ร้านของเก่า The Antique Shop หนังสยองขวัญรวมนักแสดงหลากหลายสัญชาติ อันประกอบไปด้วย 4 ประเทศ ไทย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และ เกาหลีใต้ ที่หยิบเอาเรื่องราวของไอเท็มอาถรรพ์มาเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวชวนขนหัวลุก
แม้ว่าจะเข้าฉายมาร่วมหนึ่งสัปดาห์ แต่ดูเหมือนว่าหนัง “เอเชียน” เรื่องนี้จะกระแสตอบรับเงียบเหงากว่าที่คิด แม้ว่าจะมีไอดอลหนุ่มหล่อจากเกาหลีอย่าง “แพจินยอง” มาเป็นตัวเรียกแขก ยังไม่รวมไปถึงนักแสดงวัยทีนดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง มีน พีรวิชญ์ มาช่วยเรียกเหล่าแฟนละครช่อง One 31 อีกแรงก็ตาม แต่ผ่านไปแล้วหลายวัน หนังก็ทำรายได้ไปประมาณ 1.58 ล้านบาท (ข้อมูลจาก ชมรมวิจารณ์บันเทิง)18+ดูภาพทั้งหมด
“ร้านของเก่า” ประกอบไปด้วยหนังสั้นสยองขวัญจำนวน 3 เรื่อง โดยเรื่องราวทั้งหมดจะถูกร้อยเรียงผ่านการบอกเล่าผ่านตัวละครอย่าง มาดาม (พิจิกา จิตตะปุตตะ) เจ้าของร้านขายของเก่าที่รวบรวมบรรดาสิ่งของต่างๆที่ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วย “เรื่องราว” อันสุดแสนน่าสะพรึงกลัวและน่าเหลือเชื่ออยู่ไม่น้อย
แอนดี้ (ชูบิง) ชายหนุ่มนักท่องเที่ยวจากสิงคโปร์ที่เดินทางมายังประเทศไทย ระหว่างที่เขาเดินเล่นอยู่ในย่านเมืองเก่า เขาก็ได้พบกับร้านขายของเก่าแห่งนี้ ด้วยมนต์เสน่ห์บางอย่างทำให้เขาสนใจในสิ่งของต่างๆในร้านแห่งนี้ และทำให้เขาได้เริ่มฟังเรื่องราวอันแสนแปลกประหลาดจากปากของมาดาม18+ดูภาพทั้งหมด
เรื่องราวแรกบอกเล่าถึงวาดิ (ริโอ ดิวันโต้) หนุ่มเข้มชาวอินโดนิเซียที่เดินทางจากครอบครัวบ้านเกิดมันยังประเทศไทยเพื่อหาเงินส่งกลับบ้าน แรกเริ่มเดิมทีเขาทำงานเป็นคนขับรถให้กับนายจ้าง แต่เมื่อทำงานไปได้สักระยะเขาก็ล่วงรู้ความจริงว่านายจ้างของตัวเองทำธุรกิจด้านมืด เกี่ยวพันกับพ่อค้ายาเสพย์ติด
หลังจากที่กริช (ภคชนก์ โวอ่อนศรี) สมาชิกแก็งมาเฟียพบว่า “ยาเสพย์ติด” ที่เขาทำข้อตกลงไว้หายไป เขาเลยจับตัววาดิมามัดไว้กับเก้าอี้กลางบ้านร้างแห่งหนึ่งเพื่อทรมานให้เขาบอกความจริงว่ายาบ้านั้นอยู่ที่ไหน โดยระหว่างนั้นเอง วาดิก็เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่วนเวียนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันตามลำพัง
สิ่งที่น่าสนใจคือการหยิบประเด็นเรื่องยาเสพย์ติด การซ้อมทรมาน เอามาเป็นเส้นเรื่องหลักของตอนแรก แม้ว่าจะไม่มีอะไรพลิกผันเหนือการคาดเดาและอาจจะบอกได้ว่าตอน “เก้าอี้มรณะ” ถือเป็นตอนที่ชืดสนิทที่สุดในสามเรื่องเลยก็ว่าได้18+ดูภาพทั้งหมด“มีน พีรวิชญ์ – แพจินยอง” นำทีมเปิดตัวหนังสยองขวัญข้ามชาติ “ร้านของเก่า”…อ่านต่อ
สิ่งที่น่าขำขันกว่าคือระหว่างที่หนังจะเดินทางไปสู่ตอนที่ 2 หลังจากที่ตัวละครแอนดี้ได้ฟังเรื่องราวแรก เขาได้พูดประโยคที่ว่า I never thought that Thailand had something like this. เราในฐานะผู้ชมคนไทยก็ถึงกับขำก๊ากออกมาทันทีว่า จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อข่าวสารต่างบ้านต่างเมือง เขาต่างก็รับรู้กันว่า “ด้านมืด” ของประเทศไทยโดยเฉพาะเรื่องผิดกฎหมายนั้นเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว หรือบางทีในความหมายของตัวละครแอนดี้นั้น เขาอาจจะหมายถึงเก้าอี้อาถรรพ์ที่เป็นที่สิงสู่ของวิญญาณก็เป็นได้18+ดูภาพทั้งหมด
