The Divine Fury – มือนรกพระเจ้าคลั่ง

The Divine Fury – มือนรกพระเจ้าคลั่ง
— 7/10 —
เป็นหนังปราบผีแบบหมัดๆ 
ที่ชวนให้นึกถึงตัวละครอย่าง Constantine และครอบครัว Warren
แต่ค่อนข้างผิดหวัง มันธรรมดามาก แค่พอเพลิดเพลินได้เท่านั้น

The Divine Fury เป็นหนังที่มีวัตถุดิบที่น่าสนใจมาก น่าดูตั้งแต่เรื่องย่อและตัวอย่างแล้ว ไม่เคยเห็นหนังเกาหลีแนวแอ็คชั่นแฟนตาซี ที่เกี่ยวกับการไล่ผีแบบทางวาติกันเลยสักเรื่อง พวกการอ่านคัมภีร์ไบเบิล สวดมนต์ เหมือนตามหนังผี ฝั่งอเมริกา-ยุโรป พอเห็นมันในหนังเกาหลีแล้ว มันค่อนข้างเจ๋งในระดับนึงเลยทีเดียว

เรื่องราวของชายผู้หนึ่งที่หมดศรัทธาในพระเจ้า หลังจากพ่อของเขาต้องเสียชีวิตไป เขาต้องใช้ชีวิตกับคำถามที่ว่า “ทำไมตอนพ่อที่ผมตาย พระเจ้าไม่เห็นช่วยอะไรเลย” แต่มาวันหนึ่งมือขวาของเขาก็ได้เกิดแผลเป็นขึ้นมา กลายเป็นว่า แผลเป็นนั้นกลับไล่ผีได้ เขาจึงได้ไปช่วยเหลือบาทหลวง และเริ่มเรียนรู้การใช้พลัง เพื่อต่อกรกับ บิชอปดำ นักบุญปีศาจที่ใช้พลังช่วยร้ายมากลืนกินมนุษย์

หนังมีความยาว 2 ชั่วโมงนิดๆ ที่เรารู้สึกว่า นานไปสักหน่อย เพราะบางช่วงมันก็ค่อนข้างเนือย และพยายามยืดอย่างไม่จำเป็น ทั้งๆ ที่มีวัตถุดิบที่น่าสนใจ แต่มันก็ยังดูได้เพลินๆ นะ ต้องบอกก่อนว่าตัวหนังไม่ได้เน้นขายแอ็คชั่น มีฉากแอ็คชั่นจริงๆ จังๆ ก็ตอนท้ายเรื่องนั่นล่ะ ส่วนมากที่เห็นจะเป็นพิธีการไล่ผีซะมากกว่า ที่ต้องบอกเลยว่า ผี/ปีศาจ แต่ละตัวในเรื่องนี้ออกแบบมาได้น่ากลัวเหมือนกัน และเอฟเฟ็คก็ทำได้ดีซะด้วยนะ แต่ถึงจะอย่างนั้นก็น่าเสียดายที่พระเอกอย่าง พัค ซอจุน อุตส่าไปซ้อมมวยมาเล่นฉากแอ็คชั่นแท้ๆ แต่หนังไม่ได้โชว์ฉากแอ็คชั่น เท่าไหร่เลย พอมีก็ค่อนข้างธรรมดา ไม่ว้าว และไม่มีความเท่เอาเสียเลย โดยเฉพาะเทคนิคการปราบผีของเขา จืดชืดสุดๆ เสียดายจริงๆ 

แต่เอาเข้าจริงๆ คนที่เท่ที่สุดในเรื่องคือบาทหลวงอัน (รับบทโดย อัน ซึงกิ) นั่นแหละ ที่มีฉากไล่ผีทั้ง การสวด ท่าทาง เท่กว่าพระเอกอย่าง ยงฮู (รับบทโดย พัค ซอจุน) เสียด้วยซ้ำ แต่ชอบเคมีระหว่างสองตัวละครนี้มากเลยนะ รู้สึกว่าเข้ากั๊นเข้ากัน ดูอบอุ่น เหมือน พ่อ-ลูกเลย 

และตัวละครที่น่าเสียดายที่สุดคือ บิชอปดำ (รับบทโดย จีชิน) ที่จริงๆ ดูหล่อและร้ายมาก เปิดตัวนี่อย่างเท่ แต่ไม่ค่อยได้มีบทบาทอะไรเท่าไหร่เลย มาๆ ไปๆ นิดหน่อย แถมฉากจบที่ควรจะเท่กลับดูง่อยซะงั้น

จริงๆ ตัวบทมันค่อนข้างจะธรรมดาและเป็นเส้นตรงมาก อะไรๆ ก็ดูง่ายไปหมด เวลาที่พระเอกโดนวิญญาณร้ายโน้มน้าว ปั่นหัว จนเกือบหลุดเสียสติ แต่สุดท้ายก็กลับมาปกติอย่างเทพในเวลาเพียงไม่กี่นาที มันจึงไม่มีจุดหักของตัวละครมากเท่าที่ควร 

สรุป The Divine Fury – มือนรกพระเจ้าคลั่ง เป็นหนังที่ค่อนข้างผิดหวังเลยทีเดียว อาจทำให้นึกถึง Constantine และครอบครัว Warren ในแบบฉบับเกาหลี (ที่ดำเนินเรื่องไม่เหมือนกันหรอก แค่นึกถึงเฉยๆ 555) ไม่เท่อย่างที่คิด ไม่สนุกอย่างที่คาด แค่ดูได้เพลินๆ เท่านั้น