จะว่าไปผมก็โอเคกับหนังตี๋เหรินเจี๋ยนะครับ มีสืบสวน มีแอ็คชั่น ดูเพลินดี ทีนี้หลังจากดูตี๋เหรินเจี๋ยไตรภาคของฉีเคอะจบ ผมก็คิดจะดูหนังตี๋เหรินเจี๋ย “อื่นๆ” ต่อไป แล้วก็พบว่ามันมีเพียบเลยครับ มีเป็นสิบๆ ตอน มีเยอะจนงงเลยว่าเราจะเริ่มดูจากอันไหนล่ะเนี่ย และตอนไหนเป็นของเวอร์ชั่นไหน ตอนไหนมันต่อกับตอนไหน ก็เรียกว่าอึ้งไปพักใหญ่ครับกว่าจะตั้งสติเริ่มดูได้ เพราะข้อมูลภาษาอังกฤษก็มีไม่เยอะ ครั้นภาษาจีนเราก็ไม่กระดิกเลย ต้องใช้เวลาคลำทางอยู่พอสมควร
ในที่สุดก็ตั้งหลักโดยการดูแบบเรียงตามปีครับ อันไหนสร้างก่อนก็ไล่ดูจากอันนั้น แล้วก็อ้างอิงจากดาราที่แสดงเป็นเหล่าตี๋ ดูว่าดาราคนไหนเล่นเป็นเหล่าตี๋กี่ตอน ก็ไล่เรียงไปจนพอจะตั้งหลักได้ แล้วผมก็เริ่มกับเรื่องนี้ครับ ตี๋เหรินเจี๋ย ทองคำที่สูญหาย หรือ Detective Dee: The Lost Gold
หนนี้ตี๋เหรินเจี๋ย (ตู้อี้เหิง, Yiheng Du) ต้องไข 3 คดีซ้อนเลยครับ ได้แก่คดีชิงทองคำ, คดีต้นไม้ปีศาจ และต้องเผชิญกับนักพรตมารปริศนาที่ทำให้ชาวบ้านหลงงมงาย ซึ่งตัวหนังนั้นก็ออกมาใช้ได้ครับ คือไม่ได้แย่นะ ผมว่าดูได้เพลินๆ เพียงแต่เกรดงานสร้างอาจไม่อลังล้ำเท่าฉบับฉีเคอะ เกรดเรื่องนี้ก็ประมาณหนังลงแผ่นลงสตรีมน่ะครับ จุดอ่อนก็คงเป็นการเดินเรื่องที่อาจจะเรื่อยๆ ไปนิด เชื่องช้าไปหน่อย (หนังยาวราวๆ 100 นาที) ถ้ากระชับได้อีกก็น่าจะเพลินกว่านี้
แต่คิวบู๊ถือว่าไม่เลวครับ ไม่ได้เจ๋งสุดๆ แต่ก็ไม่เสียชื่อหนังจีนที่มีกลิ่นอายกำลังภายใน ส่วน CG อาจต้องทำใจหน่อยครับ มีเนียนบ้างไม่เนียนบ้างตามอัตภาพ แต่อย่างน้อยบรรยากาศตามป่าเขาที่เขียวขจีก็ทำให้หนังมีความสวยของฉากและทิวทัศน์มาทำให้หนังดูมีอะไรขึ้นมาบ้าง
ส่วนของคดี อันนี้ผมโอเคนะ ถือว่าซับซ้อนไม่เสียชื่อการเป็นหนังสืบสวน เหล่าตี๋มีการโชว์สกิลในการสังเกต คิดวิเคราะห์ เพียงแต่จังหวะในการเฉลยปมอาจยังไม่ระทึกแบบเต็มๆ เท่านั้นเอง
ดาราก็ถือว่าน่าพอใจครับ ตู้อี้เหิงที่มารับบทเหล่าตี๋ นายคนนี้หน้าเหมือนหลิวเต๋อหัวมาก ซึ่งก็ไม่แปลกครับเพราะตู้อี้เหิงนี่เคยทำหน้าที่เป็นสแตนอินให้เฮียหลิวในหนังสามก๊ก ขุนศึกเลือดมังกรมาแล้ว จุดนี้ผมแอบรู้สึกดีนะ คือไหนๆ ก็แคสคนมาเล่นแล้วก็แคสให้เหมือนเฮียหลิวหน่อย ผมว่าก็เข้าท่านะ มันทำให้เรารับได้ง่ายขึ้น ดูแอบมีความต่อเนื่องกับหนังฉบับก่อนมากขึ้น เพราะบางมุมบางฉากนี่ทำให้นึกถึงเฮียหลิวขึ้นมาเลยล่ะ
โดยรวมถือว่าโอเคครับ จริงๆ สำหรับผมนี่ถือว่าดีกว่าที่คาดนะ ส่วนหนึ่งคงเพราะเผื่อใจเอาไว้เยอะอยู่ พอดูแล้วมันโอเค ดูได้ การไขคดีก็ไม่เลว คิวบู๊ก็ไม่ไก่กา เลยรู้สึกค่อนข้างบวกกับหนัง แต่ก็แน่นอนว่าภาคที่เฮียวหลิวเล่นนั้นยังเป็นภาคที่เจ๋งที่สุดอยู่ครับ
สองดาวได้ครับ
(6/10)