นี่คือโดราเอมอนภาคพิเศษตอนแรกที่ผมได้ดูครับ จำได้เลยสมัยนั้นไม่เคยรู้มาก่อนว่านอกจากโดราเอมอนจะมีตอนปกติให้ดูแล้ว ยังมีภาคพิเศษตอนยาวออกมาอีกด้วย ตอนนั้นผมเช่าวีดีโอมาดูด้วยความตื่นเต้นครับ เป็นของวีดีโอสแควร์ ตั้งชื่อว่าตอน หงอคงโนบิตะ ภาคนี้ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับไซอิ๋วครับ เรื่องมาเริ่มเพราะโนบิตะเชื่อว่าหงอคงมีตัวตนจริงๆ เลยลองนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาไปแล้วเขาก็เจอหงอคงขี่เมฆวิเศษบินผ่านหน้าไปจริงๆ ทีนี้เขาก็ยิ่งเชื่อเลยครับ จนในที่สุดพวกเพื่อนๆ ก็ตามมาด้วยกะจะดูหงอคงให้เห็นกับตา แล้วนั่นล่ะครับคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย อันนำมาสู่การผจญภัยในโลกไซอิ๋วของจริง สมัยเด็กดูแล้วตื่นเต้นครับ ได้เจอทั้งโดราเอมอนแล้วยังยำไปสู่เรื่องไซอิ๋วอีก ตอนเป็นเด็กดูแล้วสนุกสุดๆ ไปเลย ครั้นพอได้ดูตอนโตขึ้นก็ยังสนุกครับ เพียงแต่ความชอบอาจไม่มากเท่าสมัยก่อน นอกจากนี้หัวสมองเจ้ากรรมยังแอบคิดตามประสาผู้ใหญ่ที่เห็นจุดโหว่โน่นนี่ของหนัง แต่ก็พยายามลืมๆ ครับ เพราะมันการ์ตูนนี่เน้อะ จะไปเหตุผลมากก็หมดสนุกกันพอดี แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของเนื้อหาและประเด็นแล้ว ภาคนี้ถือว่าไม่ค่อยมีอะไรนักครับ สาระหลักๆ ก็หนีไม่พ้นเรื่องความรับผิดชอบ…
Category: รีวิวหนัง
The Mitchells vs the Machines (2021) บ้านมิตเชลล์ปะทะจักรกล
มีชาวเพจท่านหนึ่งแนะนำให้ดูเรื่องนี้ ซึ่งผมก็ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้เลยครับที่แนะนำ เพราะหนังสนุกมาก ถูกใจผมอย่างยิ่งจริงๆ จนอยากแนะนำให้ทุกท่านได้ลองชมกันสักครั้งครา The Mitchells vs the Machines ว่าด้วยครอบครัวมิตเชลล์ที่กำลังอยู่ในทริปขับรถไปส่งลูกสาวคนโตเข้าเรียนมหาลัย แต่แล้วก็เกิดเหตุโลกแตกขึ้นเมื่อมีเหล่าหุ่นยนต์ก่อการจับกุมมวลมนุษย์ไปขังไว้แล้วหมายจะครองโลกทั้งใบ และไปๆ มาๆ ครอบครัวมิตเชลล์สุดป่วนก็กลายเป็นความหวังของมนุษยชาติในการกอบกู้โลกคืนกลับมา เป็นแอนิเมชั่นที่กลมกล่อมมากๆ ครับ ยกนิ้วโป้งให้ 2 ข้างเลย ในแง่ความสนุกความบันเทิงถือว่าเยอะ มีความตื่นเต้นชวนลุ้น การผจญภัยชวนติดตาม และแน่นอนว่าอุดมด้วยอารมณ์ขันมุกฮา เรียกว่าครบเครื่องสำหรับหนังครอบครัวที่ดูได้สนุกตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่ แต่ที่ถือว่ามากเกินคาดคือความน่ารักอบอุ่นกินใจครับ หนังสอดแทรกเรื่องครอบครัวลงไปได้อย่างพอเหมาะ ซึ่งครอบครัวมิตเชลล์นี้ก็ไม่ได้เป็นครอบครัวที่เลอเลิศอะไรครับ พวกเขาคือคนธรรมดาที่รักเป็นโกรธเป็น…
I Just Wanna Hug You (2014) มีเธอ มีฉัน มีกันตลอดไป
