The Last Full Measure วีรบุรุษโลกไม่จำ

The Last Full Measure วีรบุรุษโลกไม่จำ

บางครั้งการทำดีกว่าจะเป็นที่ประจักษ์อาจจะต้องใช้เวลานาน ยาวนานเป็นทศวรรษ แต่สำหรับคนกลุ่มนี้ที่ยังเฝ้าดูความสำเร็จของคนที่ได้ชื่อว่าวีรบุรุษผู้ล่วงลับ พวกเขาก็พร้อมที่จะผลักดันไปด้วยความหวัง แม้ว่าบางทีมันจะริบรี่มาก็ตาม และนี่คือเรื่องราวอันทรงพลังของนายทหารที่ไม่ควรถูกลืม “The Last Full Measure วีรบุรุษโลกไม่จำ” การเดินทางสู่การเรียกร้องเพียงเกียรติยศของทหารกล้าในสมรภูมิรบ

วีรบุรุษโลกไม่จำ เป็นเรื่องราววีรกรรมอันเด็ดเดี่ยว “วิลเลียม เอช. พิตเซนบาร์เกอร์” หน่วยพลร่มสังกัดกองทัพอากาศสหรัฐฯ ระหว่างสงครามเวียดนามปี 1966 เมื่อเขาโรยตัวลงมาเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนทหารราบ และตัดสินใจทิ้งโอกาสในการหนีออกจากเขตปะทะไปพร้อมเฮลิคอปเตอร์ลำสุดท้าย เพื่อช่วยรักษาและต่อลมหายใจให้เพื่อนทหารอีก 60 ชีวิต

จนท้ายสุดสงครามครั้งนั้นก็หลงเหลือไว้เพียงร่างของเขา และความยุติธรรมที่ถูกเพิกเฉย ถึงแม้ต้องใช้เวลานานถึง 30 ปี แต่วันนี้ความจริงทั้งหมดกำลังจะถูกเปิดเผย เมื่ออดีตสหายร่วมรบลุกขึ้นมาขอความช่วยเหลือจากทนายกระทรวงกลาโหม สก็อตต์ ฮัฟฟ์แมน เพื่อเสนอชื่อให้เขาได้รับเหรียญเกียรติยศ เชิดชูความกล้าหาญชั้นสูงสุดของประเทศ นำมาสู่จุดเริ่มต้นของการตามหาความจริงจากครอบครัวของวีรบุรุษ และทหารผ่านศึกคนอื่นที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อ ทวงความกล้าหาญ แด่ฮีโร่ที่โลกลืม

ต้องบอกเลยว่า…หนังเรื่องนี้แค่มาดูทีมนีกแสดงก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว เพราะหนังมาพร้อมกับทีมนักแสดงคุณภาพอัดแน่นมากๆ เพียงแต่ว่าน่าเสียดายเล็กน้อยที่บทหนังไม่ค่อยสร้างมิติได้สักเท่าไหร่ ทำให้เรื่องราวยังแบนราบไม่ต่างกับหนังดูสารคดีทั่วๆ ไป แต่กลับบดขยี้จี้จุดดราม่าได้ถึงขั้นและทำได้ดี โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ ที่ทำเอาคนดูต้องเสียน้ำตาพรากๆ ถึงกับหน้ากากอนามัยเปียกชุ่มอย่างเลี่ยงไม่ได้

หนังเรื่องนี้เป็นผลงานของ “ท็อดด์ โรบินสัน” ที่มาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับและเขียนบทเอง หลังจากที่มีประสบการณ์จากหนังแอคชั่นระทึกขวัญมาหลายเรื่อง เรื่องนี้ปรับสเกลความยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีกระดับ แต่อาจจะยังไม่ใช่หนังสงครามเต็มรูปแบบ เพราะหนังเลือกที่จะนำเสนอฉากความดราม่าสลับตัดกับภาพการต่อสู้ในสมรภูมิรบที่เกิดขึ้นในสงครามเวียดนาม

“เซบาสเตียน สแตน” ที่ต้องมาทำหน้าที่แบกรับหนังเรื่องนี้ ก็ถือว่าเขาทำได้ค่อนข้างดี แม้ว่าเหมือนจะเป็นตัวละครที่มาเป็นตัวผสานเรื่องราวทั้งหมดให้ก่อกลายเป็นเรื่องเดียวกันเป็นหนึ่ง จึงทำให้บทของเขายังค่อนข้างขาดๆ เกินๆ ดีไม่สุดแต่ก็ไม่แย่ที่สุด การแสดงของเขาก็ถือว่าเป็นบทที่ยังไม่ได้ท้าทายอะไรสักเท่าไหร่ เล่นไปตามน้ำตามบทที่ส่งเสริมมาให้ก็ถือว่าโอเคแล้ว

