Artemis Fowl (2020) อาร์ทิมิส ฟาวล์

Untitled06841

สารภาพว่าเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีตั้งแต่ตอนดูตัวอย่างครับ คือดูแล้วไม่ค่อยจะแน่ใจเลยว่าหนังจะออกมาเวิร์กไหม แล้วก่อนจะได้ดูหนังจริงๆ ก็ได้ยินสารพัดคำสรรเสริญ (แบบฮวบๆ) ที่มีต่อหนัง ซึ่งโดยส่วนตัวผมถือเป็นเรื่องดีนะครับ เพราะมันทำให้เราลดความคาดหวังที่มีต่อหนังลงไปได้เยอะเลย

ครั้นพอได้ดูก็ออกแนวเฉยครับ ช่วงครึ่งแรกของหนังนี่เฉยมาก หนังจะมาน่าสนใจเอาก็ตอนท้ายๆ เมื่อเข้าสู่ไคลแม็กซ์ แต่ที่ว่าน่าสนใจนี่ก็ยังไม่ถือว่ามากพอที่จะทำให้รู้สึกดีต่อหนังขึ้นมาได้

ค่อนข้างเสียดายครับ เพราะจริงๆ หนังมีโครงสร้างครบสูตรสำหรับหนังผจญภัยแนวเยาวชนนะ คือมีตัวเอกฉลาดๆ มีบทสมทบที่มาพร้อมเอกลักษณ์ มีโลกมิติอื่นให้ตัวเอกของเราเข้าไปผจญภัยหรือไม่ก็ไขปริศนา เรียกว่าสามารถเล่าอะไรต่อได้อีกยาวเลย แต่หนังกลับไปไม่ถึงดวงดาว เริ่มจากการแนะนำตัวเอกอย่าง อาร์ทิมิส ฟาวล์ (Ferdia Shaw) ที่ผมว่ายังสามารถเด่นได้มากกว่านี้ ฉายแสงได้มากกว่านี้ และโชว์ความฉลาดโชว์ของได้มากกว่าที่เป็นอยู่

หรือการชักนำเราเข้าสู่โลกของแฟร์รี่ที่มีอะไรให้เล่นหลายอย่างครับ แต่หนังก็นำเสนอแบบเรื่อยๆ ไม่ได้ชวนพิศวงหรือดึงดูดให้เราสนใจได้สักเท่าไร การเล่าเรื่องมันดูธรรมดา ขาดลูกเล่น ขาดอารมณ์แฟนตาซี นี่ผมหมายถึงช่วงครึ่งแรกนะครับ ทุกอย่างมันดูเพลนแบนราบไปหมดจริงๆ ขนาดบางฉากเล่าเรื่องที่มันแฟนตาซีแท้ๆ แต่อารมณ์กลับธรรมดาเหลือเกิน

ส่วนครึ่งหลังเมื่อเข้าสู่ไคลแม็กซ์ เมื่อตัวละครหลักๆ ต้องมาแจมกัน เมื่อมีโจทย์ให้พวกเขาต้องช่วยกันแก้ ช่วงนี้ค่อยดูแฟนตาซีมากขึ้นหน่อย แต่มันมาช้าไปครับ จริงๆ ผมคิดด้วยซ้ำว่าแฟนตาซีแบบที่เราเห็นตอนท้ายๆ น่ะ มันควรจะมาอยู่ตอนกลางๆ มากกว่า และตอนไคลแม็กซ์จริงๆ มันก็ควรจะแฟนตาซีให้เข้มข้นขึ้นกว่าที่เป็น พูดง่ายๆ คือระดับความแฟนตาซีในเรื่องมันยังไม่สุดน่ะครับ มันยังไม่สามารถดึงเราให้มีอารมณ์ร่วมได้แบบสุดๆ

Untitled06842

ถ้ามองในแง่ทิศทางของเรื่องราวแล้ว ผู้กำกับ Kenneth Branagh ก็สามารถเล่าได้แบบมีทิศทางครับ เล่าแบบเดินตามสูตรของหนังแนวนี้ แต่มันขาดลูกเล่นและมีกลิ่นอายแฟนตาซีไม่มากพอ จนทำให้คิดน่ะครับว่า Branagh คงไม่ถนัดนักกับหนังแฟนตาซีเยาวชนแบบนี้ เพราะหลายๆ อย่างมันดูทื่อๆ ไปหน่อย

แต่ถ้าว่ากันถึงเทคนิคพิเศษแล้ว ก็ยอมรับล่ะครับว่าหนังทำได้ดี ก็แหงล่ะครับ ลงไปตั้ง $125 ล้านน่ะ ไม่ดีก็แปลกแล้ว แต่กระนั้นมันก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ครับว่า อันว่าความแฟนตาซีนั้นใช่จะอยู่ที่ “ภาพ” เพียงอย่างเดียว แต่มันจะต้องมีอารมณ์ มีกลิ่นอาย มีบรรยากาศ มันต้องทำให้เราเชื่อตามสิ่งที่เราเห็น เชื่อเป็นตุเป็นตะไปตามเรื่องที่เราได้รับรู้ แบบนั้นมันจึงจะถึงอารมณ์แฟนตาซี

ถ้าจะมีอะไรให้พูดถึงในหนังเรื่องนี้ล่ะก็ คงเป็นดนตรีประกอบของ Patrick Doyle คอมโพเซอร์คู่บุญของผู้กำกับ Branagh ที่ถือว่าทำออกมาดีครับ ได้อารมณ์หนังผจญภัยผสมแฟนตาซี และหลายช่วงก็มาพร้อมกลิ่นอายไอริชแบบกำลังเหมาะทีเดียว

จริงๆ ใจก็คิดน่ะนะครับ ว่าหนังมันอาจจะไม่สนุกเท่าไร แต่มันมีองค์ประกอบดีๆ อีกหลายอย่างที่สามารถเอาไปปรุงต่อได้ ขอเพียงส่งหนังเรื่องนี้ให้ผู้กำกับที่ถนัดแนวแฟนตาซีสักหน่อย มันก็น่าจะทำตอนต่อได้อยู่ ก็ต้องดูกันต่อไปว่า Disney จะเอายังไง ตอนนี้อาจยังไม่ทำ แต่ถึงจุดหนึ่งโอกาสอาจจะมีก็ได้

แต่สำหรับเรื่องนี้ เท่าที่เป็นนี้ ดูแล้วรู้สึกเสียดายจริงๆ ครับ

ไม่ถึงสองดาวครับ

Star12

(5/10)