Tokyo Revengers 2: Bloody Halloween เป็นภาพยนตร์ Live Action ที่ดัดแปลงมาจากอนิเมะ และมังงะ Tokyo Revengers ซึ่งแต่งโดยอาจารย์ เคน วากุอิ (Ken Wakui) เล่าเรื่องของ ฮานางาคิ ทาเคมิจิ ชายหนุ่มลูสเซอร์ที่ชีวิตล้มเหลวซะทุกอย่าง วันหนึ่งเขาพบว่าตนสามารถย้อนเวลาได้ ทาเคมิจิจึงย้อนเวลาเพื่อไปเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเอง และเพื่อน ๆ ท่ามกลางสงครามของแก๊งนักเลงที่ทาเคมิจิต้องเอาชีวิต หญิงที่รัก และอนาคตเป็นเดิมพัน
หนังโรงภาคนี้ดัดแปลงมาจากช่วงครึ่งหลังของการ์ตูนภาค Bloody Halloween โดยในตอนจบภาคแรก เราจะเห็นว่าทาเคมิจิกลับไปสู่โลกอนาคตแล้วก็จริง แม้จะสามารถเปลี่ยนแปลงอดีตไป แต่เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ เพราะในเวลาต่อมาเพื่อนรักของเขาอย่างอั๊คคุง และฮินะแฟนสาวของทาเคมิจิก็ยังต้องเสียชีวิตอยู่ดี ซึ่งต้นตอมาจากเหตุการณ์ฮาโลวีนสีเลือด ที่ไมค์กี้ได้สังหารคาสึโทระ ดังนั้นทาเคมิจิจึงต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อหยุดฮาโลวีนสีเลือดนี้ไม่ให้เกิดขึ้น
ผู้เขียนถึงกับสาปคำนี้ในใจตั้งแต่ 10 นาทีแรกที่ดูหนังเรื่องนี้ เพราะหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ความรัก และความเข้าใจในมังงะต้นฉบับ แต่ในขณะเดียวกันก็อยู่ในช่วงปรับตัว มันไม่ได้คัดลอกและวางเหมือนภาพยนตร์แอคชั่นญี่ปุ่นเรื่องอื่น ๆ
ขอบอกก่อนว่าผู้เขียนค่อนข้างรู้สึกเฉย ๆ กับภาค Bloody Halloween ในเวอร์ชันอนิเมะ เพราะด้วยเส้นเรื่องที่มากมาย แถมเนื้อหาก็มีจุดผ่อนคลายที่ยังติดความเป็นการ์ตูน แม้ศึกฮาโลวีนสีเลือดจะทำบทออกมาได้ค่อนข้างดี แต่ผู้เขียนก็แทบไม่ได้อินไปกับเรื่องราวของแก๊งโตมัน มากเสียจะอยากรู้ความเป็นไปในผลลัพธ์ที่ทาเคมิจิต้องกอบกู้
ทว่าหนังเรื่องนี้กลับทำได้ดีกว่านั้น หนังคนแสดงภาคฮาโลวีนสีเลือด ดึงเอาจุดเด่นของหนังคนแสดงของ Tokyo Revengers ภาคแรกมาต่อยอดได้อย่างดีเยี่ยม นั่นคือตัดเส้นเรื่องที่ยุบยับของต้นฉบับออกไป พร้อมกับขยายความฉากที่ไม่มีอนิเมะให้เข้ากับหนัง ยิ่งภาคนี้แบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 พาร์ต ยิ่งทำให้หนังให้เวลากับเนื้อเรื่องได้ดีขึ้น เต็มอิ่มมากกว่าเดิม (ถ้าใครดูไม่ทันในตอนที่หนังโรงภาคฮาโลวีนสีเลือดพาร์ตแรกเข้าฉาย หนังภาคนี้ก็มีย้อนความให้ แต่เพื่อความอิน หากมีเวลาก็ดูอนิเมะแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ในยูทูบ หรือจะดูแค่ Tokyo Revengers คนแสดงภาคแรกใน Netflix ก็ได้นะ ขอบอกเลยว่าทำได้ดีไม่แพ้กัน)
หนึ่งในสิ่งที่ผู้เขียนชอบมากคือการตีความทาเคมิจิให้ดูโตขึ้นกว่าเดิม เนื่องด้วยอายุนักแสดงจึงทำให้ต้องอัปอายุตัวละครในภาคคนแสดงเพิ่มขึ้นไปอีก 2 ปี แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เราได้เห็น การตีความทาเคมิจิที่เติบโตขึ้น หากใครรำคาญไอ้อาการขี้แยของทาเคมิจิในอนิเมะ ในภาคหนังโรงเราจะไม่หงุดหงิดจุดนี้เลย เพราะวีรบุรุษขี้แยของเราร้องไห้น้อยมาก และเวลาร้องไห้ก็ร้องออกมาในจังหวะที่ควรจะร้อง ไม่เหมือนในการ์ตูนที่ร้องมันทุกตอน
