นี่อาจจะได้ชื่อว่าเป็นหนังเกาหลีฟอร์มใหญ่มหึมาเรื่องหนึ่งของเกาหลี เมื่อปี 2022 เพราะมันคือหนังไซไฟแฟนตาซีล้ำจินตนาการที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาลและเผยให้เห็นความรุกหน้าของวงการหนังที่นั่น แต่ก็น่าเสียดายไม่น้อยที่ “Alienoid วายร้ายเอเลี่ยน” ไม่ได้มีโอกาสได้ลงโรงฉายในบ้าน ได้ดูได้เห็นฉากต่าง ๆ ได้อย่างเต็มตาบนจอใหญ่ ทั้งนี้มันมีศักยภาพเพื่อรองรับการฉายแบบนั้น แต่กระนั้นบัดนี้มันก็ได้ฤกษ์ฉายในบ้านเราแล้ว
Alienoid วายร้ายเอเลี่ยน เป็นเรื่องราวสุดล้ำจินตนาการที่เกิดขึ้นในช่วงยุคสมัยโกรยอ ที่ลัทธิเต๋าพยายามเรืองรอง แผ่ความเลื่อมไสในแผ่นดิน โดยที่พวกเขามีเป้าหมายในการเสาะหากริชลึกลับที่หมายจะครอบครอง แต่เมื่อตัดภาพมาอยู่ในยุคสมัยปัจจุบัน ปี 2022 มีมนุษย์ต่างดาวรุกรานโลก และทำให้ประตูทวิภพระหว่าง 2 ฟากฝั่งได้เปิดขึ้น กลายเป็นการบรรจงกันระหว่างวิกฤตการณ์การต่อสู้ครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นทั้งสองห้วงเวลา
และนี่ก็คือผลงานคัมแบ็กสู่บัลลังก์ผู้กำกับแถวหน้าของ “ชเวดงฮุน” ผู้ที่เคยมีหนังฮิต ๆ สะสมอยู่หลายเรื่อง และถือว่าเป็นการกลับมาที่ค่อนข้างสมเกียรติไม่น้อย เพราะเขารับหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบทหนังจากวิสัยทัศน์ให้ล้ำเลิศของตัวเองอีกครั้ง ทำให้บรรยากาศของหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยจังหวะและโทนเรื่องที่แทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้ แม้ว่าพื้นฐานของมันจะไม่ได้รู้สึกถึงความแปลกใหม่สักเท่าไหร่นัก
Alienoid นับว่าเป็นหนังที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะทำออกมาเป็นหนึ่งในจักรวาลหนังประดับวงการหนังเกาหลีได้สบาย ๆ เลย เพราะเส้นเรื่องที่หนังภาคนี้ได้ปูเอาไว้นั้น เต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยมากมาย ซ้ำปมของตัวละครในหลาย ๆ คาแรกเตอร์ก็ค่อนข้างน่าสนใจ และคงจะดีไม่น้อยถ้ามีโอกาสได้ขยายความเป็นสตอรี่ส่วนตัวของตัวเอง ที่จุดนี้นั่นเองที่หนังถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างแข็งแรงและรู้จังหวะดี
เพียงแค่คอนเซ็ปต์ที่จับเอาไว้ไซไฟ ไม่ว่าจะเป็น เอเลี่ยน หรือ หุ่นยนต์ ต่าง ๆ มาผสมคลุกเคล้ากันเข้ากับความเป็นพีเรียดแฟนตาซี ที่ได้เห็นทั้งจอมยุทธ เวทมนตร์ และศาสตร์วิทยายุทธต่าง ๆ เพียงเท่านั้นก็ต้องร้องโอ้…ให้ได้ไอเดียของคนต้นคิดแล้ว ที่สามารถจับโยงอะไรที่ไม่น่าจะไปทางเดียวกันได้ แต่กลับทำออกมาได้ค่อนข้างลื่นไหลด้วยดี
แน่นอนว่าไฮไลต์เด่น ๆ ของ Alienoid ก็หนีไม่พ้นงานสร้างและงานโปรดักชั่นต่าง ๆ โดยเฉพาะงานเทคนิคพิเศษ หรือออกแบบภาพซีจีทับซ้อนเข้าไปเติมแต่งในหนังเรื่องนี้ ถ้าให้พูดจริง ๆ เกือบร้อยละ 90 ของหนังเรื่องแทบจะใช้ซีจีเป็นองค์ประกอบทั้งสิ้น นักแสดงแทบจะเข้าฉากกับกรีนสกรีนบ่อยกว่าเข้าฉากต่อบทกับนักแสดงด้วยกันด้วยซ้ำ ซึ่งงานจุดนี้ก็ถือว่าหนังทำออกมาได้เทียบเท่าระดับมาตรฐานฮอลลิวูดเลยทีเดียว
อีกองค์ประกอบที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ก็คือทีมนักแสดงของเรื่องนี้ ที่เรียกได้ว่าขนทัพซุปตาร์มาครึ่งค่อนประเทศเลยเชียว ทั้งตัวละครหลักและเหล่าดารารับเชิญที่โผล่มาแว่บ ๆ ทุกซีนของพวกเขาถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างทรงคุณค่า แต่กระนั้นในภาคนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับทีมนักแสดงหลักเป็นหลักแท้ ๆ โดยเฉพาะ “คิมอูบิน” ที่ถือว่ารับศึกหนักและก็..เท่ชะมัดเลยคุณ