I Just Wanna Hug You หนังโรแมนติกผสมชีวิตที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของชายหญิงคู่หนึ่งที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลายประการกว่าจะได้ครองคู่กัน มาซากิ (Ryô Nishikido) คือหนุ่มขับแท็กซี่ที่หากมีเวลาว่างก็จะไปเล่นกีฬากับเพื่อนๆ ทีนี้อยู่มาวันหนึ่งโชคชะตาก็พาเขาไปพบกับ สึคาสะ (Keiko Kitagawa) สาวพิการผู้ต้องนั่งรถเข็นเวลาจะไปไหนมาไหน แล้วเมื่อเขากับเธอได้เจอกันบ่อยขึ้นหัวใจของมาซากิก็เริ่มรู้สึกดีๆ กับสึคาสะครับ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักของพวกเขา ว่าตามจริงเนื้อเรื่องนั้นออกแนวชีวิตรันทดอยู่พอสมควรครับ แต่ผู้กำกับ Akihiko Shiota ตั้งใจนำเสนอออกมาด้วยพลังบวก ให้คนดูดูแล้วมีความหวัง มีความรู้สึกดีๆ และ Feel Good ซึ่งก็ถือว่าหนังทำได้สำเร็จพอตัว ดูแล้วมีความสุข มีความอบอุ่น แม้จะมีน้ำตาบ้างในบางช่วงตอน แต่โดยรวมแล้วหนังทำให้รู้สึกน่ะครับว่าชีวิตยังมีความหวัง…
Unhinged (2020) เฮียคลั่ง! ดับเครื่องชน
Unhinged ว่าด้วย ราเชล (Caren Pistorius) คุณแม่ลูกหนึ่งที่ตื่นสายและกำลังเจอกับวันแย่ๆ แล้วเธอก็ไปบีบแตรใส่รถที่จอดแช่ตอนไฟเขียว ซึ่งคนขับรถคันนั้น (Russell Crowe) ก็ขับตามมาเทียบข้างๆ และต้องการให้ราเชลขอโทษ แต่ทีนี้เธอกำลังหงุดหงิดน่ะครับ เลยพูดไม่ดีออกไป และนั่นแหละคือจุดเริ่มของหายนะครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ หนังจัดว่าทำออกมาได้ระทึกพอดูครับ ดีกรีความระทึกทั้งหลายก็ได้มาจากการแสดงของ Crowe นี่แหละ พี่แกดูหงุดหงิดเม้งแตกและดูอันตรายจริงๆ ส่วน Pistorius ก็ถือว่าไปได้ดีกับบทครับ ตอนต้นเธอก็ทำให้เราเชื่อนั่นแหละว่าวันนี้เธอกำลังหงุดหงิด และเมื่อเธอเจอกับเรื่องร้าย เธอก็ทำให้เราเชื่ออีกเหมือนกันว่าเธอกำลังไปไม่เป็นและทำอะไรไม่ถูก ใครไม่ชอบหนังเครียดๆ ก็อาจไม่เหมาะกับเรื่องนี้ครับ เพราะระดับความกดดันในเรื่องก็มากอยู่ และบทของ Crowe ก็จัดว่าโหดอยู่เหมือนกัน ยอมรับว่าตอนแรกก็ไม่นึกนะว่าแกจะอาละวาดได้โหดขนาดนี้ นึกว่าแค่คุกคามข่มขู่ แต่นี่กะเอาตายกันไปเลย ถือเป็นตัวละครที่น่ากลัวทีเดียวครับ ดูหนังแล้วก็ย้อนคิดน่ะนะครับ…
นักสืบไชน่าทาวน์ (2020) Detective Chinatown
ผมดูซีรี่ส์ชุดนี้หลังจากดู Detective Chinatown ฉบับภาพยนตร์จนครบ 3 ภาคแล้วน่ะครับ คือมารู้ทีหลังว่ามีซีรี่ส์ชุดนี้อยู่ในโลก แล้วมันก็เกี่ยวข้องกับ DC ฉบับหนังใหญ่ด้วย ซึ่งพอดีที่ Monomax มีให้ดูแบบพากย์ไทย ก็เลยจัดซะ อย่างแรกเลยคือซีรี่ส์นี้ให้คำตอบที่ผมคาใจพอตัวตอนดู DC ภาค 3 เพราะมันจะมีบางตัวละครโผล่เข้ามาในเรื่องแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ตอนดูรอบนั้นก็งงเหมือนกันว่าหมอนี่ใครฟะ แล้วพวกนี้ใครเนี่ย จนมาได้คำตอบตอนดูซีรี่ส์นี่แหละครับ เพราะตามไทม์ไลน์แล้วเรื่องในฉบับซีรี่ส์นี่เกิดขึ้นไล่ๆ กับภาค 2 และมาก่อนภาค 3 ซีรี่ส์นี้มี 3 คดีครับ คดีละ 4 ตอน โดยคดีแรก The…
