Always Amore (2022)

ร้านอาหารอิตาลี อิลชีโบเอวิตา (Il Cibo E Vita) บนเกาะเบนบริดจ์ กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ ส่งผลให้ที่ปรึกษาร้านอาหารมืออาชีพอย่าง เบน เอลเลียต (Tyler Hynes) ถูกตามมาเพื่อแก้สถานการณ์ แต่โจทย์ใหญ่เลยก็คือเจ้าของร้านอย่าง อลิซาเบธ คัมปีซี (Autumn Reeser) ไม่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะเธออยากถนอมรักษาสิ่งต่างๆ ในร้านที่สามีผู้ล่วงลับของเธอได้ก่อร่างสร้างไว้ แต่เมื่อถึงจุดที่ร้านอาจต้องปิดตัว เบนและอลิซาเบธเลยต้องหันมาช่วยกัน ร่วมกันหาทางออกให้กับร้านอาหารเล็กๆ ที่เปี่ยมไอรักแห่งนี้ Always Amore คือหนังรักผสมดราม่าที่มีเรื่องราวของร้านอาหารเป็นฉากหลังครับ ว่าแบบไม่อ้อมค้อมเลยคือหนังดูได้เรื่อยๆ ความกลมกล่อมอาจไม่มาก…

ตี๋เหรินเจี๋ย ทองคำที่สูญหาย (2018) Detective Dee: The Lost Gold

จะว่าไปผมก็โอเคกับหนังตี๋เหรินเจี๋ยนะครับ มีสืบสวน มีแอ็คชั่น ดูเพลินดี ทีนี้หลังจากดูตี๋เหรินเจี๋ยไตรภาคของฉีเคอะจบ ผมก็คิดจะดูหนังตี๋เหรินเจี๋ย “อื่นๆ” ต่อไป แล้วก็พบว่ามันมีเพียบเลยครับ มีเป็นสิบๆ ตอน มีเยอะจนงงเลยว่าเราจะเริ่มดูจากอันไหนล่ะเนี่ย และตอนไหนเป็นของเวอร์ชั่นไหน ตอนไหนมันต่อกับตอนไหน ก็เรียกว่าอึ้งไปพักใหญ่ครับกว่าจะตั้งสติเริ่มดูได้ เพราะข้อมูลภาษาอังกฤษก็มีไม่เยอะ ครั้นภาษาจีนเราก็ไม่กระดิกเลย ต้องใช้เวลาคลำทางอยู่พอสมควร ในที่สุดก็ตั้งหลักโดยการดูแบบเรียงตามปีครับ อันไหนสร้างก่อนก็ไล่ดูจากอันนั้น แล้วก็อ้างอิงจากดาราที่แสดงเป็นเหล่าตี๋ ดูว่าดาราคนไหนเล่นเป็นเหล่าตี๋กี่ตอน ก็ไล่เรียงไปจนพอจะตั้งหลักได้ แล้วผมก็เริ่มกับเรื่องนี้ครับ ตี๋เหรินเจี๋ย ทองคำที่สูญหาย หรือ Detective Dee: The Lost Gold หนนี้ตี๋เหรินเจี๋ย…

ตี๋เหรินเจี๋ย ชะตาดาววิบัติ (2020) Detective Dee: Solitary Skies Killer

ตี๋เหรินเจี๋ย ชะตาดาววิบัติ เป็นเรื่องราวต่อจากพลิกแฟ้มคดีของตี๋เหรินเจี๋ยครับ สำหรับคดีนี้เหล่าตี๋ของเรา (ตู้อี้เหิง, Yiheng Du) ต้องพบกับปริศนาฆาตกรรมในพิธีแต่งงานของตระกูลฉาง จู่ๆ เจ้าสาวก็ไล่แทงคนในบ้านรวมถึงว่าที่สามีตายกันถึง 4 ศพ ก่อนจะปลิดชีวิตตนเองต่อหน้าชาวบ้านที่มาร่วมงาน เมื่อตี๋เหรินเจี๋ยเข้ามาสืบคดีก็พบว่าชาวบ้านทุกคนชี้นิ้วไปที่ลั่วจื่อซาง (RuiHan Zhao) สาวน้อยบอบบางที่ใครๆ ก็มองว่านางคือดาววิบัติ ใครก็ตามที่เข้าใกล้นางจะต้องเผชิญกับชะตากรรมอันสยดสยอง แต่แน่นอนว่าเหล่าตี๋ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ครับ เขาเลยเดินหน้าไขคดีตีปริศนาเพื่อกระชากหน้ากากใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังการนองเลือดครั้งนี้ ภาคนี้ตัวละคร เซี่ยเหยาหวน (Yang Shu) และเมิ่งเสี่ยวไป๋ (Zhuo Wen) ยังมีอยู่ครับ รายแรกแทบไม่มีบทเลย ส่วนรายหลังก็มาประกบเหล่าตี๋ในการสืบคดี…

