Category: รีวิวหนัง

Suicide Forest Village ป่า..ผีดุ มาถึงอีกหนึ่งตำนานที่คนไทยเองก็เคยได้ยินแว่วๆ มาบ้าง เกี่ยวกับเรื่องราวของป่าฆ่าตัวตายที่เป็นเรื่องลี้ลับที่เล่าขานกันถึงความลึกลับในสถานที่แห่งนี้ และมันได้ถูกนำมาตีแผ่ออกมาเป็นหนังสยองขวัญเรื่องล่าสุดใน “Suicide Forest Village” (ป่า..ผีดุ) ที่จะลงโรงฉายในบ้านเราสัปดาห์นี้ ต้อนรับเทศกาลวันฮาโลวีนได้เป็นอย่างดี แต่ตำนานก็น่าจะดึงดูดผู้ชมได้ดี แต่หนังเรื่องนี้ยังมาพร้อมกับการงานสร้างงานศิลป์ที่น่าสนใจ กระตุ้นความกลัวได้ดีในระดับที่ไม่ถึงขั้นต้องปิดตาดู… Suicide Forest Village ป่า..ผีดุ หยิบเอาตำนานป่าอาโอกิงาฮาระ หรือ ป่าฆ่าตัวตาย มาตีแผ่ออกมาเป็นเรื่องราวในหมู่บ้านแห่งความหวาดกลัว ที่แม้จะเข้าสู่ยุคเรวะแล้วก็ตาม ผืนป่าที่ฟูจิแห่งนี้ก็ยังคงเป็นดินแดนต้องห้าม โดยลึกเข้าไปในป่ามีหมู่บ้านที่มีคนอยู่อาศัย ที่นั่นมีกล่องคำสาปชั่วร้ายถูกปิดผนึกอยู่ซึ่งเรียกว่า “Kotori Bako” ที่จะนำความตายมาสู่ผู้ที่ค้นพบมัน…

รู้สึกว่าจะมีความพยายามในการสรรสร้างหนังฉลามกินคนแนวใหม่ออกมาเรื่อยๆ นะครับ แต่ว่ากันตรงๆ คือยิ่งทำออกมาแล้วยิ่งเลอะ หรือไม่ก็โล่งโถงแบบไม่มีอะไรให้จับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอันเลย และส่วนใหญ่แม้หน้าหนังเหมือนจะออกแนวสยอง แต่ดูแล้วดันขำยังไงก็ไม่รู้ สำหรับพล็อตเรื่องนี้แค่ฟังผมก็ฮาแล้วครับ ประมาณว่ามีแม่ชีผู้ชั่วร้ายได้อัญเชิญให้จอมปีศาจเข้ามาสิงในฉลามยักษ์ แล้วสักพักเจ้าฉลามจอมปีศาจก็ไปสิงร่างของหญิงสาวอีกต่อหนึ่ง ว่าง่ายๆ คือผู้หญิงที่โดนสิงนี้ก็คือจอมปีศาจที่สามารถแปลงร่างเป็นฉลามได้ แล้วก็ออกทำร้ายผู้คนครับ ร้อนถึงบาทหลวงไมเคิล (Bobby Kerecz) ที่รับรู้เรื่องนี้ เขาเลยต้องตามรอยเพื่อสยบมัน ซึ่งการสยบนี่ก็คือต้องไล่ซาตานออกจากร่างผู้หญิงให้ได้ก่อน แล้วจากนั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับฉลามจอมปีศาจอีกที สารภาพว่าดูแล้วหนักใจเหลือขนาดเลยครับ หนังมันดูไร้เกรดยังไงก็ไม่รู้ คือไม่ใช่เกรดบีนะครับ เพราะว่าหนังเกรดบีมันยังดูเป็นหนัง ยังดูมีอะไรบ้างเช่นมีพล็อต (แม้จะหลวมมากๆ ก็เถอะ) แล้วก็มีความลุ้นหรือตื่นเต้นแบบหนังสัตว์โลกน่ารักที่แม้จะไม่ได้ลุ้นมากมาย แต่ก็ยังพอเห็นในความพยายามในการสร้างฉากลุ้นๆ ชวนตื่นเต้นอยู่บ้าง…

