When Marnie Was There – ฝันของฉันต้องมีเธอ

  ความงดงาม ละเอียดอ่อน ลายเส้นที่เคลื่อนไหวอ้อยอิ่งสวยงาม เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของสตูดิโออนิเมชั่นจิบลิเสมอ และนี่คืออนิเมชั่นขนาดยาวเรื่องสุดท้ายก่อนที่ทางจิบลิจะปิดแผนกภาพยนตร์อนิเมชั่นขนาดยาวลงอย่างไม่มีกำหนดว่าจะเปิดทำการอีกทีหรือไม่เมื่อไหร่อย่างไร ซึ่งถือเป็นการทิ้งทวนที่งดงามไม่น้อยที่เลือกมาเล่าในประเด็นเด็กสาวสองคนผู้แปลกแยก โหยหาความรัก เรียกร้องพื้นที่ๆ จะเป็นของตัวเอง และการพลัดพรากจากลา

     หนังว่าด้วยเด็กสาวผู้แปลกแยกกับทุกคน ขี้โรคและเข้ากับใครไม่ได้ แม้แต่แม่ที่ใกล้ชิดก็ถูกเธอผลักออกไปให้เป็นคนอื่นไม่ว่าแม่จะพยายามแสดงความรักความห่วงใยเธอเท่าไหร่ก็ไม่ได้ทำให้เธอยอมรับหรือสัมผัสได้เลย เธอถูกส่งให้ไปอยู่บ้านญาติของแม่ที่ชนบท หวังว่าบรรยากาศชนบทที่อากาศสดใส ทัศนียภาพสบายตาจะปลอบประโลมทั้งสุขภาพกายและจิตใจของเธอให้ดีขึ้นได้

     ทว่าสิ่งที่เด็กสาวค้นพบกับไม่ใช่สิ่งที่คาดหวัง แต่กลับคือการเดินเล่นอันกลายเป็นการเดินทางไปสู่โลกอีกใบหนึ่ง อีกฟากฝั่งริมบึงที่น้ำจะขึ้นทุกตอนเย็นคือบ้านร้างหลังใหญ่ที่เด็กสาวรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด นำไปสู่การพบเจอเด็กหญิงผมทองผู้ร่าเริงซึ่งจะกลายมาเป็นคนที่กระทบกระเทือนภายในจิตใจเธอครั้งใหญ่และเปลี่ยนเธอผู้ซึ่งต่อไม่ติดกับความรักจากใครๆ ไปตลอดกาล

     เอาเข้าจริงๆ แล้วเขตแดนที่หนังเดินทางไปสำรวจเกือบเข้าไปไกลเกินกว่าประเด็นของเด็กหญิงที่คิดว่าโลกนี้ไม่มีใครรัก เข้าไปในประเด็นรักร่วมเพศหรือรักร่วมสายเลือดด้วยซ้ำไป แต่ตอนสรุปของหนังเองก็ไม่ได้ผลักดันผู้ชมไปสำรวจอะไรไปได้ไกลขนาดนั้น แต่ก็นับว่าเป็นบทสรุปที่น่าประทับใจอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าจังหวะช่วงกลางเรื่องจะเอื่อยเฉื่อย และอาจพาหลายคนหลุดจากหนังไปด้วยการเล่นกับความจริงของมัน แต่การขมวดไปสู่ตอนจบก็ทำได้อย่างเรียบง่าย มีพลังและน่าประทับใจพอสมควรเลยทีเดียว