The 8th Night คืนที่ 8 ล่าหาร่างทรงปีศาจทั้งหก

 The 8th night คืนที่ 8

พบกับเรื่องราวของดวงตาปีศาจร้ายที่ถูกจองจำไว้ในหีบสองกล่อง กล่องหนึ่งอยู่สุดตะวันออกกลางทะเลทรายภายในบรรจุดวงตาสีเลือด อีกกล่องอยู่สุดตะวันตกท่ามกลางหุบเขามีดวงตาสีนิล ดวงตาสีนิลอยู่ในความดูแลของพระสงฆ์และหญิงสาวพรหมจรรย์ที่ส่งต่อมาหลายรุ่น แต่อยู่มาวันหนึ่งปีศาจตนนี้ได้กลับมาอีกครั้งด้วยมนต์พิธีกรรมในวันจันทร์สีเลือด และเมื่อมันฆ่าครบเจ็ดคน ถึงคราวนั้นมันจะได้รับดวงตาทั้งสองและคืนชีพกลับมาอย่างสมบูรณ์ หลวงพี่ผู้ดูแลหีบดวงตาจึงส่งพระหนุ่มนามว่าชางซอก ให้ไปหาหลวงพี่จินโซนักปราบปีศาจ เพื่อเตรียมทำลายพิธีคืนชีพปีศาจตนนี้ ในขณะเดียวกันนักสืบโฮเทตามสืบคดีฆาตกรรมสุดลึกลับ เมื่อสภาพศพคนแห้งเหี่ยวเกินธรรมชาติ ทำให้เขาจึงต้องไขคดีนี้ออกให้ได้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามต่อได้ภายในเรื่อง

[รีวิว] The 8th Night คืนที่ 8 ล่าหาร่างทรงปีศาจทั้งหก 1

การดำเนินเรื่องที่น่าค้นหาในช่วงแรกจะทำให้เราได้รู้จักความเป็นมาปีศาจภายในเรื่อง ที่จะต้องเหยียบก้อนหินทั้งเจ็ด (ในที่นี้หมายถึงการสิงสู่และฆ่าคน) หนึ่งในนั้นจะต้องมีหญิงพรหมจรรย์ด้วย ถึงจะเจอดวงตาที่พลัดพรากจากกัน  และเพื่อที่จะสามารถเปิดหีบได้ ต้องใช้ร่างของพระสงฆ์ที่เป็นผู้ดูแลดวงตาสีนิล โดยที่ปีศาจจะเริ่มไล่ล่าผู้คนคืนละคนไปเรื่อย ๆ ในขณะที่พระทั้งสองจะต้องหาหินทั้งเจ็ดก่อนที่ปีศาจตนนั้นจะเหยียบครบ แต่เรื่องราวกลับดำเนินได้อย่างช้ามากในฝั่งของตัวเอก มีการเล่าปมของหลวงพี่ และเดินหาชิว ๆ ในช่วงแรก ๆ ในขณะที่ตัวร้ายเริ่มฆ่าคนไปเกือบครบในช่วงแรกแล้ว  การดำเนินเรื่องของพระสองรูปนี้พึ่งเริ่มต้นเอง (เริ่มหาอย่างจริงจัง) ส่วนตำรวจเองเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักในช่วงแรกที่จะได้เห็นสิ่งที่ปีศาจทำ และเป็นส่วนเฉลยที่ทำให้เรารู้ความเป็นมาของปีศาจด้วย แต่กว่าจะเฉลยปมก็เกือบช่วงท้ายเรื่อง ซึ่งเมื่อปมถูกคลายออกมันทำให้เราตะลึงในความหักมุมของเรื่องทำให้หนังเรื่องนี้กลับมาดูอีกครั้ง แต่ก็คิดผิดเมื่อตอนท้ายกลับมาตกม้าตายเพราะความไม่สมเหตุสมผลของเรื่องถาโถมเข้ามาเรื่อย ๆ และการบิ้วอารมณ์คนดูทำได้ไม่ดีเท่าทีควร ฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องจึงน่าเบื่อไปเลย และบทสรุปของเรื่องก็ทำออกมาได้แย่มาก

แม้ว่าตัวหนังจะเป็นธีมหนังสยองขวัญแต่ภายในเรื่องกลับไม่มีฉากที่ทำให้เรารู้สึกกลัวได้เลย ภายในฉากจะเห็นเพียงแค่เลือด และมนุษย์ที่ถูกปีศาจสิงสู่มีลักษณะคล้ายซอมบี้ตามหนังเรื่องอื่นๆ จึงทำให้ไม่ได้มีความน่ากลัวเพราะเคยเห็นจนชินแล้ว ในทางกลับกันหนังพยายามที่จะทำออกเป็นแนวสืบสวนซะมากกว่า ค่อย ๆ เล่าความเป็นมาของแต่ละตัวละคร แต่นำมาเล่นประเด็นได้ไม่ค่อยตรงเท่าไหร่ วิธีการเล่าอาจจะทำให้ผู้ชมงงได้ ยิ่งการเล่นประเด็นเกี่ยวกับกิเลส ความรับผิดชอบ และบาปที่เกิดขึ้น ซึ่งจะสื่อว่าสิ่งเหล่านี้คือตัวแทนของปีศาจ เหมือนปีศาจเป็นตัวแทนของบาปแต่ละคน และตอนท้ายก็จบลงด้วยการทำเป็นหนังปราบผีที่ทำออกมาค่อนข้างเวอร์มาก แต่ไม่มีความสนุกเลย

สิ่งที่แบกเรื่องนี้ไว้ได้คือการปูเรื่องที่น่าสนใจ และการแสดงของ Nam Da-Reum (เคยเล่นซีรีส์ Start-up) และ Lee Sung-Min (เคยเล่นซีรีส์ The beast) ที่เล่นได้ดีมาก การแสดงออกทางท่าทางทำออกมาได้ดี มีความเป็นพ่อลูกกันมากภายในเรื่อง และอีกคนคือ Kim You-Jung ที่รับบทเป็นหญิงพรมจรรย์ซึ่งบทออกมาค่อนข้างน้อยมาก แต่มาแต่ละครั้งน่ารักมาก ๆ เสียดายบทไม่ส่งให้ มีเพียงแค่ยืนมองและพูดบ้างเล็กน้อย

[รีวิว] The 8th Night คืนที่ 8 ล่าหาร่างทรงปีศาจทั้งหก 2
มือหนึ่งถือขวาน อีกมือถือลูกประคำ หลวงพี่จินโซนักล่าปีศาจ

ผู้กำกับและผู้เขียนบทฉลาดในการเขียนบทที่จะแบ่งออกเป็นสามมุมมองเพื่อให้เราได้เข้าใจสถานการณ์ในแต่ละด้าน และการดำเนินเหตุการณ์ของแต่ละคนทำให้ผู้ชมได้เข้าใจถึงแก่นเรื่องมากขึ้น ทุกคนต่างมุ่งกับงานของตน และมาบรรจบกันในช่วงกลางและท้ายเรื่อง ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเมื่อทั้งทั้งสามกลุ่มมาเจอกัน แต่ช่างน่าเสียดายที่ผู้กำกับยังเล่าเรื่องได้ไม่เก่ง และยังเล่นประเด็นต่าง ๆ ได้ไม่ค่อยดี ส่งผลให้ผู้ชมตามเรื่องไม่ทัน และกลายเป็นน่าเบื่อในที่สุด

โดยรวมแล้วเนื้อเรื่องและตัวละครภายในเรื่องน่าสนใจเป็นอย่างมาก และการหักมุมที่ทำให้คนดูว้าว แต่เสียเพียงแค่การเล่าเรื่องปมที่เข้าใจยาก และแบ่งเวลาช่วงพีคได้ไม่ดี ทำให้หนังมีความน่าเบื่อเป็นระยะ จึงทำให้สองชั่วโมงของหนังมีแต่เล่าปมเดิม ๆ เหมือนวนอ่างทำให้เบื่อได้ง่าย ๆ แต่โดยรวมถือว่าดูเอาบันเทิงได้สำหรับหนังล่าผีอีกเรื่อง