Sanctuary” ท้าทายความโบราณแสนศักดิ์สิทธิ์ ให้กลายเป็นความเท่ด้วยซอฟต์พาวเวอร์

เรื่องย่อ: โอเซ คิโยชิ วัยรุ่นบ้านแตกที่ต้องการเงินมาช่วยพ่อหันหน้าเข้าหาวงการซูโม่เพื่อเงินเพียงอย่างเดียว แต่เขาก็แรงฮึดในการฝึกซูโม่โดดซ้อมเป็นประจำ ทั้งยังฝ่าฝืนประเพณีอันยาวนานทำการท้าทายอำนาจรุ่นพี่มากประสบการณ์อยู่เนือง ๆ เพียงเพราะเชื่อว่าเขาแข็งแกร่งกว่าใคร แต่อุปสรรคในชีวิตก็สอนให้เขาค่อย ๆ ซึมลึกเข้าสู่โลกของเกียรติยศในฐานะของนักซูโม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ญี่ปุ่นยังแข็งแกร่งในการเป็นเจ้าแห่งซอฟต์พาวเวอร์อย่างเห็นได้ชัด ต้องยอมรับว่ากีฬาซูโม่ไม่ได้รับความนิยมอย่างเป็นสากลนัก คนทั่วโลกอาจรู้จักแต่ก็คงไม่อินหรือรู้สึกดูแล้วลุ้นเท่าคนญี่ปุ่น เราอาจมองซูโม่เป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมมากเสียกว่าด้วยพิธีรีตองยิบย่อยและรูปแบบที่มีความเฉพาะตัวซึ่งมันขัดกับค่านิยมยุคใหม่ ทั้งเรื่องการเพิ่มน้ำหนักตัวให้อ้วนเกินมาตรฐาน การนุ่งผ้าเตี่ยวโชว์เนื้อหนังมังสาแบบเน้นแก้มก้น และการรัดเกล้าผมแบบโบราณ ซึ่งอาจถูกวิพากย์ไปถึงขนบตกยุคที่ไม่สอดรับกับคติทางเพศในปัจจุบันจนดูเหมือนเป็นกีฬาที่เหยียดเพศ และถือเพศชายเป็นใหญ่ด้วย ผู้กำกับ เองูจิ กัง (江口カン) ซึ่งเคยผ่านผลงานแอ็กชันตลกร้ายในวงการนักฆ่าอย่าง ‘The Fable’ (2019) และ ‘The…

Fast X เร็ว…แรงทะลุนรก 10″ จุดเริ่มต้นของจุดจบ ฉบับยำจี้หนังฟาสต์มูฟวี่

และแล้วเราก็ซิ่งมาถึงจุดเริ่มต้นของจุดจบ…ที่ก็ยังไม่แน่ใจจริง ๆ อีกนั่นแหละว่าจะจบจริงหรือเปล่า กับอีกหนึ่งเฟรนไชส์หนังแอคชั่นที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้ อย่าง “Fast X เร็ว…แรงทะลุนรก 10” ที่ใครจะไปนึกว่าจากภาคแรกที่เกือบจะไปไม่รอดแล้ว สามารถยื้อลมหายใจกลายมาเป็นภาคที่ 10 ได้อย่างในปัจจุบันวันนี้ และมาครั้งนี้ก็เหมือนกับไปนั่งร้านแล้วสั่งยำรวมมิตรที่เต็มไปด้วยวัตถุและเครื่องมากมาย กับรสชาติที่เผ็ดฉ่าจนเกือบอ่อนล้า แต่อย่าลืมไปว่า..นี่คือเริ่มต้น Fast X เร็ว…แรงทะลุนรก 10 เป็นเรื่องราวหลังจากภารกิจมากมายและการฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ ดอม ทอเร็ตโต้ และครอบครัวของเขา ก็สามารถเฉือนคม ชนะสงครามประสาทและแซงหน้าศัตรูทุกคนที่อยู่บนเส้นทางของพวกเขาได้ บัดนี้ พวกเขาจะได้เผชิญหน้ากับคู่ปรับที่อันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอมา: ภัยคุกคามน่าสะพรึงกลัวจากเงาอดีต ที่ถูกเผาผลาญด้วยหนี้เลือด ผู้มุ่งมั่นจะพังครอบครัวนี้ให้แตกเป็นเสี่ยงและทำลายทุกสิ่ง และทุกคนที่ดอมรัก…