ในตอนที่ 2 อย่าง “กำไลแห่งความรัก” บอกเล่าเรื่องราวของไรอัน (อรอยเชียส แปง) หนุ่มหน้าหวานชาวสิงคโปร์ที่ตกหลุมรักสาวชาวไทย เขาจึงมอบกำไลชิ้นหนึ่งให้กับแฟนของตัวเอง แต่แล้วจู่ๆระหว่างที่ขับรถเขาหมดสติไปและตื่นขึ้นอีกครั้งในห้องขัง ระหว่างที่ไรอันพยายามร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังสาละวนอยู่กับการทำอะไรบางอย่างที่โต๊ะทำงาน เขากลับสัมผัสได้ว่าในกรงขังแห่งนี้มีอะไรผิดปกติที่กำลังจะคุกคามเอาชีวิตของเขาอยู่
ในตอนที่ 2 หยิบเอาเรื่อง “ตัวตายตัวแทน” มาใช้ได้น่าสนใจ ยังไม่รวมไปถึงวิธีการอำพรางเรื่องราวทั้งหมดเพื่อใช้ในการหักมุมในตอนหลัง แม้จะไม่ได้มีอะไรเหนือการคาดเดาแต่วิธีการเล่าเรื่องราวออกมาก็จัดได้ว่ายังมีความโดดเด่นและสร้างบรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจของ “พื้นที่” ฉากหลังได้เป็นอย่างดี18+ดูภาพทั้งหมด
สำหรับตอนสุดท้ายอย่าง Happy Birthday ซึ่งน่าจะถือเป็นตอน “ขาย” ที่สุดของทั้งสามเรื่อง อันที่จริงตอนนี้หากสร้างเป็นหนังยาวก็น่าจะมีความน่าสนใจมากขึ้น เมื่อซง (แพจินยอง) นักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศเกาหลีใต้ ได้จัดงานวันเกิดที่บ้านของเขา และได้ชวนเพื่อนๆสมัยมัธยมมาที่บ้าน โดยแชมป์ (พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร) คือหนึ่งในเพื่อนที่เคยกลั่นแกล้งซงอย่างหนักเมื่อนานมาแล้ว
ระหว่างที่แชมป์เดินทางมาที่งานวันเกิดของซง เพื่อนซี้อย่างวิน และเพื่อนอีกคน ก็เริ่มมีความรู้สึกตะหงิดๆใจว่า เมื่อพวกเขาถามเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆกลับไม่มีใครได้รับเชิญให้มาที่งานนี้ มีแต่พวกเขาทั้งสามคนเท่านั้น แต่ด้วยความผยองและคิดว่า คงไม่มีอะไร ทั้งสามจึงได้พบกับซงอีกครั้ง โดยที่พวกเขากำลังจะกลายเป็นเหยื่อการล้างแค้น ที่เรียกได้ว่าทั้งสามจะต้องจำไปจนวันตาย!18+ดูภาพทั้งหมด
น่าเสียดายที่เรารู้สึกว่าตอนที่ 3 นี้ ความน่าเชื่อของตัวบทอาจจะดูอ่อนยวบยาบ ไม่ว่าจะเป็นแรงผลักของตัวละครทั้งฝ่ายซงที่อยากจะล้างแค้นและต้อง “เล่นใหญ่” ขนาดในเรื่อง (แต่ความเล่นใหญ่ดังกล่าวก็ตั้งใจถูกเขียนบทขึ้นมาเพื่อรองรับจุดหักมุมของหนังนั่นแหละ) หรือการ “รนหาที่” ของเหล่าฝั่งตัวละครอย่างแชมป์ที่ก็รู้ทั้งรู้ว่า ทั้งสามเคยมีเรื่องมีราวกับทางซง ก็ยังจะตอบรับคำเชิญและมางานวันเกิด (ดูเป็นตัวละครที่ไม่โต ไร้วุฒิภาวะไปหน่อย)
ในภาพรวม “ร้านของเก่า” อาจจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ในฐานะหนังสยองขวัญ แต่ถ้าคุณเป็นแฟนนักแสดงนำในเรื่อง ก็ถือว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้เห็นพวกเขาในบทที่แปลกใหม่บ้าง