The Tower (2012) เดอะ ทาวเวอร์ ระฟ้าฝ่านรก

Untitled05737

ก่อนดูผมก็คิดน่ะนะครับว่าหนังจะออกมาเวิร์กไหม เพราะโดยแนวทางแล้วมันคือการเอา The Towering Inferno มาทำใหม่ และครั้นพอได้ดูก็พบว่าหนังทำได้สนุก ตื่นเต้น และน่าติดตามไม่ใช่น้อย

พล็อตหลักก็โฟกัสไปที่ตึกระฟ้าในประเทศเกาหลีที่กำลังมีการจัดงานฉลองวันคริสต์มาสกันอย่างเอิกเกริก แต่แล้วในคืนนั้นเองก็ได้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน (หรืออีกนัยหนึ่งคือ เกิดเพราะความประมาทของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน) จนส่งผลให้ไฟไหม้ตึกครับ มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ส่วนคนที่เหลือก็พยายามหนีลงมาให้ถึงพื้นที่ให้เร็วที่สุดด้วยทุกวิถีทาง แต่ก็แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลย

ผมชอบหนังมากกว่าที่คิดครับ ตอนแรกก็คิดว่าหนังมันจะเรื่อยๆ มาเรียงๆ ตอนต้นก็แนะนำตัวละครไป ส่วนตอนกลางก็ใส่ฉากภัยพิบัติลงไปตามสไตล์สูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นแบบนั้นแหละครับ แต่จุดที่ต้องขอยกนิ้วให้เลยคือหนังสามารถผสมเอาเรื่องดราม่าใส่ลงมาในหนังได้อย่างพอเหมาะ การแนะนำตัวละครในตอนต้นเรื่องก็ไม่ได้แนะไปแบบอย่างงั้นๆ แต่เป็นการแนะนำที่ทำให้เรารู้จักเหล่าตัวละครหลักในระดับที่มากพอที่จะทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจยามพวกเขาต้องเจอกับเหตุร้าย บางคนถึงขั้นทำให้คนดูรู้สึกผูกพันไปเลยก็มี

ครั้นพอถึงฉากเกิดภัยหนังก็ถ่ายทอดฉากเหล่านั้นออกมาได้อย่างโกลาหลและดูสมจริงพอตัว หลายฉากนี่ทำให้รู้สึกสยดสยองเลยล่ะครับ อย่างฉากคนแย่งกันลงลิฟต์ หรือลิฟต์ที่ต้องประสบกับเหตุสลด ฉากพวกนี้ทำออกมาได้ถึงใจพอสมควร ดูแล้วสลดและหดหู่รวมถึงรู้สึกสยองไปในคราวเดียว

Untitled05738

ตัวละครหลักในเรื่องก็มีโมเมนต์ของตัวเองครับ ไม่ว่าจะคนที่อยู่ในโรงแรมหรือเหล่าพนักงานดับเพลิงผู้กล้าที่ต้องเสียงชีวิตไปช่วยคนในตึก จุดนี้ยอมรับเลยว่าหนังเกาหลีเขาทำได้ถึงเครื่องจริงๆ ครับ เรื่องปมตัวละครและการทำให้ตัวละครดูมีเลือดมีเนื้อเนี่ย

ผมยังติดตากับฉากที่ตัวละครคุณป้าแม่บ้านพยายามจะส่งเงินค่าเทอมให้ถึงมือลูก ยอมรับครับว่าฉากที่เธอขอร้องว่า “ไม่ต้องช่วยฉันก็ได้ค่ะ แต่ช่วยนำเงินไปให้ลูกชายของฉันด้วยเถอะนะคะ” ฉากที่ว่านี่สั้นง่ายแต่ได้น้ำตาครับ

งาน Effect ก็ต้องยกนิ้วให้ล่ะครับ ทำได้อลังการงานสร้าง ไม่ว่าจะฉากข้าวของถล่ม ฉากไฟไหม้ ฉากภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ ทำออกมาได้เนี๊ยบ มุมกล้องก็จับอารมณ์ลุ้นระทึกในตึกในถ่ายทอดได้ดี เรียกว่าในแง่ของงานสร้างนี่ทำได้ดีจริงๆ ครับ

และที่ออกจะชอบเป็นพิเศษคือการเอาประเด็นสังคมมาถ่ายทอดแบบตรงๆ ลงในเรื่อง อย่างภัยพิบัติครั้งนี้ที่เกิดขึ้นก็เพราะความประมาทของคนเพียงไม่กี่คน ก็อดคิดไม่ได้ล่ะครับว่าในโลกแห่งความจริงที่เราๆ ท่านๆ อยู่กันนี่ ก็มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน ไม่ต้องอื่นไกลครับเอาแค่บนท้องถนนนี่แหละ คนขับรถไม่ว่าจะรถใหญ่หรือรถเล็กก็ตาม หากท่านประมาทแม้เพียงนิด ชีวิตของท่านมีอันต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย และไม่ใช่ชีวิตท่านเท่านั้นครับ มันยังมีชีวิตคนอื่นๆ ที่ต้องร่วมทางร่วมถนนเส้นเดียวกับท่าน พวกเขาก็อาจต้องมีอันเป็นไปอันเนื่องมาจากความประมาทเลินเล่อของท่านนั้นเอง

ในหนังอาจจะเน้นประเด็นว่าด้วยความเหลื่อมล้ำ ประมาณว่าตัวการที่ทำให้เกิดเรื่องก็คือเจ้าของตึกที่โคตรจะร่ำรวย แต่เอาเข้าจริงแล้ว ไม่ว่าท่านจะรวยหรือจนก็ตาม แต่ขอเพียงเป็นคนที่ประมาทน่ะครับ ท่านก็สามารถสร้างหายนะกับตนเองและผู้อื่นได้เหมือนกันทั้งสิ้น ดังนั้นอันนี้ดูแล้วก็ต้องแยกให้เกิดสาระที่ครบถ้วน เรื่องความเหลื่อมล้ำก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องความประมาทนี่ก็อีกเรื่องหนึ่ง

กลับมาเรื่องความเหลื่อมล้ำต่อ… อันนี้ผมว่าหนังทำได้สมจริงดีนะครับ เพราะในหนังมันจะมีประมาณว่าเหล่านักผจญเพลิงได้รับคำสั่งให้ช่วยบุคคลสำคัญลงมาก่อน ส่วนคนทั่วไปก็จะได้รับความช่วยเหลือทีหลัง อันนี้ดูแล้วก็หดหู่ใจไม่น้อย เพราะกลายเป็นว่าหมาตัวน้อยของคนรวยๆ ยังมีโอกาสรอดตายได้มากกว่าคนธรรมดาสามัญ

และสลดใจยิ่งกว่า ที่พอดูแล้วเราไม่สามารถพูดได้ว่า “นั่นเป็นแค่เรื่องแต่งที่เกิดขึ้นในหนังเท่านั้น”…

โดยรวมแล้วนี่ถือเป็นหนังแนวภัยพิบัติที่ครบเครื่องมากครับ จะเอาดราม่าก็มี จะเอาตื่นเต้นลุ้นระทึกก็มี และผมว่าผมชอบเรื่องนี้มากกว่า Skyscraper ของ The Rock อีกครับ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)