ใหญ่ฟัดโลก (1995) Rumble in the Bronx

Untitled05879

เรื่องนี้ถือเป็นผลงานที่ทำให้เฉินหลงเป็นที่รู้จักแบบเต็มๆ ในอเมริกาครับ (ก่อนหน้านี้เฮียเขาก็มีผลงานที่พยายามบุกไปอเมริกาอย่าง Battle Creek Brawl และ The Protector แต่ก็ยังไม่ปัง)

เฮียเฉินหลงรับบทผู้กองเฉียง นายตำรวจฮ่องกงที่เดินทางไปอเมริกาเพื่อร่วมงานแต่งงานของลุงเปียว (Bill Tung) ซึ่งลุงเปียวเป็นเจ้าของกิจการร้านซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ในเขตบรองซ์ครับ และลุงเปียวก็ตัดสินใจขายกิจการให้กับสาวชาวจีนที่ชื่อ อีเลน (Anita Mui) ก่อนจะเดินทางไปฮันนีมูนกับคนรัก ปล่อยให้อาเฉียงคอยจัดการเรื่องการขายร้านให้อีเลนต่อ

แต่ทีนี้ก็มีพวกอันธพาลมาก่อกวนครับ อาเฉียงเลยพยายามปกป้องร้านและปกป้องอีเลน จนในที่สุดเขาก็โดนพวกมันรุมจนเดินแทบไม่ไหว และจากเหตุการณ์นั้นก็ทำให้เขาได้รู้จักกับแนนซี่ (Françoise Yip) แฟนสาวของหัวหน้าแก๊งอันธพาลที่เขาไปมีเรื่องด้วย (เพราะพอดีว่าอาเฉียงเคยรู้จักและซื้อของเล่นให้กับน้องชายของแนนซีครับ เธอเลยตระหนักว่าเธอมีส่วนทำร้ายคนดีๆ เข้าให้เสียแล้ว)

เนื้อเรื่องถัดจากนั้นก็ว่าด้วยการปะทะกันระหว่างอาเฉียงและแก๊งอันธพาล และยังมีปมเรื่องมาเฟียกับเพชรเข้ามาอีก ก็ถือว่าพล็อตมันนุงนังนิดหน่อยตามสไตล์หนังจีนครับ

ตัวหนังนั้นมีอยู่ 2 เวอร์ชั่นใหญ่ๆ ครับ นั่นคือเวอร์ชั่นดั้งเดิมที่ฉายในฮ่องกงที่จะมีความยาวราวๆ 104 นาที กับอีกเวอร์ชั่นที่ถูกตัดให้สั้นลงสำหรับฉายในอเมริกาจนความยาวเหลือแค่ 89 นาที ซึ่งเวอร์ชั่นนี้นี่แหละครับที่ไปทำเงินถึง $32.3 ล้านในอเมริกาและทำให้คนมะกันคลั่งไคล้เฉินหลงกันแบบเป็นล่ำเป็นสัน

ผมนั้นมีโอกาสได้ดูทั้ง 2 เวอร์ชั่นครับ และบอกได้ว่าชอบเวอร์ชั่นฮ่องกงมากกว่า เพราะรายละเอียดมันครบถ้วน ในขณะที่ฉบับอเมริกานั้น โดยหลักๆ แล้วฉากแอ็กชันจะอยู่ครบครับ ส่วนที่โดนเฉือนออกไปราวๆ 15 นาทีนั้นก็คือส่วนของเนื้อเรื่อง หลักๆ เลยคือวิบากกรรมที่อีเลนต้องเจอ เพราะเธอโดนอันธพาลมาก่อกวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผมรู้สึกสงสารเธอเลยครับ และนั่นยังถือว่าเป็นเหตุผลที่ผลักดันให้อาเฉียงทนไม่ได้และต้องไปมีเรื่องกับพวกอันธพาล

Untitled05880

และอีกเนื้อหาหนึ่งที่หายไปเลยในฉบับอเมริกาคือ การเป็นตำรวจของอาเฉียงครับ คือในฉบับฮ่องกงจะมีการบอกไว้แบบชัดเจนว่าอาเฉียงเพิ่งได้เลื่อนขั้นเป็นผู้กอง ซึ่งนั่นก็จะอธิบายการที่เขามีฝีมือกังฟูในระดับเทพได้มากขึ้น

