รีวิวหนัง “Born to Fly ปฏิบัติการจ้าวเวหา”

สิ้นสุดการรอคอยสำหรับแฟนๆ วัง ยีโบ (Wang Yibo) จากการเลื่อนฉายในปี 2022 ของหนังฟอร์มยักษ์ ที่บวงสรวงนักบินทดสอบของกองทัพอากาศจีน 'Born to Fly' จะมีฤกษ์ดีหรือแฟน ๆ จะผิดหวัง บอกเลยงานนี้ต้องสลัดคราบนักร้องนักเต้นมาสวมวิญญาณนักบิน อย่างกล้าหาญ ขมขื่นแต่อ่อนหวาน และทำให้เราเข้าใจเจตนาของการสร้างหนังนำร่องเรื่องนี้อย่างชัดเจน
นักบินชั้นยอดหมวกทองอันดับที่ 3 'เล่ยหยู' (หวังอี้ป๋อ) ได้ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้น ภายใต้การนำของกัปตันจางถิง (หูจุน) เขาและเพื่อนนักบินทดสอบได้รับเลือกให้เป็นนักบินทดสอบเครื่องบินรบสมรรถนะสูง ต้องใช้เวลาฝึกฝนและเตรียมตัวอย่างมาก ต้องทดสอบขีดจำกัดของฉัน เพื่อเป็นการบวงสรวงก่อนปล่อยเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ล่าสุดแต่ละลำ ออกไปสู่สมรภูมิจริง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเครื่องบินสอดแนมของศัตรูลอยอยู่เหนือประเทศจีน เครื่องบิน 2 ลำ Lei Yu และนักบินรบอีก 1 คนออกไปขู่แขกที่ไม่ได้รับเชิญและพูดเสียงดัง “คุณกำลังบินอยู่เหนือน่านน้ำจีน ออกไปไม่งั้นเราจะต้องยิงคุณ” พี่ยีนส์ทักทายแบบนี้ แต่นักบินปากใส 2 คนกลับตอบว่า "บินไปกลับเมื่อไรก็ได้" แจ่มจริงๆพี่สาว
มีการบินขับไล่แสดงความสามารถของนักบินทั้งสองฝ่าย แน่นอนว่าฝ่ายจีนต้องเย็นกว่า ไล่แมลงวันและแมลงวันได้สำเร็จ แต่ที่นี่มีบางอย่างที่ไม่เจ๋ง เครื่องบินที่มีอยู่ยังสู้เครื่องบินของฝ่ายนั้นไม่ได้ เครื่องยนต์ดับและต้องร่อนลงเป็นควัน เหมือนกับควันดำแห่งความตายในลานบินนั้น

