ภาพยนตร์แอคชั่นอีกเรื่องที่ฮอลลีวูดขาดไม่ได้ ที่บ้าดีเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ แบบไร้ขีดจำกัด และนี่คือการกลับมาของสายลับในตำนานที่ยังคงกระพัน แม้จะผ่านไปกว่า 20 ปี เขาก็ยังมีผลงานที่ดีใน “Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One” ที่มาพร้อมทีมนักแสดงและทีมงาน สร้างชุดเดิมที่คุ้นเคย และนั่นกลายเป็นการแสดงผาดโผนที่ไร้รอยต่อ
โดยเนื้อหาใน Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One ภาคนี้ อีธาน ฮันท์ กับทีมไอเอ็มเฟนของเขา ได้เริ่มปฏิบัติการภารกิจสุดอันตรายที่สุด เพื่อสืบค้นหาอาวุธใหม่ที่น่าเกรงขามและเสี่ยงต่อการคุกคามมนุษยชาติครั้งใหม่ พวกเขาต้องยับยั้งมันก่อนที่จะตกไปอยู่ในมือคนชั่ว โดยมีชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน
อีกทั้งยังมีอำนาจมืดจากอดีตที่แอบซ่อนไว้ของอีธานกำลังจะหวนกลับมาอีกครั้ง ทำให้อันตรายครั้งใหม่เกิดขึ้น และเขายังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูลึกลับที่ทรงอิทธิพล พร้อมทั้งถูกบีบบังคับให้ติดอยู่ในสถานการณ์ขับคัน ที่ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างภารกิจหรือชีวิตของคนที่เขาห่วงใย
กว่าจะได้มาดูหนังแบบนี้เต็มๆตาก็แทบจะผ่านความระห่ำบ้าๆบอๆของหนังเรื่องนี้ไปแล้ว และที่สำคัญพระเอกของเรื่องบ้าพอที่จะเล่นฉากเหล่านั้นโดยไม่สนใจอายุเลย แต่ไม่ต้องห่วงว่าข่าวโปรโมทที่ออกมาจะบั่นทอนอรรถรสของหนังหรือไม่ บอกเลยว่า...อะดรีนาลีนในร่างกายจะพุ่งปรี๊ดยิ่งกว่าเดิม เหมือนได้มาดูฉากเต็มๆ
“คริสโตเฟอร์ แมคควอรี” ยังคงมารับหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้อีกเช่นเคย และน่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในอาชีพของเขาไปเสียแล้ว เขาเป็นผู้ที่กำหนดทิศทางให้กับเฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ในยุคปัจจุบัน ดูทรงมันก็จะยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ และส่งผลต่อวิสัยทัศน์ในการถ่ายทอดงานชิ้นนี้ออกมาได้อย่างลื่นไหล เขารู้จังหวะและรู้มุมของหนังชุดนี้เป็นอย่างดี อะไรที่เป็นไฮไลต์ อะไรที่คนดูอยากจะเห็น เซอร์วิสเอาไว้ได้แบบหอมปากหอมคอ
องค์ประกอบงานสร้างของหนังเรื่องนี้ยังต้องยกนิ้วให้เช่นเดิม ถึงทุกวันนี้หนังแอคชั่นจะมีเกลื่อนไปหมด แต่เสน่ห์ของ Mission: Impossible รุ่นปัจจุบันยังไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะฉากแอคชั่นต่างๆที่ต้องบอกว่าออกแบบมาดีและผ่านคอนเซ็ปท์เท่ๆ แม้จะไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่ก็กระตุ้นอารมณ์คนดูได้ดีเสมอ กลายเป็นว่างานสร้างด้านนี้ยังโดดเด่นอยู่ ออกจะตื่นเต้นมาก แค่นั่งดูเราก็หายเหนื่อยแล้ว ราวกับคาร์ดิโอตามไปด้วย
แน่นอนว่า งานสตันท์ใน Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One ก็ยังต้องลุกขึ้นปรบมือให้จริง ๆ และนี่คือสุดยอดการแสดงที่ทุ่มเทสุด ๆ ของ “ทอม ครูซ” ที่กลายเป็นว่าเขาได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับหนังชุดนี้อีกแล้ว พอเรารู้ว่าเขาแสดงด้วยกันเอง เมื่อได้ดูฉากนั้นอยู่ตรงหน้าจริง ๆ มันคืออาการขนลุกและตื่นตาอย่างอธิบายไม่ถูก นี่คือหนึ่งในนักแสดงที่กล้าเสี่ยงเพื่อผลงานและฉากที่ออกมาในหนังแค่เพียงนาทีเศษ
ทอม ครูซ ก็ยังคงเป็น อีธาน ฮันท์ เข้าสายเลือดไปแล้ว ปีนี้เขาจะอายุเข้าเลข 6 แล้วก็ตาม แต่เสน่ห์ของเขาในฐานะตัวพ่อหนังแอคชั่นก็ยังเฉิดฉายในหนังอยู่ดี เขาก็คือถือหนังเรื่องเอาไว้ได้ในมือได้อย่างสบาย ๆ กับทีมนักแสดงที่ดูเหมือนจะคล่องตัวไปกันเฟรนไชส์ด้วยดีแล้ว ทั้ง “ไซมอน เพ็กก์”, “วิงก์ แรมส์”, “รีเบคก้า ฟูเกอร์สัน” และ “วาเนสซา เคอร์บี้”
