A Castle for Christmas (★★)

A Castle for Christmas (★★) หนังโรแมนติกอารมณ์ดีโดยมีบรรยากาศคริสต์มาสเป็นฉากหลัง แบบที่ Netflix ขยันทำออกมาต่อเนื่องหลายปีแล้วครับ (ซึ่งก็ถือว่าเดินตามรอย Hallmark มาอีกทีหนึ่ง)เรื่องของนักเขียนนิยายรักชื่อดังนามว่าโซฟี (Brooke Shields) ที่กำลังเจอปัญหาเรื่องงานขนานใหญ่ เธอเลยตัดสินใจหลีกลี้ความวุ่นวายเดินทางไปยังปราสาทแห่งหนึ่งในสก็อตแลนด์ ซึ่งปราสาทแห่งนี้มีความหมายต่อเธอครับ เธอเลยสนใจจะซื้อ แต่แล้วเธอก็ดันไม่ถูกกับเจ้าของปราสาทคนปัจจุบัน (Cary Elwes) ซะอีก เรื่องวุ่นๆ ปนรักๆ เลยเริ่มต้นขึ้นครับหนังเดินตามสูตรโรแมนติกวันคริสต์มาสแบบเป๊ะๆ เปิดมาก็แนะนำนางเอก ตามด้วยแนะนำพระเอก แล้วก็ต้องมีเหตุวุ่นวายให้ทั้งสองไม่ชอบหน้ากันในตอนแรก แล้วสักพักใจของทั้งคู่ก็จะเริ่มสะกิดกันครับ จนอะไรๆ ทำท่าว่าจะไปได้สวย แต่พอถึงตอนค่อนๆ เรื่องมันก็จะมีเหตุให้ทั้งคู่ทะเลาะกันอีก เหมือนเป็นปมส่งท้ายที่ทิ้งให้คนดูต้องมาคอยลุ้นกันอีกทีว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะลงเอยกันได้ไหม ซึ่งจริงๆ มันก็แทบไม่ต้องลุ้นล่ะครับ เพราะยังไงมันก็ต้อง Happy Ending แหงมๆ น่ะ (แต่ยอมรับว่าปมที่ทะเลาะกันในเรื่องออกจะดูจงใจไปหน่อยน่ะครับ ดูเป็นบทกำหนดว่าต้องทะเลาะมากกว่าจะเป็นการทะเลาะกันจริงๆ)จุดเด่นของหนังสไตล์นี้ก็ต้องยกให้ภาพบรรยากาศสวยๆ ครับ เรื่องนี้หนังไปถ่ายทำกันที่สก็อตแลนด์ ยอมรับเลยว่าโลเคชั่นเลือกมาได้ดี ไม่ว่าจะฉากชนบทที่แสนจะสวยงามบนความเรียบง่าย ตามด้วยปราสาทหลังงาม หรือทิวทัศน์โดยรอบก็ถือเป็นอาหารตาชั้นดีครับ ความสวยของธรรมชาติสามารถคลายอารมณ์เราได้อย่างพอเหมาะจริงๆ ซึ่งคนที่รับหน้าที่กำกับภาพนี่ก็คือ Michael Coulter ผู้อยู่เบื้องหลังงานภาพหนังรักอย่าง Four Weddings and a Funeral, Sense and Sensibility, Notting Hill และ Love Actually มาเรื่องนี้ก็ถือว่างานภาพของเขานี่ก็ช่วยเสริมอะไรดีๆ ให้กับหนังได้พอตัวทีเดียวครับ ส่วนหนึ่งอาจเพราะเขาเป็นชาวสก็อตด้วย เลยสามารถจับภาพบรรยากาศของที่นั่นมาได้แบบกำลังดี (ฉากที่พระนางขี่ม้ากลางหิมะแล้วมีท้องฟ้าเป็นฉากหลังนั้นเป็นอะไรที่สวยมากจริงๆ ครับ – ฉากที่พวกเขาจะไปตัดต้นคริสต์มาสกันน่ะครับ)ดาราในเรื่องก็ถือว่าโอเคครับ Shields กับ Elwes เข้าคู่กันได้ไม่เลว Shields ก็สวยแบบสง่าๆ ตามสไตล์ของเธอ ส่วน Elwes ที่มักจะรับบทสมทบในระยะหลังก็มาพร้อมมาดเชิดๆ หยิ่งๆ ประจำตัว บางทีก็มาพร้อมลีลายึ้กๆ ยักๆ ได้ชวนขำดี ส่วนตัวละครสมทบต่างๆ ก็ช่วยเสริมอารมณ์สนุกๆ ให้กับหนังได้พอสมควร คือถ้าให้ว่ากันตรงๆ แล้ว ดาราทั้งชุดนี้อาจไม่ถึงกับลื่นไหลหรือบิ้วอารมณ์เราได้แบบสุดๆ แบบหนังโรแมนติกเข้าโรงสมัยก่อน แต่ก็ถือว่าเวิร์กประมาณหนึ่งครับ เวิร์กตามมาตรฐานหนัง Hallmark, Netflix นั่นแหละอีกอย่างที่ชอบคือดนตรีครับ บรรเลงโดย Jeff Rona ก็มาพร้อมท่วงทำนองได้กลิ่นอายสก็อตช์แบบกำลังเหมาะ แต่ที่ทำให้ผมอึ้งไปพอตัวก็คือ คนกำกับหนังเรื่องนี้เธอคือ Mary Lambert ครับ คอหนังรุ่นใหม่อาจไม่คุ้น แต่ถ้าคอหนังยุค 90 คงจำได้ว่าเธอนี่เองที่กำกับหนังสยอง Pet Sematary เอาไว้ได้อย่างน่าจดจำ (ส่วนภาค 2 ก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจครับ 555) แต่มาคราวนี้เธอจับงานหนังรักครับ ซึ่งถ้าถามว่าเธอทำออกมาได้ดีไหมก็ยอมรับว่าตอบยากนะ เพราะหนังก็ออกมาในมาตรฐานเดียวกับหนังโรแมนติกของ Netflix เรื่องอื่นๆ คือดูได้เรื่อยๆ ดูได้เพลินๆ แต่ไม่ถึงกับเด็ดขาดยอดเยี่ยมน่าจดจำ อีกอย่างคือลายเซ็นต์ของคนทำก็ไม่ค่อยชัดสักเท่าไร ดูๆ ไปแล้วลายเซ็นต์ความเป็นหนัง Netflix จะกลายเป็นว่าชัดกว่าแทนผมเชื่อว่าคนที่ติดตามหนังแนวนี้ก็น่าจะไม่พลาดหนังเรื่องนี้อยู่แล้วน่ะนะครับ แต่หากใครรู้สึกว่าหนังแนวนี้ของ Netflix ไม่ค่อยแนวสักเท่าไรก็สามารถข้ามไปได้ครับ ส่วนผมก็อยู่ในข่ายชอบดูหนังโรแมนติก ซึ่งยุคนี้สมัยนี้ก็หาหนังรักมาดูได้น้อย ไม่เหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนที่ยังมีให้ดูมากกว่านี้ ดังนั้นสำหรับผมแล้ว มีให้ดูก็ดูครับ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าตัวหนังคงยากจะดีถึงระดับหนังอย่าง Sleepless in Seattle, Notting Hill หรือ Love Actually ก็ตาม แต่ก็ถือว่าดูแก้ขัดครับ ซึ่งผมก็ไม่ผิดหวังนะ ดูเอาขำๆ ดูเอาบรรยากาศ ดูเอาความสบายใจอ้อ อีกอย่างหนึ่งหนังรักของ Netflix ที่สร้างโดย Motion Picture Corporation of America (MPCA) ก็ดูเหมือนว่าจะกำลังพยายามสร้างจักรวาลของตัวเองขึ้นมาครับ โดยการแอบเอาตัวละครจากหนังเรื่องก่อนๆ แวะไปโผล่ในหนังเรื่องนี้ ใครเป็นแฟนหนังเหล่านี้ก็ลองจับตาดูครับว่าใครจะโผล่มา แต่เอาเป็นว่าเรื่องนี้ก็อยู่ในจักรวาลเดียวกับ A Christmas Prince และ The Princess Switch นั่นแหละสรุปก็คืออาจไม่ถึงกับโดนใจแบบเต็มๆ แต่ก็ดูได้เรื่อยๆ ในฐานะหนังรักวันคริสต์มาสครับ