เฉลยปมที่อยู่ภายในเรื่อง *Spoil*

เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากนักโบราณคดีที่ถูกกล่าวหาว่าหลักฐานทางโบราณคดีดวงตาสีเลือดเป็นของปลอม เขาจึงตั้งชมรมชมรมวิปัสสนาเพื่อนำหินนำทางทั้งเจ็ดมารวมตัว และนำเลือดของพวกเขามาเป็นเครื่องเซ่นให้ปีศาจ เพื่อพิสูจน์ว่าดวงตานี้เป็นของจริง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีลูกสาวบุญธรรมของเขาที่เป็นหญิงสาวพรหมจรรย์ด้วย เขาได้นำเลือดของลูกสาวตนเองมาชโลมดวงตาสีเลือดเพื่อให้วิญญาณไปตามหาพระผู้ดูแลดวงตาสีนิล ตัวเอกที่เห็นวิญญาณจึงเข้าใจผิดว่าเป็นมนุษย์ แต่ความจริงกลับเป็นดวงวิญญาณที่ถูกปีศาจจองจำไว้ ส่วนเหยื่อที่เหลือที่เคยเข้าร่วมพิธีปลุกชีพปีศาจต่างก็เป็นร่างทรงให้ปีศาจเพื่อตามหาดวงตาสีนิลต่อไป สิ่งที่ผู้สร้างทำให้ผู้ชมเข้าใจผิดคือการที่ถ่ายทอดภาพของหญิงพรหมจรรย์จะต้องเป็นหินสุดท้ายที่ปีศาจเหยียบ และเหล่าตัวเอกตามหาหญิงสาวพรหมจรรย์เพราะคิดว่ายังไม่ตาย แต่ทั้งที่จริงเธอตายไปนานแล้ว นี้เป็นจุคพีคภายในเรื่อง แต่ก็จะไปทำให้สิ่งที่อธิบายในช่วงแรกกลายเป็นผิด

ส่วนประเด็นของหลวงพี่ที่มีต่อตัวเอกคือ ลูกเมียของหลวงพี่เคยประสบอุบัติเหตุทำให้เสียชีวิต ซึ่งอีกฝั่งก็เป็นเด็กกับผู้หญิงเหมือนกัน จึงมีเพียงแค่ตัวเอกเท่านั้นที่รอดในอุบัติเหตุครั้งนั้น และถูกส่งไปที่วัด จึงทำให้ปีศาจเข้ามาล่อลวงหลวงพี่ให้ฆ่าตัวเอก แต่หลวงพี่ไม่ยอมและเสียสละตัวเอง ผู้สร้างน่าจะต้องการสื่อว่า ปีศาจเป็นเสมือนกิเลสของมนุษย์ที่ต้องการจะปลดปล่อยออกมา และหลวงพี่ต้องปล่อยวางสิ่งที่ผูกติดกับเขามาตั้งแต่ต้นด้วยการช่วยเหลือตัวเอก และยอมเสียสละตัวเองไปเพื่อเข้าถึงนิพพาน

สิ่งที่น่าเสียดายอีกอย่างคือบทของนักสืบที่เหมือนจะเป็นกุญแจหลักในตอนจบที่รู้ปัญหาทั้งหมด แต่กลับโผล่มายิงแค่หลวงพ่อ และโดนตัวเอกที่โดนสิงผลักชนต้นไม้ตาย จึงทำให้บทจบเพียงแค่นี้ ทั้งที่ปมของตัวละครนี้ยังแก้ไม่เสร็จเลย และในท้ายที่สุดปีศาจที่คืนชีพสมบูรณ์แล้วในร่างตัวเอก ถูกย้ายเข้าไปในร่างหลวงพ่อและตายไปพร้อมกัน เป็นอะไรที่สร้างความงงมาก ๆ ทั้งที่ในเรื่องกล่าวไว้ว่าถ้าได้ครบคือไร้เทียมทาน แต่กลับแพ้พลังมิตรภาพ

เสียงพากย์/บรรยาย: เสียง อังกฤษ/ญี่ปุ่น/เกาหลี/ไทย

บรรยาย: ไทย

ระยะเวลา 1 ชม. 54 นาที