The Legend & Butterfly” ยิ่งใหญ่ปนน้ำเน่า ลิเกโรงใหญ่ฉบับไทกะญี่ปุ่น

มาแนะนำหนังฟอร์มใหญ่จากญี่ปุ่นสักหน่อย เรื่องนี้เพิ่งลงโรงฉายไปเมื่อช่วงปีใหม่ 2023 ที่ผ่านมาในญี่ปุ่น นี่คือ “The Legend & Butterfly” ที่เป็นการโคจรมาพ่นไฟทางการแสดงร่วมกันของ 2 ซุปตาร์ญี่ปุ่น “ทาคุยะ คิมูระ” กับ “ฮารุกะ อายาเสะ” ที่เห็นแค่ชื่อทีมนักแสดงและผู้สร้างก็ต้องคาดหวังสูงเสียแล้ว แม้ว่าหนังแนวนี้จากญี่ปุ่นจะไม่ค่อยเป็นที่คุ้นตาของคนไทยเท่าไหร่ แต่เมื่อลองมาเปิดใจสัมผัสดู ก็จะพบว่า… The Legend & Butterfly เป็นเรื่องราวในช่วงศตวรรษที่ 16 โนบุนางะ โอดะ ขุนพลอันเลื่องชื่อแดนอาทิตย์อุทัย กับนิสัยรักสนุกและไม่เอาไหน เขามีฉายาว่า…

A Tourist’s Guide to Love (2023) คู่มือรักฉบับนักท่องเที่ยว

A Tourist’s Guide to Love ทำให้ผมมีความสุขทั้งตอนระหว่างดูและหลังดูจบครับ ว่าตามจริงมันอาจเป็นเพียงหนังรักโรแมนติกอีกเรื่องที่ Netflix ผลิตออกมา และหนังอาจไม่ได้ยอดเยี่ยมเจ๋งเป้งอะไรมากมาย แต่ผมว่ามันทำหน้าที่ได้อย่างพอเหมาะไม่ว่าจะตอบโจทย์บันเทิง เล่าเรื่องรักๆ พาไปเที่ยวที่สวยๆ และสอดแทรกอะไรๆ ที่มัน Feel Good พล็อตเล่าง่ายครับ อแมนด้า ไรลี่ย์ (Rachael Leigh Cook) ทำงานด้านท่องเที่ยวและเธอกำลังเฮิร์ตเพราะเพิ่งแยกทางกับแฟนหนุ่ม เธอเลยตัดสินใจเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวเวียดนามโดยใช้บริการบริษัททัวร์ท้องถิ่นซึ่งในเวลาเดียวกันเธอก็ต้องทำการประเมินว่าบริษัทแห่งนี้ควรค่าแก่การซื้อกิจการหรือไม่ แล้วเธอก็ได้เจอกับซินห์ (Scott Ly) หนุ่มเวียดนามที่พาเธอทัวร์ทั่วเวียดนามในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร อ่านพล็อตแล้วน่าจะเดาอะไรๆ ได้หมดล่ะนะครับ…

Blacklight (2022) โคตรระห่ำ ล้างบางนรก

ดูเรื่อง Blacklight นี่ก็เพราะป๋า Liam Neeson ล้วนๆ ครับ ส่วนหนังจะสนุกมากสนุกน้อยค่อยว่ากันอีกที พล็อตก็ถือว่ามาในแนวคุ้นเคยครับ ป๋า Liam รับบท ทราวิส บล็อก (Liam Neeson) เจ้าหน้าที่ลับที่ทำงานให้เอฟบีไอ แล้วอยู่มาวันหนึ่งเขาก็ระแคะระคายเงื่อนงำบางอย่างที่บอกว่าเอฟบีไอนี่แหละที่อาจจะมีปฏิบัติการอันไม่ชอบด้วยกฎหมายภายใต้การนำของของผอ.อย่างเกเบรียล โรบินสัน (Aidan Quinn) ซึ่งปเนเพื่อนสนิทของทราวิสด้วย ถัดจากนั้นก็คงไม่ต้องเล่าน่ะนะครับ มันก็ต้องมีการตามล้างตามล่าตามขู่กันตามสไตล์นั่นแหละ พูดแบบไม่อ้อมค้อมว่าหนังไม่โดนเท่าไรครับ… คือผมจะเล่าให้ฟังว่าระหว่างดูหนังเรื่องนี้มันได้เกิดเหตุไม่คาดฝันกับผม คือช่วงนี้ผมดูแลสุขภาพครับเลยมีการออกกำลังเสมอยามดูหนัง และระหว่างดูเรื่องนี้ผมก็ออกกำลังเบาๆ ด้วยการแกว่งแขน ปรากฏว่าพอแกว่งแขนไปได้ราวๆ 30 กว่านาทีก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา ผมง่วงครับ… ใช่ครับ ง่วงจะสัปหงกทั้งๆ…

