้พวกเขากระโจนเข้าสู่วงการมวย เพื่อหาเงินเลี้ยงปาก เลี้ยงท้องและเยียวยาครอบครัว ก่อนที่เรื่องราวทั้งหมดจะเลือกวิธีขมวดปมด้วยการไปเชื่อมโยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในหน้าหนังสือพิมพ์

สิ่งที่น่าชื่นชมไม่น้อยคือบรรดานักแสดงนำของเรื่องไม่ว่าจะเป็น ธเนศ วรากุลนุเคราะห์, ณัฏฐ์ กิจจริต, วิทยา ปานศรีงาม และนักมวยเด็กอย่างภูริภัทร พูลสุข ต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม จนเรากล่าวได้ว่ามินิซีรีส์ชิ้นนี้ลบข้อครหาว่าซีรีส์ไทยที่สร้างลง Netflix นั้น คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานได้อย่างไม่ขัดเขิน