2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว

นับเป็นหนังสารคดีอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ได้ให้แค่ความบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการส่งต่อการทำความดีให้กับผู้ชมอีกด้วย สำหรับ 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ ไก่ ณฐพล บุญประกอบ ผู้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดและร่วมงานเบื้องหลังกับ หมู ชยนพ ผู้กำกับ Suck Seed (2011), เมย์ไหน…ไฟแรงเฟร่อ (2015) มาดูกันว่าผลงานการกำกับเรื่องแรกของเขานั้นจะทำออกมาประทับใจแค่ไหน

2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว ว่าด้วยเรื่องราวตลอด 55 วัน ของโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ด้วยระยะทาง 2,215 กิโลเมตร จากเบตง จังหวัดยะลา ถึงแม่สาย จังหวัดเชียงราย บันทึกทุกฝีก้าวที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจในการทำความดี ก้าวนี้..เพื่อศิริราช

ด้วยการบริจาคเงินเพื่อหารายได้ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่ออาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อาคารหลังสุดท้ายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานนามให้ เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส โรงพยาบาลศิริราช และผลิตบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ต่อไป

แน่นอนว่าเรื่องราวที่อยู่ในหนังสารคดีเรื่องนี้เราก็พอจะทราบกันดีอยู่แล้วว่ามันมีจุดเริ่มต้นและจบอย่างไร จึงเป็นที่คิดกันว่าทางทีมผู้สร้างนั้นจะมีวิธีการร้อยเรียงเรื่องราวออกมาให้น่าสนใจได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งค่อนข้างมีความคาดหวังสูงทีเดียว เมื่อได้เข้าไปชมเรื่องราวที่มี ตูน อาทิวราห์ ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเรื่อง แล้วก็พบว่าไม่ได้ดีมากอย่างที่หวัง

ในส่วนของโปรดักชั่นงานสร้างนั้นแทบไม่มีที่ติอยู่แล้ว เช่นเดียวกับการเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบออกมาได้อย่างน่าประทับใจ มีการเผยหลายๆ มุมของ ตูน อาทิวราห์ ที่เราอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นการแสดงออกแบบธรรมชาติทั่วไปของมนุษย์ ทั้งโกรธ สุข เศร้า เคล้ากันไป แต่มันไม่ได้ถูกนำเสนอออกมาอย่างเข้มข้นเท่าที่หวังไว้ ต้องยอมรับว่ายังมีบางจุดที่ค่อนข้างจืดชืด เหมือนกินอาหารแล้วขาดรสชาติอะไรบางอย่าง

หากมองในเรื่องของสิ่งที่ผู้ชมจะได้รับจากการดูหนังสารคดีเรื่องนี้ แน่นอนว่ามันสามารถสร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี และเติมพลังใจให้กับคนที่ยังเชื่อในการทำเพื่อผู้อื่นอยู่เสมอ เหนือสิ่งอื่นใดยังเป็นการพิสูจน์ความเชื่อของผู้ชายคนหนึ่งที่มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ จนทำเราให้เราต้องหลั่งน้ำตาออกมาได้แทบทุกฉากที่เขาต้องฝืนสังขารกัดฟันทำภารกิจให้สำเร็จ ทั้งยังได้เห็นภาพประวัติศาสตร์การร่วมแรงร่วมใจของคนไทยที่ใช่ว่าจะเห็นกันได้แบบพร้อมเพรียงกันขนาดนี้อีกด้วย

เอาเป็นว่าหากใครที่ยังลังเลตัดสินใจว่าจะเข้าไปชมหนังสารคดีเรื่องนี้หรือไม่นั้น ก็ขอการันตีเลยว่าไม่ควรพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ ซึ่งนอกจากจะได้ความบันเทิงจากหนังแล้ว เรายังได้ร่วมกันทำบุญอีกหนึ่งช่องทางด้วย