ไซอิ๋ว 2 ตอน ศึกราชาวานรพิชิตมาร (2016) The Monkey King 2

Untitiled05469

จุดหนึ่งที่จัดว่าน่าเสียดายในภาคนี้คือการที่ Donnie Yen ไม่กลับมารับบทซุนหงอคง ซึ่งคนที่มารับบทแทนก็คือ กั๊วฟู่เฉิง (ที่ภาคก่อนเล่นเป็นปีศาจกระทิง) ที่แม้ว่าพี่แกจะแสดงได้ดีอยู่ แต่ในแง่แอ็กชันลีลากังฟูแล้ว ยังไงป๋า Donnie ก็พริ้วกว่าครับ

แต่กระนั้นก็ไม่เป็นไร ขอให้หนังทำออกมาสนุกดูเพลินก็น่าจะโอเคแล้วล่ะ ซึ่งผลลัพธ์ออกมาเป็นไงเดี๋ยวมาว่ากันอีกทีครับ

ภาคนี้ต่อจากภาคก่อน หลังจากหงอคงถล่มสวรรค์แล้วก็โดนเนรเทศมาขังอยู่ใต้ภูเขาเบญจคีรีเป็นเวลา 500 ปี รอจนพระถังซัมจั๋ง (เฝิงเส้าเฟิง) ผ่านมาเพื่อปลดปล่อยเขา แล้วเขาก็ต้องปกป้องพระถังจนกว่าจะเดินทางถึงชมพูทวีป เพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกกลับมายังแผ่นดินจีน

แล้วระหว่างทางพวกเขาก็เจอกับปีศาจมากมาย ซึ่งบางตัวก็มาร่วมเดินทางไปด้วยกัน อันได้แก่ ตือโป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง แต่บางตัวก็มาเพื่อแล้วหวังร้ายเป็นหลัก (ส่วนมากก็คือหวังกินเนื้อพระถังนั่นเอง) ซึ่งบอสใหญ่ในภาคนี้ก็คือปีศาจกระดูกขาว (กงลี่)

หนังถือว่าเลือกตอนมาทำได้เหมาะดีครับ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบตอนปะทะปีศาจกระดูกขาวมากๆ เพราะเป็นตอนที่เข้มข้นและชวนติดตาม อีกทั้งยังเป็นตอนที่เล่นกับประเด็นดราม่าได้แบบเต็มขั้น เนื่องจากปีศาจกระดูกขาวเจ้าเล่ห์มากมาย แทนที่จะบุกมาหาเรื่องพระถังและเหล่าศิษย์แบบโจ่งแจ้ง แต่มันกลับใช้วิธีอ้อมๆ  ยุแยงให้พระถังกับหงอคงแตกกันก่อน แล้วค่อยลงมือจัดการกินพระถังทีหลัง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปีศาจระดับบอสที่ฉลาดมากตนหนึ่งในบรรดาปีศาจทั้งหมดที่มาหาเรื่องพระถังทีเดียว

Untitiled05470

แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่าฉบับหนังใหญ่นี้ไม่เน้นดราม่ามากเท่ากับแอ็กชันและสารพัดฉาก CG ซึ่งดูเหมือนว่าหนังจีนยุคหลังๆ จะเน้น CG กันเป็นหลัก (ส่วนหนึ่งเพราะพอทำออกมาแล้วชาวจีนชอบกันน่ะครับ สังเกตได้จากหนังจีนที่ทำเงินในจีนส่วนมากมักเป็นหนังแฟนตาซีที่ CG เยอะๆ อภินิหารแยะๆ ในขณะที่เนื้อหาไม่เน้นกันสักเท่าไร)

สำหรับตัวหนังก็ดูได้เรื่อยๆ ครับ CG เยอะจริง ไม่ค่อยได้เห็นโลเกชั่นงามๆ จริงๆ ของจีนเท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นฉากที่เซ็ทขึ้นมา ซึ่งหากว่ากันถึงความอลังการแล้ว ภาคก่อนจะดูอลังกว่าและมีฉากหลากหลายกว่าครับ ในขณะที่ภาคนี้ฉากดูจะมีพื้นที่จำกัด ไม่ว่าจะฉากกระท่อมกลางป่าที่ปีศาจกระดูกขาวตั้งขึ้นเพื่อดักรอพระถัง ฉากนี้จะว่าสวยก็สวยครับ แต่ดูเป็นฉากเซ็ทมากๆ เลย