ด้วยความที่พระเอกตีไม่เก่ง จุดเด่นของหนังเลยอยู่ที่แก๊งค์โตเกียวมันจิไคที่อยู่รอบๆ ตัวเอกอย่าง ไมค์กี้ ดราก้อน บาจิ และหัวต่างๆ ของโทมันและวัลฮัลล่า ซึ่งเรียกได้ว่าขโมยซีนสุดๆ เลย โดยสิ่งหนึ่งที่ผมอยากเห็นว่าทำได้ดีกว่าต้นฉบับ คือ การออกแบบคิวแอ็กชันดุเดือด ราวกับเป็นหนังแก๊งสเตอร์จริงๆ
ในอนิเมะนั้น เราจะเห็นได้ว่ามีฉากต่อยตีก็จริง แต่ก็เป็นฉากที่ตัวละครออกแอ็กชันธรรมดา และมีการขยับกายภาพที่เกินมนุษย์อยู่มาก คือเราก็ข้าใจนะว่ามันเป็นการ์ตูน แต่ท่าทางการต่อสู้มันก็ดันมีแค่ ตั้งการ์ด ต่อยกัน ยกขาเตะ แล้วคุยกันวน ๆ ไปอยู่แค่นี้จริง ๆ (ซึ่งการ์ตูนโชเน็นปกติ มันจะมีการวาดลวดลายสร้างฉากต่อสู้ ให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจ แต่เรื่องนี้กลับแทบไม่มี) นั่นทำให้อนิเมะ Tokyo Revengers ทำให้ตัวละครสู้กันได้แบบ ‘ไม่เท่’ เอาซะเลย
มาถึงภาคคนแสดงแล้ว เลยอุดรอยรั่วนี้ไว้ ด้วยการปรับคิวแอคชั่นให้ดูดีขึ้น ซึ่งผู้เขียนเดาว่าคงใช้ทีมออกแบบฉากแอคชั่นจากซีรีส์อันธพาลเรื่อง Crows Zero หรือ High & Low มาช่วย เพราะการต่อสู้แต่ละครั้ง ทำให้เราตระหนักได้ว่านี่คือเอกลักษณ์ของหนังอันธพาล ความรู้สึกที่คนตีกันต้องเป็นแบบนี้ทั้งจับและขว้างคืออะไร? หรือตีหัวกับเหล็กไม่ใช่แค่ต่อยเหมือนในการ์ตูน ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เรารู้สึกสนุกไปกับมันมากขึ้น
ส่วนเพลงประกอบนั้น แม้แต่ผู้เขียนก็ยังแอบเสียใจอยู่เลย ไม่สามารถได้ยินเพลง 'This is Revenge' ที่เป็นหัวใจของอนิเมะเรื่องนี้ได้ แต่เพลง Gradation ของ SUPER BEAVER ก็ชดเชยได้เช่นกัน จนไม่มีอะไรจะบ่นในเรื่องของเพลงประกอบ
ด้านข้างของเนื้อหานำเอาข้อดีของการ์ตูน Bloody Halloween มาปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่อง เพิ่มฉากที่กล่าวถึงอนาคตของซีรีส์ พูดได้เลยว่าถ้าการ์ตูนต้นฉบับเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ส่วนนี้ของหนังเรื่องนี้เป็นน้ำร้อน เพราะเพียงเติมน้ำ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็พร้อมเสิร์ฟ โดยคัดสรรท็อปปิ้งมาใส่อย่างพิถีพิถัน ทำให้บะหมี่ชามนี้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้นกว่าเดิม
โตเกียว รีเวนเจอร์ส : ฮาโลวีนสีเลือด ภาคศึกตัดสิน เป็นหนังที่ดีเกินคาดสำหรับผู้เขียนเอามาก ๆ เพราะปกติ หนังที่สร้างจากมังงะ หรืออนิเมะมักจะมีจุดด้อยในส่วนของเนื้อหาที่รวบรัดเกินไป และความจูนิเบียวของตัวละคร ที่คนจริง ๆ เขาแทบไม่ทำแบบกัน แต่หนังกลับดัดแปลงด้วยการเลือกที่จะคงเส้นเรื่องเดิมไว้ และตีความตัวละครใหม่ ให้มีมิติความคิดแบบผู้ใหญ่มากขึ้น เราจึงได้ Tokyo Revengers ที่มีกลิ่น High&Low มาผสม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรสชาติของวัยรุ่นโตมันที่ทั้งคนทั่วไป และแฟนคลับต้องมาดูให้ได้
ท้ายที่สุดแล้ว หากจะบอกว่า Tokyo Revengers มันเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำลายคำสาปของภาพยนตร์อนิเมะได้เป็นอย่างดี เพราะมีทั้งการปรับเปลี่ยนที่น่าพึงพอใจ และคงเส้นเรื่องสำคัญ ใครเคยดูเวอร์ชั่นอนิเมะบ้าง? บอกเลยว่าหนังไลฟ์แอคชั่นเรื่องนี้จะทำให้คุณฟินกว่าเดิม