เมื่อคำจำกัดความของ ‘โบรคเกอร์’ สามารถเป็นได้ทั้ง
นายหน้าค้าเด็ก และ ตัวแทนกามเทพ จัดหา ‘รัก’ ให้เด็ก
นำไปสู่ความหมายแท้จริงของครอบครัวและเรื่องราวอันอบอุ่นหัวใจ
Broker เป็นผลงานภาพยนตร์การเขียนบทและกำกับการแสดงโดย ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ ผู้เคยคว้ารางวัลปาล์มทองคำ (Palme d’Or) ของเทศกาลงานภาพยนตร์เมืองคานส์จากภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Shoplifters (2018) สำหรับเรื่อง Broker ในปีนี้ ก็ได้รับเชิญเข้าฉายในสายประกวดหลักของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ และก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก ด้วยเสียงปรบมือชื่นชมนานถึง 12 นาที ร่วมการันตีด้วยรางวัลพิเศษ Ecumenical Jury Award ควบคู่กับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากนักแสดงนำ ซงคังโฮ กลับเกาหลีมาด้วย
เรื่องนี้เป็นงานหนังเกาหลีเรื่องแรกของ ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ โดยเขาได้เล่าถึงที่มาของการตัดสินใจอยากร่วมงานกับทั้ง 4 นักแสดงหลัก ซงคังโฮ คังดงวอน แบดูนา และ อีจีอึน (ไอยู) ว่า เขาได้รู้จักซงคังโฮครั้งแรกในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน รู้จักคังดงวอนตอนที่เขาไปทำงานที่โตเกียว จนได้ชวนทั้งคู่มาร่วมงานกัน ส่วนแบดูนา เขาเคยทำงานด้วยแล้วตั้งแต่เมื่อปี 2009 ในหนังญี่ปุ่นเรื่อง Air Doll ซึ่งเขาก็อยากจะร่วมงานกับเธออีกครั้ง ในบทของตัวละครที่เป็นคน (เนื่องจากเรื่องนั้นแบดูนาเล่นเป็นตุ๊กตายางอัดลม) จนในที่สุด เขาก็ได้มาทำงานร่วมกับทีมนักแสดงเกาหลีที่เขาล้วนเชื่อมือ ที่ก็รวมถึงไอยู ที่เขาประทับใจการแสดงของเธอจากผีไม้ลายมือในซีรีส์ My Mister (2018) ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ Broker ยังได้ตากล้องมือฉมัง ฮงคยองพโย เจ้าของผลงานภาพจากเรื่อง Parasite (2019) และ Burning (2018) มาร่วมงานกำกับภาพด้วย เรียกว่าเป็นองค์ประกอบตั้งต้นที่ว้าวเลย
ถ้าใครติดตามผลงานดัง ๆ ของ ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Nobody Knows (2004) Like Father Like Son (2013) และ Shoplifters (2018) จะเห็นได้ถึงความโดดเด่นในการถ่ายทอดความสัมพันธ์ครอบครัว ควบไปกับประเด็นที่ละเอียดอ่อนของสังคมได้อย่างกินใจ อันที่จริง Broker ก็อยู่บนแนวคิดเดียวกันกับ Shoplifters ที่ชูประเด็น ‘ครอบครัว’ ที่พัฒนามาจากความสัมพันธ์ทางใจ มิต้องร่วมสายเลือด และการใช้ตัวละครหลักซึ่งเป็นคนที่เป็นส่วนเกินของสังคมหรือชนชั้นไร้ค่า แต่ด้วยเรื่องราวที่แตกต่าง เข้ากับปัญหาสังคมเกาหลีได้ดี จึงทำให้ Broker มีความสดใหม่ และมี Impact ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