หนังเรื่องนี้โดดเด่นตรงความอลังการงานสร้างครับ อลังทั้งฉากทั้งฟ่านปิงปิง คือเน้น 2 สิ่งนี้จนแทบจะ 4D ทะลุจอออกมาอยู่แล้ว ฉากสวยครับ ฉากจริงก็ดูอลังการ สวยงาม ยิ่งใหญ่ ศิลป์กำลังดี หรือฉากที่ใช้ CG เนรมิตก็ไม่ถึงกับขัดหูขัดตา ดูสวยงามตามท้องเรื่อง เรียกว่าหากจะดูเอาฉากสวยๆ ล่ะก็ ถือว่าคุ้มทีเดียว ส่วนฟ่านปิงปิงก็เด่นมากมายครับ ในแง่การแสดงถือว่าน่าพอใจ พอเอาเข้าจริงๆ บทจะไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอแสดงฝีมือแบบเต็มๆ ก็ตาม (ว่าตามจริงที่เธอเล่นเป็นบูเช็กเทียนนั้น บทมีอะไรมากกว่าเยอะ แต่ก็นั่นล่ะครับ ซีรี่ส์มันยาว เลยได้แสดงอะไรมากหน่อย) แต่อย่างน้อย ยามที่เธอต้องดราม่า…

น่าเสียดายเหมือนกันครับที่ Snake Eyes: G.I. Joe Origins จุดไม่ติด ซึ่งหนังนั้นจริงๆ ก็ดูได้เรื่อยๆ ครับ มีทั้งส่วนที่เข้าท่าและส่วนที่น่าจะดีได้อีกผสมปนเปกัน แต่โดยรวมแล้วก็ยังไม่เวิร์กเท่าที่ควร จริงๆ พล็อตมันก็มีทิศทางครับ หนังแนะนำเราให้รู้จักกับสเนคอายส์ (Henry Golding) ที่ต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเล็ก แล้วเขาก็เก็บไฟแค้นนั้นสุมไว้ในอกหมายจะสังหารคนที่ฆ่าพ่อให้จงได้ แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้ยื่นมือเข้าช่วยทอมมี่ (Andrew Koji) ทายาทแห่งตระกูลอาราชิคาเกะ จนทอมมี่สำนึกในบุญคุณเลยพาเขามาเข้าตระกูล อันทำให้สเนคอายส์มีโอกาสได้ทบทวนเส้นทางที่เขากำลังเดินอยู่ ครับ พล็อตมีทิศทาง มีเส้นเรื่อง แต่การเล่าเรื่องไม่ใคร่จะสามารถทำให้เราอินกับการเลือกเส้นทางชีวิตของสเนคอายส์สักเท่าไร เหมือนเล่าแบบลุยด่านไปเรื่อยๆ น่ะครับ แม้บางช่วงจะมีสาระสอดแทรก…

ผมชอบ Greenland มากกว่าที่คิดครับ ตอนแรกยอมรับว่าไม่คาดหวังอะไรเพราะมองว่าเป็นหนังดาวหางล้างโลกอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่น่าจะมีอะไรแปลกใหม่ไปจากสารพัดหนังภัยพิบัติที่ได้ดูเฉลี่ยปีละเรื่องมาหลายสิบปีแล้ว โครงเรื่องชวนให้นึกถึง 2012 ครับ ว่าด้วยครอบครัวหนึ่งที่ต้องแข่งกับเวลาหาทางหนีจากภัยพิบัติไปยังสถานที่ปลอดภัยที่มีคนเตรียมการเป็นบังเกอร์เอาไว้ แต่จุดที่ทำให้ผมชอบมากกว่า 2012 ก็คือ ในขณะที่ 2012 เน้นหนักที่ CG โชว์ฉากหายนะ แต่กับ Greenland นี้ผมว่าคนสร้างดูจะรู้ตัวเองดีครับว่าสู้ด้วย CG และความอลังการไม่ไหว (ทุนสร้างเรื่องนี้อยู่ที่ $56 ล้านครับ ส่วนเรื่อง 2012 ลงไป $200 ล้านเห็นจะได้) ทำให้หนังเลือกจะเทน้ำหนักไปที่เนื้อเรื่อง ความลุ้นแบบติดดิน และการสะท้อนภาพสังคมมนุษย์ที่โคตรจะวุ่นวายยามเกิดภัยพิบัติระดับโลกเป็นหลัก ซึ่งอะไรเหล่านี้แหละครับที่จัดว่าเวิร์กพอตัวทีเดียว โอเค สารภาพครับว่าผมแอบรำคาญครึ่งแรกเหมือนกันนะ อุปสรรคหลายๆ อย่างที่พวกพระเอกเจอในตอนแรกนั้นบางทีก็เนื่องมาจากเหล่าตัวเอกเองนั่นแหละ เช่น เอาแต่รอช้าไม่ตั้งท่าหนีทั้งที่ได้รับข่าวก่อนใครแล้วแท้ๆ หรือการไม่พยายามอยู่ให้นิ่งในบางวาระ…

