Trolls (2016) โทรลล์ส

MV5BMTkxNDc3OTcxMV5BMl5BanBnXkFtZTgwODk2NjAzOTE@._V1_SY1000_CR0,0,673,1000_AL_

ชอบมากกว่าที่คิดแฮะเรื่องนี้ สนุกดีครับ ตัวการ์ตูนออกแบบได้น่ารัก ดูเพลิน ความฮามาเรื่อยๆ เนื้อเรื่องแม้จะพอเดาได้แต่ก็น่าติดตาม และประเด็นสาระก็ถือว่าดีทีเดียว

เรื่องของเหล่าโทรลล์ส สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่ชอบเต้น ร้องรำทำเพลง มองโลกในแง่ดีแบบสุดๆ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปวันๆ แต่อยู่มาวันหนึ่งพวกโทรลล์สได้เจอกับเหล่าเบอร์เกนส์ สิ่งมีชีวิตที่ดูจะไร้ความสุข หน้ามู่ทู่ และไม่รู้ว่าอะไรจะทำให้ตนเองมีความสุขได้

แล้วหายนะมันมาเกิดตอนที่พวกเบอร์เกนส์ลองจับโทรลล์สมากินแล้วรู้สึกมีความสุขครับ ทีนี้เลยมีโทรลล์สโดนจับมากินมากเข้า จนถึงขั้นจัดเป็งานประจำปีกันเลยทีเดียว ทีนี้พวกโทรลล์สก็เลยหาทางหลบหนีออกมาให้ไกลจากพวกเบอร์เกนส์ที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่แม้จะหนีไปไกลแค่ไหน สุดท้ายพวกเบอร์เกนส์ก็ตามจนเจอ จับโทรลล์สไปหลายตัว ทำให้เจ้าหญิงป็อปปี้ ผู้นำเหล่าโทรลล์สตัดสินใจเดินทางไปช่วยเหลือ โดยมีแบรนช์ โทรลล์หนุ่มผู้มองโลกแง่ลบแบบสุดขั้วเดินทางไปด้วย

อย่างแรกที่ชอบคือตัวโทรลล์สมันน่ารักดีครับ มันคือตุ๊กตาหัวฟูตาโตแบบที่เราคุ้นเคยกันนั่นแหละ แล้วก็เอามาออกแบบเพิ่มให้ดูแบ๊วขึ้น ซึ่งก็น่ารักดีครับ เวลาเดิน เวลาวิ่งก็น่ารักน่ากอดดี ส่วนพวกเบอร์เกนส์ก็มีทั้งที่พอจะน่ารัก หรือไม่ก็น่าเกลียด (แบบการ์ตูน) ไปเลย ซึ่งลักษณะภายนอกนี่ก็บ่งบอกคาแรคเตอร์ตัวละครนั้นๆ ได้ชัดดีครับ

เนื้อเรื่องจริงๆ ไม่มีอะไรใหม่ แต่ดูเพลินดีครับ สนุกและน่าติดตามอยู่ ที่มันออกมาเพลินก็เพราะคาแรคเตอร์ตัวละครอย่างหนึ่ง แล้วก็สีสันกับฉากในเรื่องที่ออกแบบได้พอดี คือดูมีรายละเอียดแต่ไม่ล้นเกิน ตามด้วยเพลงเพราะๆ ที่มีให้ฟังตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ

พูดถึงเพลง ทีมงานก็ช่างเลือกครับ พวกเพลงแต่งเองก็ครื้นเครงดี แล้วยังมีเพลงเก่าๆ ที่คนรุ่นอายุ 30 อัพน่าจะคุ้นเคย เอามาใช้ในหนังได้อย่างลงตัว บางฉากชวนซึ้งแบบน่ารักๆ บางฉากก็เอามาเล่นได้ขำดี (ผมฮาเพลง The Sound Of Silence น่ะครับ จังหวะและองค์ประกอบมันจี้เส้นดี 555)

การผจญภัยและความลุ้นก็ถือว่าออกรสออกชาติตามมาตรฐาน คือไม่ได้สุดยอดมากมาย หรือฉากไคลแม็กซ์ก็ไม่ถึงกับตื่นเต้นสุดๆ แต่ก็อยู่ในระดับสนุกครับ ขอเพียงอย่าคาดหวังว่ามันจะลื่นปรื้ดถึงขั้น Pixar เท่านั้นเอง