พล็อตหลักของเรื่องว่าด้วย กล่องทารกของโบสถ์แห่งหนึ่งซึ่งวางเพื่อรับเด็กอ่อนที่แม่ไม่พร้อมจะเลี้ยงดู ให้พ่อแม่ได้นำมาวางทิ้งไว้ได้โดยไม่ต้องเผยตัวตน เพียงทิ้งชื่อเด็กและเบอร์ติดต่อไว้ ในกรณีที่ต้องการมารับเด็กคืนในภายหลังเมื่อพร้อม อารมณ์ฝากเลี้ยงไว้ก่อน แต่เอาจริงก็ไม่ค่อยมีใครมารับคืน จนสถานเลี้ยงเด็กอ่อนชั่วคราวของโบสถ์ไม่ต่างจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่มีเด็ก ๆ เติบโตขึ้นที่นี่
ช่องโหว่นี้จึงเอื้อให้เกิดมิจฉาชีพขึ้น เพราะบ่อยครั้งที่แม่เด็กมิได้แนบข้อมูลใด ๆ ไว้ หมายความว่าตั้งใจทิ้ง เจ้าหน้าที่อาสาของโบสถ์จึงฉวยโอกาสลักเด็กแบบนี้ไปขายในตลาดมืด เพราะมีคู่แต่งงานจำนวนมากที่มีลูกเองไม่ได้ และอยากรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม แต่เพราะกระบวนการยุ่งยาก หรือคุณสมบัติไม่ลงตัว จึงหันมาซื้อลูกในตลาดมืดแทน คู่หูเจ้าหน้าที่อาสาของโบสถ์ ซังฮยอน และ ดงซู จึงคบคิดลักลอบเป็น ‘Broker’ หรือนายหน้าขายเด็ก
เรื่องราวชวนติดตามเกิดขึ้น เมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งนำเด็กมาทิ้งไว้ที่กล่องรับทารก แล้วเปลี่ยนใจในวันถัดมา แต่ Broker ได้นำเด็กไปเสนอขายแล้ว Broker จึงหว่านล้อมว่าเด็กกำลังจะได้ไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น เพราะพวกเขาจัดหาพ่อแม่ที่ดีให้ เป็นเหตุให้เธอติดตามไปดูการส่งมอบเด็กซึ่งไม่ได้ราบรื่นนัก ด้วยหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด จึงกลายเป็นทริปตระเวนไปทั่วเกาหลีหลาย ๆ เมือง เพื่อหาพ่อแม่ที่ลงตัว ในขณะที่มีตำรวจติดตามสะกดรอยพฤติกรรมของ Broker และแม่ใจร้ายผู้ทิ้งเด็กคนนี้ เพื่อหวังจะจับผู้กระทำผิดให้ได้คาหนังคาเขาระหว่างการซื้อขาย
การเดินเรื่องในแนวค่อย ๆ ดำเนินไปอย่างละเมียดละไม เพื่อให้เวลาผู้ชมได้ค่อย ๆ ส่องขยายสำรวจแต่ละตัวละคร เข้าถึงเนื้อแท้ความคิดและแรงจูงใจของการกระทำซึ่งต่างจากภาพแรกหรือเปลือกนอกที่เห็น ให้ผู้ชมผุดคำถามขึ้นในใจเองเป็นระยะ ๆ ตลอดทางว่า เขาหรือเธอทำถูกหรือผิด? เรื่องราวที่เป็นอยู่คือสิ่งที่ดีหรือไม่ดี? ควบไปกับความกัดเซาะอารมณ์แบบ Slow burn จนถึงจุดที่คลี่คลายปม เปิดใจสู่กัน ทริปปุเลงปุเลงไปกับรถปุโรทั่ง จึงเป็นประหนึ่งการเดินทางชีวิตที่ก่อเกิดสายสัมพันธ์อันประหลาด ทั้งสองโบรคเกอร์ แม่กับลูกอ่อน เด็กกำพร้าซุกซนที่แอบติดรถมาด้วยอีกหนึ่งคน รวมถึงตำรวจอีกสองคนที่ติดตามพวกเขามาตลอดทาง
