สามก๊ก เทพเจ้ากวนอู เล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่กวนอู (เจิ้นจื่อตัน/Donnie Yen) โดนโจโฉ (เจียงเหวิน/Wen Jiang) จับตัวเอาไว้ ก่อนที่สุดท้ายกวนอูจะตัดสินใจเดินทางกลับไปหาเล่าปี่ แต่ระหว่างทางเขาก็ต้องเผชิญกับ 5 ด่าน 6 ขุนพลของโจโฉที่มาคอยขวางเขา
ตอนแรกผมคาดว่าจุดเด่นของหนังจะอยู่ที่ฉากต่อสู้ฝ่าด่านระหว่างกวนอูกับเหล่าขุนพล ที่ Donnie Yen เป็นคนกำกับคิวบู๊เอง แต่กลายเป็นว่าของเด็ดของหนังอยู่ที่การแสดงของเจียงเหวิน เจ้าของบทโจโฉน่ะครับ เขาสวมวิญญาณโจโฉได้อย่างสุดยอด ทั้งแววตา ท่าทาง การพูดจา ทุกอย่างทั้งหมดทำให้โจโฉในหนังเรื่องนี้ดูมีพลัง มีบารมี มีความสุขุมรอบคอบและรอบจัดสุดๆ
ทุกฉากที่เจียงเหวินขึ้นจอนี่ดีกรีความน่าติดตามจะเพิ่มขึ้นทันที การพูดของเขานี่เต็มไปด้วยคมความคิด บางทีก็แฝงเร้นไว้ด้วยจุดประสงค์ หรือบางครั้งก็ตรงไปตรงมาอย่างเปิดเผย สำหรับผมนี่บอกเลยครับว่าหนังเรื่องนี้ดูสนุกก็เพราะการแสดงเวิร์กๆ ของเจียงเหวินนี่แหละครับ
ส่วน Yen กับบทกวนอูก็ถือว่าโอเคครับ ส่วนหนึ่งก็เพราะได้การแสดงดีๆ ของเจียงเหวินมาคอยเสริม เวลาสนทนาโต้คารมกันมันเลยออกรสออกชาติ ช่วยขับเน้นบทกวนอูให้ดูดีขึ้นได้พอตัว
คิวบู๊ถือว่ากลางๆ ครับ ยังไม่ถึงกับมันส์แบบเต็มที่ บางฉากนี่ก็แอบเสียดายนะ อย่างตอนกลางเรื่องที่กวนอูเตรียมรบกับด่านที่เหล่าทหารแต่งกายด้วยชุดม่วงน่ะครับ ด่านนี้ทำท่าจะตีกันมันส์นะ เอาแค่สีชุดนี่ก็น่าจะทำให้เกิดฉากบู๊สวยๆ ได้แล้ว แต่กลายเป็นว่าฉากนี้เราดันไม่ได้เห็นลีลาการบู๊ครับ รู้ตัวอีกทีฉากนั้นก็จบลงซะแล้ว – ยอมรับว่ารู้สึกชะงักงันทางความมันส์กับฉากนี้ไปไม่น้อย
ฉากที่ถือว่าพอเหมาะที่สุดผมยกให้ฉากกวนอูปะทะอองเซ็ก (Wang Xuebing) ครับ อาจไม่ได้มันส์มาก แต่จังหวะการต่อสู้ถือว่ากำลังดีและมีความงามประมาณหนึ่ง เอาเป็นว่าใครหวังจะดูฉากบู๊สวยๆ ระดับ Hero นี่ขอให้ทำใจไว้ก่อนครับ มันไม่ได้ออกมาเจ๋งขนาดนั้นครับ
อีกสิ่งที่ผมชอบคือดนตรีของ Henry Lai ครับ ท่วงทำนองไพเราะเหมาะกำลังดี ช่วงครึ่งแรกนี่ดนตรีช่วยเสริมอารมณ์ให้กับหนังได้อย่างดีทีเดียว
โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ก็ดูได้แบบเรื่อยๆ ครับ โดยส่วนตัวผมว่าแค่ดูเจียงเหวินนี่ก็โคตรคุ้มแล้วครับ พี่ท่านนี่เกิดมาเป็นโจโฉแท้ๆ แต่ส่วนอื่นๆ อย่างฉากต่อสู้หรือตัวบทอาจยังไม่เข้มข้นเท่าที่ควรเท่านั้นเอง
สองดาวครับ
(6/10)