Bad Boys for Life (2020) คู่หูขวางนรก ตลอดกาล

Untitiled04757

ออกตัวก่อนว่าผมไม่ถึงกับเป็นแฟนของหนังชุดนี้ครับ คือภาคแรกดูแล้วก็ชอบนะ สนุกดี ส่วนภาค 2 นี่รู้สึกจะเน้นระเบิดภูเขาเผากระท่อมและงานกล้องมากจนความกลมกล่อมของหนังพร่องๆ ไปพอตัว แต่ก็ยังดูได้เพลินๆ

ครั้นมาถึงภาคนี้ ผมบอกได้เลยว่าชอบภาคนี้ที่สุดครับ ตัวหนังทำออกมาได้ลื่นมาก และมันส์กำลังเหมาะ โดยหนนี้คู่หูขวางนรก ไมค์ (Will Smith) และมาร์คัส (Martin Lawrence) กลับมาอีกครั้ง และต้องเผชิญหน้ากับมือปืนปริศนาที่ไล่เก็บคนไปมากมาย หนึ่งในเป้าหมายก็คือไมค์นี่แหละครับ พวกเขาเลยต้องหาสืบหาความจริงกันว่ามือปืนนี่ต้องการอะไร และมีใครอยู่เบื้องหลังเรื่องครั้งนี้

ภาคนี้ผมว่ามันกลมกล่อมครับ คือเป็นหนังแอ็กชันแต่ไม่ได้แน่นเฉพาะแอ็กชันเพียงอย่างเดียว มันมีครบทั้งมุกฮาที่แทรกมาเป็นพักๆ โดยเฉพาะการกัดกันระหว่างไมค์และมาร์คัสนี่เป็นอะไรที่สนุกมาก และยังสื่อให้เห็นถึงสายใยไมตรีของ 2 คนนี้ได้อย่างดีอีกด้วย และยังมีปมเรื่องการแก่ตัวของทั้ง 2 คน ซึ่งก็ทำให้นึกถึง Lethal Weapon 4 น่ะครับ มาทางเดียวกันเลย เพราะมาร์คัสก็เป็นคุณตาแล้ว ส่วนไมค์ก็มีปมเรื่องความสัมพันธ์มาเป็นประเด็นในเรื่อง

ผมมองว่าเป็นเรื่องดีนะ เพราะนั่นหมายถึงตัวหนังก็เติบโตไปพร้อมกันตัวละครครับ พวกเขาไม่ใช่เป็นแค่ตำรวจระห่ำสองคนที่ไล่ล่าผู้ร้ายไปเรื่อยๆ แบบไม่มีวันแก่ไม่มีวันตาย ถึงจุดหนึ่งพวกเขาก็ต้องแก่ตัว มีครอบครัว และชีวิตก็จะเริ่มเปลี่ยนไป มุมมองหลายๆ อย่างก็จะเปลี่ยนไปตามอายุ ซึ่งนั่นทำให้หนังภาคนี้ดูมีอะไร มันไม่ใช่แค่หนังบู๊ภาคต่อที่ทำตามออกมาเรื่อยๆ แบบไร้ทิศทาง เพราะอย่างน้อยตัวเอก 2 คนนี้ก็โตขึ้น แม้จะมีความระห่ำอยู่เหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมก็คือร่องรอยของประสบการณ์ครับ

ในแง่แอ็กชันถือว่าทำได้น่าพอใจเลยครับ ภาคนี้มีการเปลี่ยนผู้กำกับจาก Michael Bay มาเป็น Adil El Arbi และ Bilall Fallah ซึ่งสามารถรับช่วงความเป็น Bad Boys ต่อจาก Bay ได้อย่างพอเหมาะ เพราะหนังยังดูฮา ดูกวน และดูมันส์ครับ ฉากไล่ล่าระเบิดระเบ้อก็ยังมีให้ดูกันแบบสะใจ หรือฉากสาดกระสุนใส่กันก็ยังจัดว่ามันส์และชวนลุ้น แม้โดยรวมมันจะไม่ใช่ของใหม่ แต่หนังก็ยังเอามาใช้สร้างความมันส์อย่างได้ผล

Untitiled04758

พอมานึกดูดีๆ ก็รู้สึกว่านอกจาก Lethal Weapon แล้วก็มี Bad Boys นี่แหละครับที่ในฉากไล่กันยิงกันจะเป็นจะตาย แต่ตัวละครยังอุตส่าห์มาเถียงมาด่ากันได้อีก 555 เป็นเอกลักษณ์ที่เอามาใช้ได้ออกรสมากๆ ทีเดียวสำหรับภาคนี้ ทำให้หนังมันส์และฮาได้ในเวลาเดียวกัน

