Flee

Flee

นี่คือหนังแอนิเมชั่นที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาได้สักพัก เพราะหนังค่อนข้างโดดเด่นตามเทศกาลหนังต่างๆ อีกทั้งนักวิจารณ์ยังยกนิ้วให้เป็นแถบๆ ล่าสุดก็กำลังมีบทบาทบนเวทีรางวัลต่างๆ อยู่ด้วย นี่คือ “Flee” หนังที่ทำให้เราใคร่สงสัยจังเลยว่า…ทำไมหนังการ์ตูนเรื่องเล็กๆ จากเดนมาร์กเรื่องนี้ถึงได้เป็นที่พูดถึงกัน และเมื่อได้แทรกซึมเข้าไปสัมผัสกับเนื้อหาของเรื่องนี้ก็ทำให้รู้ว่า มันเซอร์ไพรส์และอิมแพคได้มากกว่าที่คิดเยอะเลย

รีวิวหนัง Flee

Flee เป็นหนังที่เล่าเรื่องราวของ อามิน นาวาบี ชาวอัฟกานิสถาน ที่ต้องลี้ภัยจากสถานการณ์ในบ้านเมืองของเขาออกจากประเทศบ้านเกิดตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ ประเทศบ้านเกิดของเขา อามินไม่เคยเล่าสิ่งที่เคยเผชิญให้คนรักหรือใครคนอื่นฟังเลย และนี่เป็นครั้งแรกที่ความลับอันเจ็บปวดที่เขาเก็บงำไว้มากว่า 20 ปีจะถูกเปิดเผย กับนิยามคำว่า ‘บ้าน’ หมายถึงอะไร แต่สำหรับอามินนั้น บ้านคือที่ที่ปลอดภัย ที่ที่เรารู้ว่าเราจะอยู่ได้ และไม่ต้องหนีไปไหนอีกแล้ว…

เรียกได้ว่าไม่ประหลาดใจเลยที่นักวิจารณ์จะชอบหนังเรื่องนี้ เพราะเราก็ชอบมากๆ เช่นเดียวกัน นี่คือหนังสารคดีที่เป็นการนำเสนอในรูปแบบหนังแอนิเมชั่น แค่กิมมิกตรงนี้ก็ถือว่าสร้างความประทับใจและความโดดเด่นให้กับหนังได้แล้ว หนังเป็นการเล่าเรื่องผ่านแอนิเมชั่นแบบลายเส้นวาด ที่ผสมผสานไปกับฟุตเทจภาพถ่ายจริงๆ สลับกันไปที่ถือว่าเป็นสร้างอรรถรสได้ดีระดับ โดยเป็นฝีมือของ “โยนัส โพเฮอร์ รัสมุสเซน” ผู้กำกับชื่อดังของเดนมาร์ก

รีวิวหนัง Flee

และแน่นอนว่า Flee เป็นการนำเสนอเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง ผ่านการเล่าเรื่องชีวิตของ อามิน นาวาบี ชาวอัฟกานิสถานที่ปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่เดนมาร์ก คือถ้าหากว่าหนังเรื่องนี้ทำออกมาเป็นหนังสารคดีทั่วๆ ไป คนนั่งสัมภาษณ์กับใส่ฟุตเทจลอยๆ ก็น่าจะเป็นแค่หนังสารคดีธรรมดาเรื่องหนึ่ง แต่พอได้มาปรับวิสัยทัศน์และใส่ความเป็นแอนิเมชั่นเข้าไปเป็นองค์ประกอบหลักในการเล่าเรื่องด้วยแล้ว มันอยากเป็นองค์ประกอบที่ช่วยยกระดับตัวหนังได้ขึ้นเป็นกอง และสามารถใส่ลูกเล่นในการเล่าเรื่องได้อย่างสร้างสรรค์อีกด้วย