The Prince (2014) คนอึดแค้นเกินพิกัด
พอล (Jason Patric) อดีตมาเฟียระดับตำนานเจ้าของฉายา “เดอะ พริ้นซ์” ได้ล้างมือจากวงการ แล้วหันไปใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมืองห่างไกล แต่เมื่อเขารู้ว่าเบธ (Gia Mantegna) ลูกสาวของเขาหายตัวไป เขาเลยต้องออกโรงตามหาลูก อันนำเขาไปสู่การเผชิญหน้ากับสารพัดอันตรายและรอยแค้นจากอดีตที่รอคอยเขาอยู่ The Prince มาในแนว Taken ผสมด้วย John Wick ครับ ถือเป็นโครงเรื่องที่หากทำออกมาดีๆ นี่มีสิทธิ์ออกมาเป็นหนังมันส์ได้เลย แต่ก็คงพอจะเดาได้น่ะนะครับว่าผลลัพธ์มันไม่ใคร่จะมันส์สักเท่าไรหรอก แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้แย่จนเกินงามนะครับ จริงๆ ถือว่าพอดูได้สำหรับหนังเกรดบีสักเรื่อง เพราะอย่างน้อยหนังก็พอจะมีองค์ประกอบดีๆ ให้เราดูอยู่ องค์ประกอบดีๆ ที่ว่าก็คือดาราที่มาเล่นครับ แต่ละคนถือว่าทำหน้าที่ได้โอเค คืออาจไม่ถึงกับดีแต่ก็ถือว่าโอเค พอรับได้…
Just Like Heaven (2005) รักนี้… สวรรค์จัดให้
Just Like Heaven ทำให้ผมนึกย้อนไปสมัยที่หนังโรแมนติกยังมีให้เราดูในโรงอยู่เรื่อยๆ ครับ ช่วงนั้นมาแทบทุกเดือน สนุกมากสนุกน้อยก็ว่ากันไป แต่ส่วนใหญ่จะค่อนข้างโอเค ดูแล้วได้รอยยิ้มและความสุข หนังเล่าถึงเดวิด แอ๊บบอตต์ (Mark Ruffalo) สถาปนิกหนุ่มที่ย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง แล้วเขาก็ต้องเจอกับเรื่องประหลาด เมื่อมีหญิงสาวนางหนึ่ง (Reese Witherspoon) ชอบโผล่มาในห้องเขาอยู่เรื่อย ตอนแรกนึกว่าภาพหลอนแต่ที่ไหนได้เธอเป็นผีครับ ผีที่ชือเอลิซาเบธ มาสเตอร์สัน คุณหมอสาวทีประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายเดือนก่อน แต่วิญญาณเธอยังไม่ไปไหนเพราะนี่คือห้องที่เธอเคยอยู่เหมือนกัน ตอนแรกเดวิดกับเอลิซาเบธก็ตีกันกวนกันตามสูตรน่ะครับ ก่อนที่พวกเขาจะค่อยๆ รู้สึกผูกพันกัน แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาจะได้ลงเอยกันไหม ก็ต้องไปดูกันในหนังนะครับ ช่วงต้นๆ หนังอาจดูเรื่อยๆ…
Glass Onion: A Knives Out Mystery (2022) ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าเพื่อน