เส้นบางๆคั่นดำขาวอย่างก้ำกึ่งของ Broker คือ ‘นายหน้าค้ามนุษย์’ ค้าเด็กอ่อนที่ถูกทอดทิ้ง เท่ากับว่าเป็นอาชญากร หรือควรจะเป็น ‘ตัวแทนผู้สร้างบุญ ช่วยจัดหาครอบครัวและความรักเติมเต็มให้เด็ก’ ดั่งคำสวยหรูที่เจ้าตัวมั่นหน้าเคลมเต็มปากว่าคือ ‘กามเทพ’ ต่างหาก
เหตุผลที่มองเห็นจะ ๆ ว่า ผู้หญิงที่มีชีวิตลำบาก มีอาชีพที่ไม่เป็นที่ยอมรับ มีลูกที่ไม่พร้อมจะเลี้ยงดู จึงทอดทิ้งเด็ก แท้จริงก็ยังอาจมีความซับซ้อนในชีวิตและจิตใจที่จะชวนเราเห็นอกเห็นใจเธอเมื่อเวลาผ่านไป
ไอยู รับบทเป็น ‘โซยอง‘ แม่ที่นำลูกมาทิ้งไว้ เรื่องนี้ไอยูก็ได้แสดงฝีมือที่ดีเยี่ยมอีกครั้ง ด้วยวาจาท่าทีแบบคนไม่แยแสสังคมเส็งเคร็ง และสังคมเองก็ไม่มองเธอมีคุณค่าเช่นกัน สีหน้าอารมณ์แบกปมชีวิตมากมายไว้ในใจเพียงลำพัง
ซงคังโฮ รับบทเป็น ‘ซังฮยอน‘ เจ้าของร้านซักรีดเล็ก ๆ ที่ไปช่วยงานโบสถ์ แต่เพราะเขามีหนี้ค้างคาจากการเป็นอดีตนักพนัน จึงคิดหาเงินเสริมด้วยการเป็น Broker ความมีเสน่ห์ในเรื่องนี้คือการเป็นคนเห็นคุณค่าของงานตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นงานซักรีดหรืองานจัดหารักให้เด็ก ๆ ความซื่อ ๆแบบธรรมชาติ จริงใจและจริงจังที่มักเผลอหลุดอะไรให้คนดูขำ ๆ เอ็นดูได้ตลอด
คังดงวอน รับบทเป็น ‘ดงซู‘ อาสาสมัครของโบสถ์ และเป็นผู้ช่วย Broker ซังฮยอน แม้ว่าเรื่องนี้จะมาในลุคธรรมดา ๆ ไม่ปรุงแต่ง แต่ก็ยังหล่อมาก หยอดความซึนนิด ๆ ให้ฟิลใจตึกตักเป็นน้ำจิ้มเล็ก ๆ บ้าง การคลี่คลายปมของดงซูก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่จัดมาให้ลงตัวกับพล็อตหลักได้ดี
แบดูนา รับบทเป็น ‘ผู้หมู่ซูจิน‘ ที่หมกมุ่นจริงจังกับงาน ใช้เวลาทั้งหมดอยู่บนรถเพื่อสะกดรอย โชคดีที่สามีของเธอ แฮจิน รับบทโดย อีมูแซง ยังใส่ใจคอยส่งอาหารเสื้อผ้าให้ คดีนี้ก็เปิดใจเธอให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เช่นกัน
อีจูยอง รับบทเป็น ‘ตำรวจสายสืบอี‘ ลูกน้องของซูจินที่ติดตามสืบคดีด้วยกัน
นอกจากนี้ ยังมีนักแสดงรับเชิญอีกหลายคน เช่น พัคแฮจุน อีดงฮวี คิมซอนยอง ซงแซบยอก รยูคยองซู แบคฮยอนจิน
หลายคนอาจกังวลความหนักอึ้งของพล็อต แต่ผู้เขียนก็อยากเชียร์ให้เปิดใจลองชม เพราะมันเป็นงานสุขๆเศร้าๆแนว Bittersweet ที่มอบความฟิลกู้ด อิ่มเอมใจได้ แม้จะมีจุกอกบ้าง แค่คำว่า ‘ขอบคุณที่เกิดมา’ สั้น ๆ ก็ทำผู้เขียนน้ำตารื้นขึ้นมาได้ทันที การร้อยเรียงเล่าเรื่องที่หยอดจังหวะพักด้วยมุกอมยิ้มไปจนถึงขำ ๆ จากไดอาล็อกของหลาย ๆ ตัวละคร รวมถึงแอ็คติ้งที่มีเสน่ห์ธรรมชาติของ ซงคังโฮ ช่วยผ่อนคลายสลับกันไปได้ดีตลอดเรื่อง โดยส่วนตัว ผู้เขียนคิดว่าเป็นงานรางวัลคุณภาพที่มีคุณค่าแน่น ๆ แต่ดูได้สนุกสนานกลมกล่อม เข้าถึงง่าย ย่อยไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ
Trailer :