บอกให้รู้ว่าข้าพร้อม และบอกให้รู้ว่ามีผู้เสียสละ

บทนี้จงใจให้ผู้ฟังทราบข้อความสองประเภทที่ส่งอย่างตรงไปตรงมา ข้อความแรกเป็นข้อความบอกรักที่ส่งถึงคนในประเทศ นักบินทดสอบต้องเสียสละเพื่อชาติและประชาชนขนาดไหน? มาดูความพยายามและหัวใจของพวกเขากัน ดูความรักของพวกเขามีมากกว่าครอบครัวและตนเอง ข้อความที่สองคือข้อความของการประกาศ ที่บอกศัตรูที่คิดจะบุกว่า เฮ้ย! ฉันพร้อมไม่ว่าเทคโนโลยีทางการทหารของคุณจะก้าวหน้าและทันสมัยกว่าของฉันแค่ไหน แต่ฉันจะพยายามดิ้นรนและแซงหน้าคุณ ด้วยความทุ่มเททั้งชีวิต และฉันก็ทำได้
ถ้าจะบอกว่า 'Born to Fly' เป็นหนังรักชาติก็ใช่ พลาดไม่ได้แล้ว หนังรัก เสียสละเพื่อชาติและประชาชน แต่ไม่ใช่หนึ่งในนั้นเป็นฮีโร่คนเดียว ทุกคนเป็นมนุษย์ที่ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวดเพื่อให้สามารถกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้ และไม่ว่าชาติจะเก่งสักปานใด เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจนถึงแก่มรณกรรม ตายแน่ อย่างที่ปุถุชนต้องเจอ
เราจะสามารถเดาบทของเรื่องราวได้ว่าหนังจะพาเราไปถึงจุดไหน จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ใครจะอยู่ ใครจะตาย? นี่ไม่ใช่หนังทหารเรื่องแรกในชีวิตของเรา เดาถูกในฉาก แม้คนที่โปรจีนจะไม่ได้รู้สึกอะไรแปลกใหม่กับบรรยากาศของหนังที่จะปลุกความรักชาติสุดขั้วหัวใจ พร้อมที่จะสละทั้งกายและใจเพื่อประเทศชาติและประชาชน เราจะได้บรรยากาศแบบนั้นอย่างเต็มปอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใครเคยดู ‘เกียรติยศหน่วยรบพิเศษ’ (Glory of Special Forces 2022), ‘กองกำลังประจัญบาน’ Ace Troops (2021) จะเคยชินกับบรรยากาศอันล้นหลามที่หนังจะได้สัมผัสตลอดทั้งเรื่อง ผสมกับอารมณ์ขันเบาๆ สไตล์จีนๆ ที่ไม่งี่เง่าแต่กรุบกริบทำเอาคนดูขำไม่ออกกันเลยทีเดียว เรียกว่าไข่มุกไม่แข็งแถมสดชื่นอีกด้วย

ภาพสวยและ CG ดีงาม

ก่อนหน้านี้มีการปล่อยตัวอย่างเมื่อปีที่แล้ว มีเสียงฮือฮาและวิพากษ์วิจารณ์ถึงขั้นจิกกัดกัน หนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังนักบินชื่อดังหรือเปล่า ข้อนี้ เราไม่อาจทราบได้เพราะเอาเข้าจริง ๆ ไม่ว่าชาติไหนจะทำหนังนำร่อง ภาพมุมแคบ ภาพมุมกว้าง และการโฉบต้องมา แต่ที่แน่ๆ เห็นชัดด้วยตา เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้เพื่อยกย่องนักบินทดสอบผู้สละชีวิต
และบอกว่าคุณดี ฉันก็ดีเหมือนกัน เฮ้. ฉันไม่กลัว ขอบอกก่อนเลย คุณจะทำ CG ได้อย่างไร? ฉันปั้นได้สวยเหมือนเธอ มุมกล้องของคุณเจ๋งแค่ไหน? มาหาฉันสิ ฉันเจ๋งพอๆ กับคุณเลย แต่ใครเขาจะบอกก็ละไว้ในฐานที่ไม่เข้าใจเขาเลย เราในฐานะผู้ชมมาสนุกด้วยกัน เพราะมุมกล้องเรื่องนี้ขอปรบมือให้ จะถูกจัดเรียงให้ดูแบบชอตต่อชอต ด้วยความสร้างสรรค์ของหนังเรื่องนี้และการใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ภาพเหล่านี้เข้าถึงผู้ชมได้ง่ายขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
แสงและสีได้รับการย้อมอย่างสมบูรณ์แบบและเป็นธรรมชาติ การเริ่มต้นและออกจากเที่ยวบินที่ทำให้คุณดูกล้าหาญ และสร้างความลุ้นระทึกเมื่อบทส่งให้ลุ้นระทึก ทำให้การดูหนังเรื่องนี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แม้จะมีจุดหลุดให้เห็นอยู่บ้างแต่ก็เป็นเพียงจุดหักเหเล็กน้อยที่บรรยากาศของเรื่องจะชวนให้ผู้ชมติดตามจนไม่ทันสังเกต

