[รีวิวซีรีส์] “Delete” ตีแผ่เรื่องซ่อน/หา(ย) สุดดาร์กในสังคมไทย

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ 'ไท ไทย ชา มึนส์' ของ Netflix ที่หลายคนจับตามองสำหรับซีรีส์ 'Delete' ที่หยิบเอาพล็อตดาร์กแฟนตาซีที่เราไม่ค่อยได้เห็นในเนื้อหา มาเชื่อมโยงเรื่องราวเกี่ยวกับโทรศัพท์ที่ลบคนได้จริงๆ ผ่านผลงานของ โอ๋ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ที่เคยผ่านผลงานหนังสยองขวัญมาแล้วอย่าง "ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ" รวมถึงหนังสั้น “สายฝนที่ห้วยขาแข้ง” ในโครงการคีตราชัน
การหายตัวไปของลิลลี่ (สาริกา สาระศิลปสุภา) ทำให้เอม (ณัฏฐ์ กิจจาฤทธิ์) นักเขียนและพิธีกรพ็อกเก็ตบุ๊กชื่อดัง ชายจู และ ทู (ณัฐรัฐ นพรัตยาภรณ์) สามีชาวนาผู้มีอิทธิพลของลิลลี่กำลังตามหาเธอ เงื่อนงำหลักคือโทรศัพท์มือถือที่ลิลลี่ใช้ลบผู้หญิงในซูเปอร์มาร์เก็ตโดยไม่ตั้งใจ โดยมี ยุทธชัย (นพชัย ชัยนาม) สายสืบที่หมกมุ่นกับคดีคนหายอย่างไร้ร่องรอยคอยตามสืบและต่อจิ๊กซอเหตุการณ์นี้ทีละชิ้น ๆ จนได้คำตอบที่เกินใครจะคาดคิด
จุดแข็งที่ดีมากของซีรีส์ 'Delete' คือบทของซีรีส์ที่แต่ละปมถูกกำหนดให้หยอกล้อกับข้อความทางการเมืองที่ต้องการจะสื่อ โดยเฉพาะกรณี "การหายตัวไปอย่างถูกลักพาตัว" ที่ถูกแทนที่ด้วยโทรศัพท์ที่สามารถ กำจัดผู้คนไม่ให้หายไป ทำให้เรื่องราวที่ดูเหมือนแฟนตาซีสุดขั้วฉายผ่านภาพและบรรยากาศที่คุ้นเคยในสังคมไทยผ่านข่าวทางทีวีรวมถึงกรณีการหายตัวไปของนักร้องนักสิทธิมนุษยชนอย่างทนาย สมชาย นีลไพจิตร และ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงคดีฆาตกรรมมากมายที่หนังเอามาอ้างอิงถูกนำมาเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ “การหายไป” ถูกใช้เพื่อสร้างความสยดสยองในความรู้สึกผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่เพียงเท่านั้น บทที่ โอ๋ ภาคภูมิ ร่วมเขียนกับ จิรัสยา วงษ์สุทิน และ ทศพร ลิ้นทอง ยังเล่นกับพล็อตเรื่องได้อย่างเฉียบขาด ทั้งแรงจูงใจ อย่างคนลบมือถือ ที่เกี่ยวโยงกับ 'ของหาย' พ็อคเก็ตบุ๊ควางตัวละครทรงอิทธิพลที่โผล่มาพร้อมเสียงปืนดัง หรือแม้กระทั่งความน่ากลัวของการสืบสวนของตำรวจทำให้ภาพเดจาวูของผู้ที่มีส่วนร่วมในการหายตัวไปนั้นดูน่าขนลุก
อีกส่วนที่เด่นมากคืองานถ่ายภาพของ สีบรรณ นฤพล โชคคณาพิทักษ์ ที่เรียกได้ว่าโดดเด่นขึ้นไปอีกขั้นทั้งการวางเฟรมในฉากไล่ล่า การเล่นตำแหน่งตัวละครและสถานที่ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวในตัวของมันเอง หรือแม้แต่ฉากธรรมดาๆ เช่น คู่รักและมีความสัมพันธ์กันก็มีการจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นและความเย็นชาที่แตกต่างกันไป จนเรียกได้ว่าคุ้มค่ากับผลงานระดับอินเตอร์ที่จะได้ลงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับโลกอย่าง Netflix จริงๆ
ในส่วนของการถ่ายทอดบทบาทที่ได้นักแสดงแถวหน้าของวงการหนังไทย ทั้ง น็อต กิจจาฤทธิ์, อิสุ ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ และ ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม แทบจะกลายเป็นสนามประลองฝีมือการแสดงขั้นสุดยอดเพราะบาปของทั้งคู่ ความบ้าที่ปะทุของ Aiszu รวมถึงความเท่ของ Peter ล้วนมีส่วนทำให้ 'Delete' กลายเป็นผลงานที่ละสายตาจากหน้าจอแทบไม่ได้

จะมีติดจริง ๆ เห็นจะเป็น ฟ้า ษริกา สารทศิลป์ศุภ และเจ้านาย จินเจษฏ์ วรรธนะสิน ที่รู้สึกว่าไม่สามารถดึงการแสดงที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวออกมาจนคนดูอดเห็นใจหรือร่วมชะตากรรมของตัวละครไม่ได้มากนัก แต่ที่เซอร์ไพรส์สำหรับนักแสดงตัวจริงน่าจะเป็น ชาร์เลตต์ วาสิตา แฮเมเนา ในบทน้องสาวของตู่ จูนมีเงื่อนงำบางอย่างกับลิลลี่ที่สามารถดึงปมทางจิตใจของเธอได้ ละครเรื่องนี้แสดงออกมาอย่างพิถีพิถันและเห็นอกเห็นใจตัวละครของเธอ แม้ว่าการกระทำของจูนจะดูไม่เด็กในสายตาของผู้ใหญ่ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ซีรีย์นี้ก็ยังพยายามให้มีบาดแผลใหญ่อยู่ในตัวอยู่ดี ตอนจบเริ่มเล่นใหญ่ขยายโครงเรื่องให้ซับซ้อนขึ้น แต่ตัวละครบางตัวที่ผู้ชมรู้จักหรือซึมซับข้อมูลบางอย่างน้อยเกินไปหรือแม้แต่น้อย การเปลี่ยนบทบาทไปมาเพียง 8 ตอนส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและทำให้ผู้ชมต้องเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปอย่างลับๆยังดีที่ตอนจบซีรีส์หาทางแลนดิ้งได้ไม่น่าเกลียดนักเลยทำให้ ‘Delete’ เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ไทยบน Netflix ที่ลบคำสบประมาทได้สำเร็จไปอีกชิ้นหนึ่งนั่นเอง