หลังดู Glass Onion จบ ผมก็ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงในการถามตัวเองว่าตกลงรู้สึกยังไงกับหนัง? หนังมาในแนวสืบสวนผสมอารมณ์ขันตามรอยความสำเร็จจากภาคแรก ตัวเอกคือเบนัวต์ บลองค์ (Daniel Craig) ที่จู่ๆ ก็ได้รับคำเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงพิเศษที่จัดขึ้นโดย ไมลส์ บรอน (Edward Norton) นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล และคนอื่นๆ ที่ได้รับเชิญมาก็คือหมู่เพื่อนพ้องกลุ่มตัวป่วนของเขานั่นเอง ตอนแรกไมลส์หมายมั่นจะให้ทุกคนมาร่วมเล่นเกมไขคดีฆาตกรรมปริศนาที่เขาคิดขึ้นครับ แต่ไปๆ มาๆ ดันมีคนตายเข้าจริงๆ นักสืบบลองค์ก็เลยต้องออกโรงตามล่าหาความจริง กระชากหน้ากากฆาตกรออกมาให้จงได้ จริงๆ มันก็ดูได้เพลินๆ นะครับ สนุกดีนั่นแหละ เพียงแต่แอบรู้สึกว่าภาคแรกมีความแน่นกว่าไม่ว่าในเรื่องบทหรือดาราที่แม้ภาคนี้ตัวละครจะน้อยลง แต่ผมกลับรู้สึกว่าภาคแรกตัวละครแต่ละตัวมีโมเมนต์ของตัวเองมากกว่า ชวนให้จดจำมากกว่าแม้จะขนมากันเป็นโหลก็ตาม…
Knives Out (2019) ฆาตกรรมหรรษา ใครฆ่าคุณปู่
สำหรับผมแล้ว ความสนุกของ Knives Out ไม่ได้อยู่ตรงการเดาตัวฆาตกร (เพราะสารภาพตามตรงว่าพอจะเดาได้ตั้งแต่แรกๆ แล้ว) แต่มันสนุกเพราะหนังมีองค์ประกอบดีๆ มาผสมกันอย่างพอเหมาะ ไม่ว่าจะทีมดารามือดี การเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิง มีรายละเอียดและมีอะไรให้ตามอยู่เรื่อยๆ และโทนของเรื่องที่ไม่หนักไม่เบาจนเกินไป ดูแล้วได้อารมณ์หนังสืบสวน แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เรายิ้มได้เป็นระยะๆ พล็อตหลักง่ายมากครับ นักเขียนนิยายสืบสวนชื่อดัง ฮาร์ลาน ทรอมบี (Christopher Plummer) เสียชีวิต ตอนแรกก็เหมือนว่าเขาจะฆ่าตัวตาย แต่ไปๆ มาๆ มันชักจะมีเงื่อนงำมากกว่านั้น ไหนจะการมาของเบนัวต์ บลองค์ (Daniel Craig) นักสืบที่จู่ๆ ก็โผล่มาเฝ้าดูการสืบสวนคนในบ้าน…
รีวิวหนัง “You People” กาวใจแฟมิลี่กับจดหมายเหตุสังคม ที่มีพูด..พูด..พูด!
ต้องยอมรับว่าหน้าหนังของเรื่องนี้จะค่อนข้างดึงดูดไม่น้อย แค่เห็นรายชื่อนักแสดงก็ต้องหยุดแล้ว นี่คือ “You People” หนังที่มีมากับแนวตลกโรแมนติกผสมผสานกลิ่นหนังครอบครัวแบบ 2 บ้านปะทะกันอะไรแบบเชย ๆ แต่ร่วมสมัยด้วยกาหยิบเอาประเด็นทางสังคมเข้ามาเป็นองค์ประกอบสร้างสีสัน ทำให้หนังเรื่องนี้เหมือนกับจดหมายเหตุสังคมในยุคที่ผ่านมา ที่หยิบนำมาสอดเสียดได้อย่างมีชั้นเชิง You People เล่าเรื่องราวของ เอซรา กับ อามีรา เป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันและครอบครัวของพวกเขาที่ต้องมาร่วมเรียนรู้ความรักและความสัมพันธ์ในครอบครัวยุคใหม่ ท่ามกลางความขัดแย้งทางวัฒนธรรม ความคาดหวังของสังคม และความแตกต่างของคนแต่ละรุ่น มันจะออกมาในรูปแบบที่พวกเขาคาดหวังให้เป็นหรือไม่ แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้เป็นการผนึกกำลังผสมผสานแนวคิดของ “โจนาห์ ฮิลล์” กับ “เคนยา บาร์ริส” ผู้กำกับของหนัง ที่พวกเขาได้ร่วมกันเขียนบทหนังออกมา ทั้งวิสัยทัศน์และไอเดียของหนังเรื่องนี้สามารถไว้วางใจในมือของมืออาชีพได้…