บทดราม่าเรียกน้ำตากับการตัดต่อที่ตัดอารมณ์

หากจุดประสงค์ของหนังเรื่องนี้คือการทำให้ผู้ชมตื้นตันและซาบซึ้งในความเสียสละของนักบินทดสอบ บอกเลยว่าทำสำเร็จ การนำความเห็นอกเห็นใจและความยินยอมพร้อมที่จะส่งสมาชิกในครอบครัวไปเป็นฮีโร่ การอบรมที่พ่อสอนลูกชายตัวน้อยให้ภูมิใจในหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ภรรยาชื่นชมแต่ต้องจากลาอย่างเจ็บปวด ทำให้เราเห็นความเสียสละของนักบินทดสอบที่แม้ไม่ได้เสียชีวิตในสนามรบ แต่ก็เสียชีวิตอย่างสมเกียรติไม่ต่างกัน
มันเป็นชะตากรรมที่เขาภูมิใจเลือกที่จะเสียสละเพื่อความปลอดภัยของประเทศของเขา “เราปล่อยให้มันตกในสนามทดสอบ แทนที่จะนำเครื่องจักรเข้าสู่สนามรบ” บทพูดคนเดียวสั้น ๆ กล่าวเช่นนั้นและเผยให้เห็นถึงจุดประสงค์ของการสร้าง พร้อมจิกกัดผู้บุกรุกที่นิสัยแย่ไม่เคยเปลี่ยนเท่าไหร่ ไดอะล็อก ตอนเปิดและตอนท้าย ฉันเห็นได้ชัดว่าฉันตั้งใจจะกัดเขา พี่จิน คุณไม่เลว
เอาเป็นว่าบทนี้เป็นบทที่ดี และเป็นไปตามจุดประสงค์ในการเชิดชูและประกาศศักดาไปพร้อมกัน CG เนียนตา และใช้มุมกล้องที่ให้อารมณ์ลุ้นระทึก ให้คนดูตื่นเต้น และสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นไปได้ ไม่มีใครเป็นฮีโร่จนกว่าจะจบ โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า ที่คนธรรมดาอย่างเรา ๆ บางคนเคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็นกับตา แสดงว่าอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจเคยเกิดขึ้นและถูกพูดถึง อาจทำให้เครื่องบินตกได้
แต่ในความดีงามทั้งหมดขาดความต่อเนื่องของเรื่องราวและอารมณ์ที่กำลังจะตามมาทุกชอตที่ต้องดำเนินต่อไป โดนแย่งไปไม่นานก็นั่งติดกันจนน่าเสียดาย กับการตัดต่อ ที่ต้องทำเนื้อหาทั้งหมดให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมง 8 นาที ก็พอเข้าใจได้ แต่มันทำให้ระหว่างการซ้อมนั้นควรแสดงความอุตสาหะมากขึ้นเพื่อเรียกคนดูละครให้มากขึ้น ถูกตัดออกไปเยอะจนรู้สึกว่าหนังแบบนี้น่าจะได้เห็นฉากเหล่านั้นมากกว่านี้
อีกทั้งฉากซึ้งๆ ของพระ-นาง ที่บรรจงใส่มาให้แฟนๆ ได้ยิ้ม บางครั้งก็เรียกอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ฉันเดาว่าทำไมคุณถึงใส่มัน คุณไม่จำเป็นต้องจริงจังเพราะมันน้อยมากจนคุณคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีฉากเหล่านี้ แค่มองแวบเดียว ให้มันจริงจังน้อยลง แล้วปล่อยให้แฟนๆ จินตนาการเอง แถมยังน่าพึงพอใจมากขึ้นอีกด้วย จากนั้นไปโฟกัสที่ส่วนความเพียร จนเกิดไอเดียว่าถ้า 'Born to Fly' ถูกสร้างเป็นซีรีส์ จะสนุก ตื่นเต้น และซึ้งขนาดไหน?