แต่ทางฝั่งของนักแสดงรุ่นใหญ่ที่อัดแน่นมาคับจอของเรื่องนี้ แม้บทหนังจะไม่ค่อยดี แต่มาได้การแสดงดีๆ ของนักแสดงยอดเยี่ยมก็ช่วยมองข้ามจุดด้อยไปได้ ไม่ว่าจะเป็น “แซมมวล แอล. แจ็กสัน”“เอ็ด แฮร์ริส” หรือ “วิลเลียม เฮิร์ต” พวกเขามารับบทเป็นอดีตทหารในกองพันที่ผ่านสมรภูมิอันสาหัส และเป็นพยานในวีรกรรมของวิลเลียม เอช. พิตเซนบาร์เกอร์ ที่ยืนกรานพยายามจะช่วยให้เขาได้รับเหรียญกล้าหาญในแบบนี้ควรจะได้

บทของนักแสดงรุ่นใหญ่คือมาเพียงส่งเสริมความหนักแน่นของหนังได้ถูกเวลา พวกเขาเป็นทหารผ่านศึกที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากสงคราม แผลทางกายยังเป็นแผลเป็นให้เห็น นับอะไรกับแผลทางใจที่ไม่มีใครเห็นด้วยซ้ำว่าข้างในนั้นพวกเขากำลังทนทุกข์อะไรอยู่บ้าง หนังสะท้อนให้เห็นถึงความเลวร้ายจากภัยสงครามที่เกิดขึ้น ทุกคนเหมือนค่อยๆ ตายไปทีละเล็กน้อยในทุกวัน ไม่ต่างอะไรกับการตายทั้งเป็น เพื่อรอวันตายจริงๆ ทีมนักแสดงชุดนี้ถือว่าถ่ายทอดออกมาได้ยอดเยี่ยมทีเดียว

The Last Full Measure อาจจะเริ่มเรื่องมาด้วยได้อย่างไม่ค่อยน่าสนใจ ยอมรับเลยว่าช่วงเกริ่นต้นเรื่องนั้นค่อยข้างน่าเบื่อสักหน่อย แต่พอจุดเครื่องสตาร์ทติดได้ในอีก 15 นาทีต่อมา ก็ทำให้หลับไม่ลง การเล่าเรื่องของหนังอาจจะยังดูสะเปะสะปะไปบ้าง แต่การถือว่าไม่ได้ทำให้โทนอารมณ์ของคนดูหายไป หนังค่อยๆ ไต่ระดับความพีคขึ้นเรื่อยๆ แล้วกระหน่ำกระสุนนัดสำคัญใส่คนดูในช่วงท้ายๆ ได้อยู่หมัด แม้จะพรั่งพรูไปบ้างแต่ก็เป็นความประทับใจในเรื่องนี้

ถึงแม้ว่า The Last Full Measure เรื่องนี้จะค่อนข้างเสริมแต่งแตกต่างจากเรื่องจริงไปสักหน่อย เพราะหลังจากดูหนังจบก็ไปรีเสิร์ชข้อมูลดูก็พบว่ามีเพียงตัวละคร พิตเซนบาร์เกอร์กับพ่อแม่ของเขาเท่านั้น ที่มีตัวตนอยู่จริง ขณะที่ตัวละครทหารผ่านศึกต่างๆ ถูกปรุงแต่งสร้างขึ้นมาเป็นตัว จากการรวบรวมข้อมูลของทีมงานและปลุกปั้นเป็นตัวละคร เช่นเดียวกับตัวละคร สก็อตต์ ฮัฟฟ์แมน ก็ไม่มีอยู่จริง แต่จริงๆ เป็นนักประวัติศาสตร์ท่านหนึ่งที่รวบรวมข้อมูลและผลักดันเรื่องนี้ได้บังเกิด

โดยภาพรวมแล้ว The Last Full Measure นับว่าเป็นหนังดราม่าสงครามที่ค่อนข้างสร้างความประทับใจให้กับคนดู หนังมีโทนในลักษณะคล้ายๆ กับหนังแนวเดียวกันอย่าง “Hacksaw Ridge” แต่เป็นการสลับทิศทางการเล่าเรื่องกัน เป็นการเน้นแนวทางสืบสวนและดราม่าชัด และนำเอามุมสงครามมาเป็นส่วนเสริมที่สร้างความแข็งให้กับเนื้อหา แม้ดราม่าจะเยอะว่าแอคชั่น แต่สิ่งที่ออกมาถือว่านี่เป็นหนังดี…ที่สมควรต้องดูและจดจำ!

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง The Last Full Measure วีรบุรุษโลกไม่จำ
ประเภท: ดราม่า / สงคราม
ผู้กำกับ: ท็อดด์ โรบินสัน
นำแสดงโดย: เซบาสเตียน สแตน, แบรดลีย์ วิทฟอร์ด, ซามูเอล แอล. แจ็กสัน
ความยาว: 116 นาที
เข้าฉาย: 1 ตุลาคม 2020

Movie.TrueID METRIC: “The Last Full Measure”
ภาพรวม: ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐ (8/10)
การเล่าเรื่อง: ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐ (8/10)
การแสดง: ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐ (9/10)
บทภาพยนตร์: ⭐⭐⭐⭐⭐⭐ (6/10)

————————————————–