ผมอาจจะไม่ได้ปลื้ม Those Who Wish Me Dead มากนักนะครับ แต่ผมดีใจนะที่มีการสร้างหนังเรื่องนี้ออกมา ระหว่างดูนี่ผมนึกถึงบรรยากาศการดูหนังในยุค 90 เลยครับ เพราะเรื่องนี้กลิ่นอายก็จะประมาณนั้นแหละ เป็นหนังแอ็กชันทริลเลอร์ไล่ล่าแบบที่สร้างกันออกมาบ่อยๆ เมื่อสมัยก่อน ประมาณว่าเปิดเรื่องมาก็ต้องมีใครสักคนที่เป็นพยานของคดีอะไรสักอย่างโดนตามฆ่าปิดปาก แล้วตัวละครนั้นก็จะหนีมาเจอกับตัวเอก ซึ่งตัวเอกนี่ก็จะต้องมาพร้อมอดีตที่เจ็บปวดนะ อาจเคยพบเจอกับความสูญเสีย หรือทำงานพลาดอะไรประมาณเนี้ย แล้วจากนั้นตัวเอกของเราก็จะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยชีวิตพยานคนนั้น แล้วก็ต่อสู้กับคนร้าย และท้ายที่สุดตัวเอกจะชนะหรือไม่ผมว่าเราๆ ท่านๆ ก็คงเดากันได้ไม่ยากน่ะนะครับ เรื่องนี้มาตามโครงนั้นเป๊ะเลยครับ พยานของเราก็คือเด็กที่ชื่อคอนเนอร์ (Finn Little) ส่วนตัวเอกคือฮันน่าห์ (Angelina Jolie) โดยพวกเขาก็โดนตามล่าโดย…

ดูเรื่องนี้แล้วชวนให้นึกถึง Rocky ครับ สไตล์มาคล้ายๆ กัน เรื่องของนักชกระดับล่าง นามว่าจอห์นนี่ วอล์คเกอร์ (Mickey Rourke) ที่ใช้ชีวิตแบบ “อยู่ไปวันๆ” และยังไม่มีแก่นสารที่เป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไร แต่แล้วชีวิตเขาก็เริ่มจะเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับรูบี้ (Debra Feuer) สาวน้อยเจ้าของสวนสนุกขนาดย่อมที่ริมหาด ที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นสรรพ และเริ่มจะทำให้เขามีเป้าหมายในชีวิต และอีกคนที่จอห์นนี่ได้พบก็คือเวสลี่ย์ เพนเดอร์กาส (Christopher Walken) อาชญากรผู้มีอิทธิพล ซึ่งพยายามจะชักชวนให้เขามาร่วมงานรวยทางลัดแบบผิดกฎหมาย… แล้วชีวิตของจอห์นนี่จะลงเอยอย่างไร คำตอบรออยู่ในหนังครับ ดาราแสดงกันได้โอเคครับ ทั้ง Rourke และ Walken แสดงได้ดี โดยเฉพาะ Walken นี่ถนัดอยู่แล้วล่ะครับสำหรับบทอาชญากรที่กล้าได้กล้าเสียแบบนี้ แต่เนื้อเรื่องยังไม่ค่อยมีอะไรนัก ความน่าติดตามยังไม่มาก…