Overlord (2018) ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด

จำได้ว่าตอนดูตัวอย่าง Overlord นี่ผมรู้สึกอยากดูมากเลยนะครับ โดยเฉพาะตอนเห็นภาพคนโดนทดลองมันรู้สึกว่าหนังน่าจะมีอะไรสดๆ ใหม่ๆ มาเสิร์ฟ แต่พอผ่านไปสักพักก็กลายเป็นเฉยๆ ไม่ได้อยากดูอะไรมาก ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเส้นกราฟมันถึงเปลี่ยนได้ – ก็อยากบันทึกห้วงความรู้สึกนั้นไว้ครับ เผื่อสักวันจะนึกออกว่าทำไม ส่วนตัวหนังนั้นก็เป็นแนวสงครามผสมกับซอมบี้ครับ เรื่องของหน่วยรบฟากอเมริกาที่ต้องแทรกซึมเข้าไปถล่มหอวิทยุของพวกเยอรมัน แต่ไปๆ มาๆ พวกเขากลับพบว่าที่ใต้หอวิทยุแห่งนั้นมีการทดลองอะไรบางอย่าง มันคือการทดลองเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นอะไรที่น่าสยดสยอง ดังนั้นเหล่าทหารหาญเลยนอกจากจะต้องถล่มหอแล้ว ยังต้องหาทางหยุดยั้งการทดลองมรณะลงด้วย ครั้นพอได้ดูก็รู้สึกว่าหนังเรื่อยๆ ครับ ดูได้เรื่อยๆ เพลินๆ แต่ไม่ถึงขั้นโดนใจแบบเต็มๆ ช่วงต้นๆ ก็ได้อารมณืหนังสงคราม ปูพื้นให้เรารู้จักตัวละครและภารกิจ จากนั้นพอทหารโดดร่มลงมาได้ก็หาทางแทรกซึมเข้าหมู่บ้าน ก่อนจะหาทางบุกไปถล่มหอวิทยุ ซึ่งช่วงกลางๆ นี่หนังค่อนข้างเรื่อยๆ…

Chief of Thieves: Chu Liu Xiang (2021)

ในฐานะแฟนชอลิ้วเฮียง เขาสร้างมากี่ภาคกี่ตอนก็พร้อมจะตามดูครับ และสำหรับฉบับนี้นี่อดทนรอดูมาหลายปี รอดูตั้งแต่เขาประกาศสร้าง แต่ปรากฏว่ารอแล้วรอเล่ามันก็ไม่เข้าไทยซักที พยายามเปิดไปที่เว็บสตรียมของมันโดยตรงก็เอาแต่บอกว่าเรื่องนี้ยังไม่ให้บริการในไทย ไอ้เราก็ยังอุตส่าห์รอนะครับ คืออยากอุดหนุนของถูกลิขสิทธิ์นั่นแหละ แต่รอมาเป็นปีๆ ก็ไม่เอามาสักที ในที่สุดทนไม่ไหว หาทางดูมันตามเน็ตนี่แหละ – ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าจะได้ดูเมื่อไร สำหรับฉบับนี้ก็เป็นการเขียนบทสร้างเรื่องขึ้นมาในแบบ “ชอลิ้วเฮียง เดอะ บีกินนิ่ง” ครับ ย้อนไปเล่าถึงจุดเริ่มว่าชอลิ้วเฮียงก่อนจะเป็นจอมโจรจอมใจวื่อก้องนั้นเขาได้เจอกับสาวน้อยนางหนึ่ง ก่อนจะผจญภัยร่วมกัน ที่เหลือก็คงไม่เล่าน่ะนะครับ เพราะเนื้อเรื่องน่ะไม่เยอะ หนังก็ไม่ยาว แค่ 77 นาทีเอง ถ้าให้เว้าซื่อๆ ก็ขอบอกว่าหนังอยู่ในระดับกลางๆ ครับ…