อาจจะเพราะว่าไม่ได้เห็นการแสดงของเขาแบบเต็มรูปแบบมาหลายปี เพราะห่างหายไปรักษาอาการป่วย การกลับมาของ คิมอูบิน ในเรื่องนี้นั้นถือว่าใช้ได้ดีเดียว จนอยากจะยกตำแหน่ง MVP ของเรื่องนี้ไปให้เลย แต่ก็ยังมี “รยูจุนยอล” ที่พระเอกหนุ่มคนนี้ แม้ว่าจะไม่ได้หล่อกระชากใจตามมาตรฐาน แต่ความหล่อของเขาก็คือฝีมือการแสดงชั้นเฉียบขาด และเขาสามารถขับคาแรกเตอร์นี้ออกมาได้อย่างสุดติ่ง ทำให้ผู้ชมหลงรักได้ไม่ยาก
เช่นเดียวกับ “คิมแทริ” ที่แม้ว่าจะออกมาไม่ได้เต็มที่สักเท่าไหร่นักในภาคนี้ แต่ต้องขอใช้คำเดิมว่า “เจ๊เท่มาก ๆ” เพราะการแสดงของระดับมืออาชีพของเธอ สามารถรับมือกับบทบาทแฟนตาซีเช่นนี้ได้อย่างคล่องตัวได้ดี ซ้ำยังสามารถขับเสน่ห์และความแข็งแกร่งของบทนี้ได้อยู่หมัด และชวนติดตามต่อไปในภาคต่อ ๆ ไปได้ดีแท้
ไม่เพียงเท่านั้น Alienoid ยังมีตัวละครขโมยซีนที่เป็นเสน่ห์เพียบ ไม่ว่าจะเป็น “โซจีซบ” หรือ “คิมอึยซอง” รวมไปถึงคู่หูแมวเหมียว “ชินจองกึน” กับ “อีชีฮุน” ที่เข้าขากันดีเหลือเกิน แต่ที่เราประทับใจสุด ๆ ก็ต้องยกให้คู่หู(พลัง)ของเยอะ “ยมจองอา” กับ “โจอูจิน” ที่ถือว่าจับคู่ได้อย่างบันเทิงมาก ๆ และเป็นการพลิกคาแรกเตอร์ที่เพอร์เฟคของทั้งคู่เลยก็ว่าได้
แต่กระนั้น Alienoid ในภาคนี้ก็ยังไม่ได้สมบูรณ์แบบในทุก ๆ ด้าน เพราะตามที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้นว่า หนังเต็มไปด้วยรายละเอียดเยอะแยะเต็มไปหมด แม้ว่าจะใช้เวลาเล่าเรื่องไปกว่า 2 ชั่วโมงเศษ ๆ ในภาคนี้ก็ดูเหมือนจะยังปูทางได้ไม่เต็มที่ เพราะเส้นเรื่องและองค์ประกอบเยอะมาก ๆ จึงไม่แปลกใจที่หนังจะแบ่งพาร์ทออกจากกัน (ถึงจะยังไม่รู้ว่า Part 2 จะมาเมื่อไหร่ในตอนนี้) ทำให้เรื่องความกระชับของหนังยังเป็นปัญหาอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็พลอยทำให้หนังดูล้น ๆ เกินไปเกินควร
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมแล้วนั้น Alienoid เรื่องนี้ก็จัดได้ว่าเป็นหนังไซไฟแฟนตาซีที่อัดแน่นด้วยความบันเทิงครบรส อาจจะยังไม่ได้สมบูรณ์ในทุกองค์ประกอบ แต่หนังรู้จังหวะและสิ่งที่ผู้ชมต้องการได้ดี กลายเป็นความสนุกกับเรื่องราว 2 ภพที่เชื่อมโยงกันอย่างเหลือเชื่อ และยังมีเส้นเรื่องที่ค่อนข้างแข็งแรงที่สามารถนำไปต่อแยกแตกแขนงได้อีกเพียบทีเดียว ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่า…หนังเกาหลีก้าวเดินไปไกลมากแล้วทีเดียว
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Alienoid Part 1 วายร้ายเอเลี่ยน
- ประเภท: แฟนตาซี / ไซไฟ / แอคชั่น
- ผู้กำกับ: ชเวดงฮุน
- นำแสดงโดย: รยูจุนยอล, คิมอูบิน, คิมแทริ, โซจีซบ
- ความยาว: 142 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 23 มกราคม 2023 (ที่ Prime Video)
Movie.TrueID METRIC: Alienoid Part 1 วายร้ายเอเลี่ยน
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)
คุณสามารถรับชม Prime Video ได้ง่าย ๆ จากกล่อง TrueID TV ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ครบ!
————————————-