แต่สมาชิกใหม่ที่เข้าร่วมงวดนี้กล้ามาก "เฮย์ลีย์ แอตเวลล์" โอ๊ยยย...สเน่ห์เหลือล้นในจอ ผู้ชมจะต้องหลงใหลและหลงใหลในตัวเธอเช่นกัน การมารับบทนี้ค่อนข้างถูกที่ถูกเวลา และเราจะได้เห็นเธอเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับ "Pom Clemontiev" ที่เราแทบไม่ได้เห็นเธอในเวอร์ชั่นปกติ เพราะภาพต่อจากหนังมาร์เวล แต่พอมาเรื่องนี้พูดน้อย ต่อยหนัก ตัวเล็กแต่สู้เต็มที่
“อีไซ โมราเลส” ที่มารับบทเป็นวายร้ายเบอร์ต้น ๆ ของภาคนี้ ถือว่าเป็นตัวละครที่มีมิติน่าค้นหา ทั้งลึกลับ ซับซ้อน แต่ภาคนี้อาจจะยังปล่อยของออกมาเต็มที่ แต่ผลงานของเขาก็น่าพอใจ คาดว่าภาคต่อไปจะเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องราวทั้งหมด และน่าจะมีช่องให้เขาพ่นไฟได้แน่นอน
Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One เรียกได้ว่าเกือบจะสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว เพราะมันตอบโจทย์การเป็นหนังแอคชั่นบ็อกซ์บัสเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงสร้างและประสิทธิภาพค่อนข้างดีพร้อม เพียงแต่ภาคนี้รายละเอียดและข้อมูลต่างๆในหนังค่อนข้างอัดแน่น ขนาดนี้ต้องแบ่งเป็น 2 ตอนแล้วล่ะค่ะ บางตอนก็เล่าเรื่องเร็วเกินไป ผู้ชมอาจเก็บรายละเอียดประเด็นต่างๆไม่ทัน บทอาจจะไม่มีอะไรแปลกใหม่แต่อย่างน้อยก็เป็นบทที่แข็งแกร่ง
และยังมีอีกมุมที่แอบเสียดายนิดหน่อย เพราะความที่ว่า Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One มาไล่หลังหนังซัมเมอร์เรื่องอื่น ๆ ไปสักหน่อย เรากลับพบเห็นฉากที่ค่อนข้างซ้ำกับหนังที่ฉายไปแล้วในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น “Fast X” หรือ Indiana Jones and the Dial of Destiny” ที่บังเอิญเหลือเกินที่องค์ประกอบและโลเคชั่นบางจุดมันชวนให้เดจาวูเบา ๆ แต่ก็ยังไม่ใช่จุดบกพร่องของหนังแต่อย่างใด
ส่วนใครที่เป็นห่วงว่า Mission: Impossible – Dead Reckoning มันแบ่งออกเป็นพาร์ท ๆ แบบนี้ จะตามรอยอาถรรพ์หนังแบ่งพาร์ทหรือไม่ บอกเลยว่า..ไม่ และตอนที่ 1 เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การดู เพราะนี่มันแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ถึงจะเป็นแค่การปูทางปูเรื่องไปสู่เป้าหมายถัดไป แต่ระหว่างทางคือความบันเทิงที่ถาโถมจู่โจมใส่คนดูแบบไม่ยั้งและน่าประทับใจไม่น้อย
เมื่อดู Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One เรื่องนี้จบแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของฉันคือ “มีอะไรที่ Tom Cruise ยังไม่ได้ทำหรือเปล่า” เพราะดูเหมือนว่าเขาจะทำเกือบทุกอย่างเพื่อให้เป็นไปได้ ดังนั้นมันอาจเหลือเพียงแค่การมุ่งตรงสู่อวกาศ ถ้าเขาทำได้ ก็คงไม่แปลกใจอะไร เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ มันเกี่ยวกับการยกระดับและกำหนดบรรทัดฐานใหม่กับแฟรนไชส์ รวมถึงวงการหนังฮอลลีวูดด้วย.
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One
- ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย / ระทึกขวัญ
- ผู้กำกับ: คริสโตเฟอร์ แมคควอรี
- นำแสดงโดย: ทอม ครูซ, เฮย์เลย์ แอตเวลล์, รีเบคก้า ฟูเกอร์สัน, วิงก์ แรมส์
- ความยาว: 163 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 11 กรกฎาคม 2023
Movie.TrueID METRIC: Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐ (10/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)