บทหนังอาจจะไม่ต้องพึ่งอะไรสักเท่าไหร่ เพราะเรื่องราวของอามินนั้น ค่อนข้างอิมแพคเป็นอย่างมากอยู่แล้ว การถ่ายทอดชีวิตที่ดิ้นรนในฐานะผู้ลี้ภัยของเขามาตั้งแต่ยังเด็กๆ กับการเปลี่ยนแปลงที่บ้านเกิด และจำเป็นต้องหนีออกมาเพื่อความปลอดภัย หนีไปอยู่ในประเทศที่ไม่คุ้นเคย ใช้ชีวิตบนความเสี่ยงในต่างแดน ยอมเสี่ยงกับการเดินทางที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ภาพทุกๆ อย่างล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราได้เคยเห็นจากข่าวผู้ลี้ภัยในปัจจุบันทั้งสิ้น

รีวิวหนัง Flee

ประเด็นในเรื่องของ Flee นั้น ถ้าเต็ม 10 ก็อยากจะให้ไปสัก 100 เพราะข้อความของหนังเรื่องนี้สามารถเก็บได้แทบจะทุกเม็ด นอกจากประเด็นเรื่องผู้ลี้ภัยแล้ว ยังตามมาด้วยเรื่องราวการใช้ชีวิตของชายต่างถิ่นในประเทศอื่น และเขาก็ยังเป็น LGBTQ ที่มาจากประเทศบ้านเกิดที่การเบี่ยงเบนทางเพศเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์อีกด้วย หนังถ่ายทำจุดนี้ได้ออกมาเป็น coming-of-age ที่น่าหลงใหลและสนุก เป็นจุดที่ช่วยเบรกแรงกดดันและความเครียดจากเรื่องราวการลี้ภัยได้เป็นอย่างดี

โดยภาพรวมแล้ว ก็คงจะต้องยกให้ Flee กลายเป็นหนังแอนิเมชั่นที่ดีที่สุดในรอบที่ผ่านมา เพราะแค่การเป็นหนังแอนิเมชั่นสารคดีก็ทำให้รู้สึกว้าวแล้ว แต่องค์ประกอบการประเด็นของเรื่องยังหนักแน่นและครบถ้วนกินใจอย่างเป็นที่สุด ตลอดเวลาชั่วโมงครึ่งที่ได้ซึบซาบเรื่องราวของผู้ลี้ภัยรายนี้เข้าไปนั้น เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งซาบซึ้ง ทั้งสะเทือนใจ ทั้งหดหู แต่อย่างน้อย…ทุกๆ โมเมนต์ก็ล้วนแต่เต็มไปด้วยความหวัง

รีวิวหนัง Flee

จึงทำให้หนังแอนิเมชั่นที่ว่าด้วยชีวิตของผู้ลี้ภัยเรื่องนี้ เป็นหนึ่งที่มีองค์ประกอบดีเลิศเป็นหนึ่ง และคงจะต้องขอเชียร์ดังๆ ให้หนังได้รับรางวัลในทุกเวทีที่ได้เข้าชิง ไม่ว่าจะสาขาหนังต่างประเทศ สาขาหนังแอนิเมชั่น หรือสาขาหนังสารคดี และประโยคที่รู้สึกกินใจมากๆ ของหนังที่ยังก้องอยู่ในหู ก็คือประโยคเริ่มต้นที่ว่า… “คำว่าบ้านสำหรับคุณหมายถึงอะไร สำหรับผม บ้านคือที่ที่ปลอดภัย ที่ที่เรารู้ว่าเราจะอยู่ได้ และไม่ต้องหนีไปไหนอีกแล้ว…” และนี่คือข้อความที่จริงใจที่สุดที่น่าจะมาจากก้นบึ้งหัวใจของผู้ลี้ภัยบนโลกใบนี้…

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Flee

  • ประเภท: แอนิเมชั่น / สารคดี
  • ผู้กำกับ: โยนัส โพเฮอร์ รัสมุสเซน
  • ความยาว: 88 นาที
  • กำหนดฉายในไทย: 3 กุมภาพันธ์ 2022 (ในโรงภาพยนตร์)

Movie.TrueID METRIC: Flee

  • ภาพรวม
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10)
  • การเล่าเรื่อง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10)
  • งานสร้าง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10)
  • บทภาพยนตร์
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10)

————————————-