หรือกระทั่งฉากในเมืองก็ยังดูแคบๆ ครับ (ผมว่าฉากในเมืองในหนังจีนชุดย้อนยุคยังดูกว้างกว่าเลยนะ) ดูเผินๆ เลยเหมือนหนังมีทุนจำกัด แต่ทุนสร้างจริงๆ ไม่ต่ำกว่า 65 ล้านเหรียญอเมริกาทีเดียวนะครับ

หลายคนแซวว่าทุนส่วนมากน่าจะหมดไปกับ Effect ปีศาจกระดูกขาว ซึ่งผมก็แอบเห็นด้วยนะ เพราะ CG ปีศาจกระดูกขาวดูเนี๊ยบและเทพจริงๆ ไม่มีหลุดเลยครับ ไม่ว่าจะชุดต่างๆ หรือตอนนางออกฤทธิ์ชายเสื้อคลุมพลิ้วเป็นริ้วๆ จุดนี้ยอมรับว่าทำออกมาได้ดีมากเลยล่ะครับ และที่สำคัญคือกงลี่แสดงได้ดีอีกด้วย ทั้งสวยและสง่าแบบสุดๆ ไปเลย

ด้านเนื้อเรื่องก็จัดว่าโอเคนะครับ ดูมีอะไรมากขึ้นกว่าภาคแรก จริงๆ หนังมีวาระชวนซึ้งหรือดราม่าอยู่ไม่น้อย อีกทั้งตัวปีศาจกระดูกขาวเองก็มีปมในอดีตที่น่าเห็นใจไม่น้อยเหมือนกัน แต่อย่างที่บอกครับว่าหนังไม่ได้เน้นอารมณ์ขนาดนั้น เลยทำให้ความซึ้งหรือความดราม่ามันมีเพียงระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นพีคหรือเข้มเท่าไร

แต่อย่างน้อยหนังก็มีจุดที่ผมชอบอยู่อย่าง คือบทพูดน่าสนใจที่เหล่าตัวละครในเรื่องพูดกันน่ะครับ อย่างตอนที่พระถังไปคุยกับหงอคงบนยอดเขาแล้วก็พูดว่าดวงตาของพระถังและดวงตาของหงอคงนั้นเห็นกันไปคนละแบบ ด้วยเหตุนี้กระมังเจ้าแม่กวนอิมถึงให้พวกเขามาเดินทางด้วยกัน (เพื่อให้พวกเขากลั่นกรองสถานการณ์โดยการเอามุมมองที่แตกต่างมาหารสอง แล้วมองตามความเป็นจริง)

หรือตอนที่พระราชาพูดกับพระถังว่า “พระพุทธองค์ยังสอนคนชั่วไม่ได้เลย แล้วท่านจะทำได้อย่างนั้นหรือ” หรือตอนที่พระราชาตั้งคำถามกับพระถังว่าระหว่างทางที่ท่านเดินทางไปนั้นมีกี่ชีวิตที่ต้องดับสูญไป ซึ่งคำพูดเหล่านี้ผมว่าน่าสนใจใช้ได้เลยนะ อย่างน้อยผมว่าคนเขียนบทก็มองประเด็นมาใส่ในบทสนทนาได้ดีเหมือนกัน เพียงแต่ประเด็นเหล่านี้เหมือนจะเพียงถูกใส่ลงมาในปากตัวละครเท่านั้น ไม่ได้รับการต่อยอดสักเท่าไร ซึ่งก็แอบเสียดายครับ เพราะถ้าหนังเล่นกับประเด็นต่างๆ เหล่านี้มากขึ้น หนังจะมีอะไรแน่นๆ มากขึ้นอีกพอตัวทีเดียว

สรุปว่าเป็นภาคต่อที่โอเคน่ะครับ อลังน้อยลง และหงอคงดูเป็นลิงที่ซนน้อยลง (ภาคก่อนพี่ Donnie แกเล่นได้ซนโคตรๆ) ด้านเนื้อเรื่องก็ถือว่ากลางๆ มีดราม่าแทรกพอประมาณ เรียกว่าโดยรวมถือว่าดูได้เพลินๆ น่ะครับ แต่อาจไม่ถึงขั้นเจ๋งมากมายเท่านั้นเอง

โดยส่วนตัวแล้วผมว่าไซอิ๋วฉบับพี่จางเหว่ยเจี้ยนนั้น ตอนตีกับปีศาจกระดูกขาวมันมีความสนุกและซึ้งกินใจมากกว่าเยอะครับ

สองดาวครับ

Star21

(6/10)