โคตรเซียนมาเก๊าเขย่าเกาจิ้ง (2015) From Vegas to Macau II

Untitled03736

หนังภาคแรกผมถือว่าทำออกมาเอาฮา ชวนขำ ดูได้แบบเพลินๆ แล้วก็ยังแซวหนังคนตัดคนได้น่ารักไม่น้อย

ส่วนภาคต่อนี้มาถ่ายทำในไทยครับ เนื้อหาเกินครึ่งเกิดขึ้นในบ้านเรา เรื่องราวว่าด้วย เคน (โจวเหวินฟะ) เซียนพนันสายฮาที่ต้องเผชิญกับ D.O.A. องค์กร (ประมาณว่าก่อการร้ายและก่อการโกงน่ะนะครับ) ที่แสนร้ายกาจ

ส่วนอีกตัวละครก็รับบทโดยจางเจียฮุยครับ เป็นนักบัญชีขององค์กรที่ยักยอกเงินของพวกนั้นมาก็เลยโดยตามล่าทั้งจากองค์กรและจากตำรวจสากล ซึ่งไปๆ มาๆ พวกเขาก็ต้องร่วมมือกันเพื่อปราบองค์กร D.O.A. ที่ว่านี้

หนังโกยเงินถล่มทลายที่เมืองจีนครับ (น่าจะประมาณ $157 ล้านดอลล่าร์สหรัฐได้) แล้วยังมีการทำภาค 3 ออกมาฉายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งทำเงินมากกว่าภาคนี้อีกด้วย

แต่พูดก็พูดครับว่าผมคงไม่แนวสำหรับหนังจีนสมัยใหม่ ยิ่งหนังจีนที่บอกว่าทำเงินมากๆ ผมดูแล้วนิ่งเกือบทุกเรื่อง ดังนั้นในเบื้องต้นหากใครดูหนังจีนยุคใหม่แล้วสนุก (เช่น เงือกสาวปังปัง) ก็น่าลองดูเรื่องนี้ครับ ไม่แน่ว่าท่านอาจจะชอบก็ได้

ส่วนผมเอง ผมชอบภาคแรกมากกว่านะ คือจริงๆ ภาคแรกก็ไม่ได้ชอบแบบเป็นเรื่องเป็นราวหรอกครับ แต่ถ้าเอามาเทียบกับภาคนี้แล้ว ผมว่าภาคแรกมันดูมีพล็อตชัดเจน เดินเรื่องแบบมีทิศทางกว่า และมุกตลกแม้จะขำบ้างแป๊กบ้าง แต่ก็ยังพอไหว

ในขณะที่ภาคนี้หนังดูลงทุนครับ มีฉากหลากหลายมากขึ้น แม้หลายๆ ฉากจะใช้ CG แบบกระจายก็เถอะ (และรู้สึกว่าตอนเข้าโรงหนังจะฉายแบบ 3D ด้วย) ซึ่งอะไรเหล่านี้ก็ทำให้โทนหนังดูใหญ่ขึ้นกว่าภาคที่แล้ว

แต่การเดินเรื่องดูโดดอยู่ครับ คือจริงๆ ลำดับเหตุการณ์ในหนังถ้าดูไปมันก็เข้าใจล่ะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไร ใครกำลังไปไหน และบทสรุปเป็นยังไง แต่มันเหมือนเอาฉากมาชนฉากไปเรื่อยๆ บางฉากก็เน้นขายมุกตลกเป็นหลักแต่ไม่ได้มีผลอะไรกับเนื้อเรื่อง และจะว่าไปมุกที่เอามาเล่นมันก็ไม่ได้ขำอะไรมากมายด้วย เลยทำให้เรื่องมันสะเปะสะปะ เป๋ไปในบางจังหวะเหมือนกัน

Untitled03737

ในแง่การเดินเรื่องมันไม่ค่อยต่อเนื่องโดยเฉพาะในแง่อารมณ์ครับ เพราะบางฉากหนังก็พยายามเล่นกับอารมณ์ครับ คือบทจะซึ้งก็ซึ้งขึ้นมาแบบจัดๆ ตัวละครร้องไห้กันแรงๆ ซึ่งจริงๆ ดาราเล่นดีนะ (โดยเฉพาะน้องเด็กน้อยแก้มยุ้ยในเรื่องน่ะครับ) แต่มันเหมือนจะพีคก็พีคเลย โดยไม่ได้ปูอารมณ์มาก่อน มันก็เลยแปร่งๆ ไปเหมือนกัน

มันเลยอดคิดไม่ได้น่ะครับว่าถ้าหนังตัดฉากที่มันนอกลู่ออกไปบ้าง แล้วก็พยายามเล่าแบบพอดีๆ ไม่ต้องเว่อร์วังอะไร ไม่ต้องพยายามขำอะไร เอาแบบพอดีๆ คือตลกไปพร้อมกับเล่าเรื่อง คุมโทนและทิศให้มันชัด ผสมมิติตัวละครลงไปแบบพอดีๆ บ้าง มันคงออกมาลงล็อกกว่านี้มากน่ะครับ

สารภาพว่าพยายามไม่คิดมากนะ แต่คนกำกับน่ะคือพี่หวังจิ้ง ที่เคยทำคนตัดคน, คนกัดคน, คนเล็กตัด 5 เอ และสารพัดหนังฮาที่โจวซิงฉือเล่น (อย่างอุ้ยเสี่ยวป้อ, เปาบุ้นจิ้นหน้าขาว) ซึ่งพี่แกมือแม่น มุกโดน และจังหวะการเล่าเรื่องมันเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่านี้น่ะครับ พอมาเจอเรื่องนี้เลยคิดอยู่ในหลายวาระว่า “มันไม่ใช่อ้ะ”

แต่ก็นั่นล่ะครับ ผมเชื่อว่าหลายคนถ้าจะดูเอาขำก็น่าจะได้นะ อย่างน้อยการได้เห็นโจวเหวินฟะมาเล่นขำๆ (แบบที่ไม่ได้เห็นมานาน) กับดารารับเชิญน้อยใหญ่ในเรื่องก็พอจะสร้างความเพลินได้บ้าง และในเรื่องถ้าจะมีฉากที่ผมชอบ มีฉากเดียวเลยครับ คือตอนที่เฮียโจวกับหลิวเจียหลิงสวีทกัน ขี่มอเตอร์ไซค์กัน ผมรู้สึกอารมณ์ฉากนี้เหมือนหนังเฮียโจวสมัยก่อน (ฉากพระเอกเท่ห์ นางเอกก็ซบกันไป) ชอบฉากนี้อยู่ฉากเดียวเลยจริงๆ

… แต่สำหรับผมนั้น สงสัยคงไม่แนวหนังจีนยุคใหม่จริงๆ ล่ะครับ ใจมีแต่จะไปคิดถึงหนังจีนยุค 80 – 90 – 2000 อยู่ตลอดเลย ^_^

ดาวครึ่งครับ

Star12

(5/10)