ตัวหนังนั้นจะว่าไปเด็กอาจจะดูสนุกในระดับหนึ่ง แต่เหมือนหลายๆ อย่างผู้ใหญ่จะเข้าถึงได้มากกว่าครับ อย่างหลายๆ เพลงก็เป็นเพลงดังสมัยของเรา หรือสาระเกี่ยวกับความสุขก็ดูจะลึกในระดับหนึ่ง ซึ่งผู้ใหญ่ที่ผ่านสุขผ่านทุกข์มาก็จะเข้าใจอะไรพวกนี้ได้ง่ายกว่าครับ

พวกโทรลล์สนั้นออกแนวโลกสวย มองทุกอย่างในแง่ดีแบบสุดโต่ง ซึ่งในโลกความจริงนั้นมันไม่มีอะไรสวยงาม ดีเลิศ หรือได้อย่างใจเราทั้งหมด มันย่อมมีจุดผิดหวัง มันย่อมมีคนมาเอาเปรียบเรา หรืออาจจะไม่ได้เจตนาเอาเปรียบเรา แต่เพียงแค่เขานึกถึงตัวเองมากกว่าเราน่ะครับ

การมองโลกแง่ดีเกินไป ก็อาจทำให้เราต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ เจอกับความทุกข์ หรือเจอกับปัญหา แต่การมองทุกอย่างในแง่ลบแบบสุดขั้ว ก็ทำให้เราโลกที่เราดำรงชีวิตอยู่มีแต่ความหม่นหมอง เราจะหมดศรัทธาในสิ่งรอบตัว เรื่อยมาจนหมดศรัทธาในตนเอง เราจะเห็นแต่ “ทางตัน, ด้านมืด และความเป็นไปไม่ได้” ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำ

ทุกอย่างมันจึงมีเส้นทางสายกลางของมันครับ เราอาจมองบวกหรือลบสลับกันตามแต่โอกาส หรือมองโลกว่ามันเทา หรือไม่ก็มองโลกตามที่มันจริง ไม่เน้นบวกหรือลบ อันนี้แล้วแต่ธรรมชาติการมองของแต่ละคนว่าจะมองแบบไหน ซึ่งบางทีเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับวิธีการมองของเราให้ยืดหยุ่นมากขึ้น

และแง่คิดง่ายๆ ที่หนังพยายามบอกก็คือความสุขไม่ใช่สิ่งที่เรายัดเข้าไปในตัว โอเคครับ การซื้อของที่เราอยากได้ การกินของเราที่อยากกิน มันทำให้เราสุข อร่อย เพลิดเพลินได้ แต่หากเราถึงขั้นเสพติดชนิดขาดมันไม่ได้ ขาดมันแล้วสุขหายสุนทรีย์หด เราก็ต้องลองพิจารณาอย่างใจเย็นครับว่าสถานการณ์แบบนี้มันกำลังจะบอกอะไรเรา

การบอกว่าความสุขอยู่ในใจเรามันง่ายครับ แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะทำได้ตามนั้นแบบทันที ในแง่หนึ่ง ทางสายกลางของเรื่องนี้อาจเป็นว่า เราก็อาจจะเสพสุขหาความอร่อยจากของที่เราชอบ เพื่อตอบสนองสุขทั่วไปให้กับเราทางหนึ่ง แล้วเราก็ค้นหาจุดสุขโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งของ ค้นหาวิธีสุขด้วยตนเองอีกทางหนึ่ง ให้สุขได้ทั้งนอกและใน

ถ้าสุขทางวัตถุอย่างเดียวมันทำให้เสพติด และถ้าสุขลึกซึ้งที่ภายในมันต้องใช้เวลาเรียนรู้ เราก็ลองมันทั้ง 2 ทาง ไม่แน่ว่ามันอาจเป็นลายแทงไปสู่จุดสุขในแบบของเราเองก็ได้ ^_^

สรุปว่าหนังเรื่องนี้ดูแล้วสนุก มีความสุขในการรับชมดีครับ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)