จริงๆ ตั้งแต่ภาคแรกมาหนังก็ดูจะเทน้ำหนักไปที่ Smith มากกว่าหน่อยนึงอยู่แล้ว มาถึงภาคนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นครับ แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะภาคนี้ตัวละครมาร์คัสนั้นมีทั้งลูกทั้งเมียทั้งหลาน และตั้งใจจะเลิกจับปืนตำรวจเสียที พี่ท่านเลยไม่ค่อยได้ลงสนามมากเท่าไมค์ แต่ถึงกระนั้นเวลาเข้าฉากกันทีไรก็ยังเป็นการจับคู่ที่มันส์อยู่ดีครับ เพราะคาแรคเตอร์ของทั้งคู่ยังคงเป็น Bad Boys จอมกวนเหมือนเดิม

ดาราในเรื่องก็ทำหน้าที่ได้ดีครับ Smith กับ Lawrence นั้นนอนมาอยู่แล้ว ส่วนตำรวจรุ่นใหม่ก็แสบใช้ได้ เพียงแต่ความเด่นอาจยังไม่มากนัก แต่ก็ยอมรับอย่างหนึ่งครับว่าตอนแรกพอบอกว่า Vanessa Hudgens จะมาเป็นหนึ่งในแก๊งตำรวจรุ่นใหม่ด้วยก็ยังนึกภาพไม่ค่อยออกเพราะยังติดภาพเธอตอนเล่นหนังตลกวัยรุ่นอยู่ แต่พอได้เห็นจริงๆ ก็นับว่าโอเคเลยครับ บางซีนนี่เธอว่าสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตำรวจรุ่นพี่ได้อย่างดีทีเดียว

คนที่เข้าตาอีกคนก็คือ Kate del Castillo ที่แม้จะโผล่ไม่เยอะแต่ก็มีบารมีความเป็นเจ้าแม่ที่ร้ายกาจไม่น้อย และอีกคนที่ลืมไม่ได้คือ Joe Pantoliano หัวหน้าของพวกพระเอกที่โผล่ตั้งแต่ภาคหนึ่ง มาภาคนี้พี่ท่านก็ยังดูแสบปนฮาได้ดีเหมือนเดิมครับ และบทภาคนี้ก็ถือว่ามีอะไรให้จดจำมากกว่าภาคอื่นๆ อยู่พอสมควร

ผมดีใจนะที่หนังภาคนี้ทำได้สนุก เพราะจะว่าไประยะหลังนี่หาหนังแอ็กชันคู่หูตำรวจที่สนุกๆ ได้ยากขึ้นเรื่อยๆ และปกติหนังภาคต่อพอยิ่งทำก็จะยิ่งนิ่ง แต่เรื่องนี้่จัดว่าเป็นการกลับมาที่สมศักดิ์ศรี และถือว่าหนังประสบความสำเร็จทางรายได้ครับ ลงทุนไปราว $90 ล้าน ตอนนี้ได้คืนมาเกิน $200 ล้านก็นับว่าโอเคแล้ว ที่เหลือก็เข้าโซนทำกำไร ก็ดีใจแทน Jerry Bruckheimer ครับ ปีก่อนไม่เวิร์กเท่าไรกับ Gemini Man มาปีนี้ได้ Bad Boys For Life มาช่วย ซึ่งด้วยความสำเร็จของหนังเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้โปรเจคท์ที่เกือบจะตายไปแล้วอย่าง National Treasure มีโอกาสได้กลับมาอีกครั้ง

การดู Bad Boys ภาคนี้สำหรับผมก็เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าน่ะครับ อาจจะไม่ใช่เพื่อนซี้อะไรแต่ก็พอรู้ทางรู้ท่ากันพอสมควร ผลลัพธ์ออกมานับว่าน่าพอใจมาก เอาแอ็กชันก็มี เอาฮาก็ได้ หรือจะเอาทั้งฮาและแอ็กชันในซีนเดียวกันเลยก็ยังได้ นอกจากนี้ยังได้รู้เรื่องราวชีวิตในช่วงต่อมาของพวกเขาอีกด้วย ดูๆ แล้วก็มีแววสำหรับภาคต่ออยู่ครับ ก็ขอให้รักษามาตรฐานความสนุกอันนี้เอาไว้แล้วกัน ส่วนผมก็พร้อมดูต่อเสมอครับ

สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ

Star22

(7.5/10)