ฉบับฮ่องกงมันดูพอดีกว่าน่ะครับ จังหวะการเดินเรื่อง การเล่าเรื่องมันดูพอเหมาะ ดูสมเหตุผล ส่วนฉบับอเมริกายอมรับว่าบางจังหวะมันก็ดูห้วน เหมือนจู่ๆ ก็ตัดจากฉากนั้นมาฉากนี้แบบห้วนๆ แล้วตัวหนังก็ดูจะมีแต่การต่อยตีเพียงอย่างเดียว แต่เราแทบจะไม่ได้เห็นแง่มุมอื่นของตัวละครสักเท่าไร (ยกเว้นการจีบกับของอาเฉียงกับแนนซี่ที่จะยังคงอยู่ครับ)

สำหรับตัวหนังฉบับเต็มนั้น ถ้าถามว่าสนุกไหมก็ถือว่าสนุกทีเดียวครับ เนื้อเรื่องมันอาจจะตามสูตร (แบบเดียวกับ The Way of the Dragon ของ Bruce Lee) แต่ก็ดูได้เพลินๆ เฮียเฉินก็บู๊ปนฮาได้อย่างน่าจดจำ และยังมีโมเมนต์ได้แสดงอารมณ์ดราม่านิดๆ ด้วย ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็เสริมเรื่องได้ดีครับ และถ้าถามว่าผมชอบอะไรที่สุด ก็คงต้องยกให้กับสิ่งที่อาเฉียงพูดกับเหล่าอันธพาลในตอนท้ายเรื่อง ตั้งคำถามว่าทำไมต้องมาทำตัวเป็นกากเดนสังคมแบบนี้ ทำไมไม่คิดจะหาอะไรดีๆ ทำ มันดูเป็นอะไรที่ตรงไปตรงมาดีครับ (ผมเชื่อว่าใครๆ หลายคนก็อยากเอ่ยคำถามแบบนี้นะ แต่พอดีไม่ได้เก่งเหมือนเฉียเฉิน เลยไม่กล้า 555)

ผมว่าหนังน่ะสนุกดีครับ มีครบรสทั้งแอ็กชัน อารมณ์ขัน และดราม่านิดๆ ฉากบู๊เสี่ยงตายสไตล์เฮียเฉินก็ยังน่าพอใจ แต่ถ้าจะมีอะไรที่รู้สึกว่าทำให้หนังดูพร่องไปก็คงเป็นแอ็กชันช่วงไคลแม็กซ์น่ะครับ แม้ฉากไล่ล่าด้วยโฮเวอร์คราฟท์ตอนท้ายจะดูยิ่งใหญ่และลงทุนเยอะอยู่ แต่ในแง่ความมันส์แล้วมันยังไม่เยอะน่ะครับ และการที่บอสตัวร้ายโดนเล่นแบบที่เป็นในหนังนั้นมันดูไม่สาสมกับความร้ายที่มันทำสักเท่าไร (จริงๆ คือมันดูตลกด้วยน่ะครับ) ว่าง่ายๆ คือจริงๆ อยากเห็นเฮียเฉินแกบู๊ซัดด้วยหมัดลุ่นๆ แบบที่พี่แกชอบทำเป็นประจำมากกว่า ดังนั้นความมันส์ช่วงท้ายมันเลยอาจจะดูหย่อนๆ ลงไปนิดนึง

โดยรวมแล้วถือเป็นหนังเฮียเฉินที่ควรค่าแก่การดูครับ แต่ก็อย่างที่บอกว่าหากใครคาดหวังไคลแม็กซ์แบบอัดกันหนักๆ ซัดกันนัวๆ ก็ต้องปรับใจไว้สักหน่อยเท่านั้นเอง แต่อย่างน้อยฉากบู๊ระหว่างทางก่อนหน้าจะถึงไคลแม็กซ์มันก็ดูสนุกอยู่ครับ

สองดาวกว่าๆ ครับ

Star21

(6.5/10)