ที่ตัดสินใจดู Cold Blood Legacy นี่เพราะบารมีของพี่ Jean Reno ล้วนๆ เลยครับ เขาถือเป็นดาราขาประจำที่ผมติดตามผลงานมานานหลายสิบปี พอเห็นหน้าพี่เขาขึ้นปกก็ต้องลองซะหน่อยล่ะครับ เรื่องเล่าแบบย่อๆ ก็ว่าด้วยหญิงสาวคนหนึ่ง (Sarah Lind) ไปประสบอุบัติเหตุกลางป่าที่ปกคลุมด้วยหิมะครับ แล้วเธอก็คลานไปเรื่อยๆ จนเจอกับ เฮนรี่ (Reno) ชายที่อาศัยอยู่กลางป่านั้น แล้วเฮนรี่ก็ช่วยเธอไว้ครับแต่ทีนี้ตัวเฮนรี่น่ะมีอาชีพเป็นมือปืน เพิ่งลงมือปลิดชีพคนไปเมื่อไม่นานนี้ ดังนั้นตัวเขาก็อาจเป็นเป้าของการล้างแค้นก็เป็นได้ แล้วหญิงสาวคนนี้จะปลอดภัยหรือไม่ที่จะต้องมาอยู่ร่วมกับเขา อันนี้ก็ต้องลองไปหาคำตอบกันในหนังครับ ว่าตามจริงคือหนังไม่มีอะไรมากครับ เดินเรื่องแบบเรื่อยๆ บางชั่วขณะก็ทำให้นึกถึงเรื่อง Polar นะ แต่ถ้าให้พูดตรงๆ แล้วเรื่องนั้นดูเข้าท่ากว่ากันเยอะ เรื่องนี้หนังค่อนข้างช้าครับ ไม่ได้เร้าใจอะไร…

เรื่องนี้นี่จัดว่าเข้าทางผมเลยครับ เป็นหนังว่าด้วยปริศนาซ่อนเงื่อน เดินเรื่องเหมือนนิยายที่เปิดไปทีละหน้าๆ ให้เราค่อยๆ รู้จักตัวละคร ค่อยๆ สังเกตรายละเอียดและความผิดปกติบางประการที่เกิดขึ้น ก่อนที่ปมจะเริ่มเปิดให้เราคอยติดตามว่าเรื่องมันจะไปทางไหนต่อ เปิดมาหนังก็แนะนำให้เรารู้จักกับ 4 ตัวละคร อันได้แก่ คุณพ่อแดเนี่ยล ฟลินน์ (Jeff Bridges), ดาร์ลีน สวีท (Cynthia Erivo), ลารามี่ ซีมัวร์ ซัลลิแวน (Jon Hamm) และเอมิลี่ ซัมเมอร์สปริง (Dakota Johnson) พวกเขาต่างก็แวะมาเข้าพักที่โรงแรมแอล…

การขับเคี่ยวระหว่าง Marvel กับ DC ดำเนินไปในทุกสนามครับ ไม่ว่าจะโรงใหญ่, จอเล็ก หรือแม้แต่การ์ตูนก็ยังนำเสนอออกมาในหลากรูปแบบเพื่อครองใจผู้ชมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเรื่องนี้ฟาก DC ก็จับเอาเหล่าซูเปอร์ฮีโร่มาใส่ชุด Lego กันครับ เนื้อเรื่องออกแนวเอาฮาไม่เน้นสาระอะไรมาก ว่าด้วยแบทแมนที่ออกปราบเหล่าร้ายมานาน จนสหายอย่างไนท์วิงก์และแบทเกิร์ล คิดว่าแบทแมนควรไปพักร้อนผ่อนคลายเหมือนชาวบ้านบ้าง ในที่สุดแบทแมนก็ไปพักร้อนครับ แล้วปล่อยให้ซูเปอร์แมนมาดูแลเมืองก็อทแธมไปพลางๆ แต่แล้วพี่ซุปก็ดันซื่อ โดนโจ๊กเกอร์หลอกใช้จนเหล่าร้ายโดนพี่แบทจับขังไว้ที่อาร์คแคม โดนปล่อยออกมาหมดเลย งานนี้พี่ซุปเลยต้องขอแรงวันเดอร์วูเมนกับไซบอร์กให้มาช่วยแก้ไขความผิดพลาดให้ทัน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว พี่แบทอาจกลับมากระทืบพี่ซุปให้ติดดินก็ได้ (555) เนื้อเรื่องเอาฮาแบบเต็มที่ครับ มีการแซวตัวละครทุกตัวตลอดเรื่อง เช่น พี่แบทพอรับงานจากผู้กำกับกอร์ดอนแล้ว…