รักไม่เป็นภาษา (2019) London Sweeties

Untitled05897

หนังตลกผสมโรแมนติกของบ้านเราที่ถือว่าดูเพลินกว่าที่คิดครับ

เรื่องของพรอน (เมลดา สุศรี) สาวน้อยจอมบ้าจี้ที่จำเป็นต้องเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของพี่สาว (แอริน ยุกตะทัต) ที่ลอนดอน แต่แค่วันแรกที่ไปก็่ก่อเรื่องป่วน เพราะเธอนั้นกลัวการพูดภาษาอังกฤษแบบสุดๆ จนพี่สาวต้องสั่งให้เธอไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม

ที่นั่นเธอได้เจอกับโบ้ (ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์) ช่างซ่อมรถจากเมืองไทยที่ตั้งใจเดินทางไปลอนดอนเพื่อดูแลคนรัก และจู๊ด (ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์) ที่ตั้งใจไปลอนดอนตามคำท้าของเพื่อน ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทั้ง 3 มีเหมือนกันก็คือ พูดอังกฤษไม่เป็น เวลาจะพูดทีก็เหงื่อแตกลนลานจนไม่เป็นอันทำอะไร

เรื่องคร่าวๆ ก็ประมาณนี้ครับ ชาวไทย 3 คนที่ไม่เก่งภาษาแต่ต้องไปผจญภัยกันในอังกฤษ และแต่ละคนก็มีปมของตัวเอง จึงทำให้เกิดเรื่องฮาๆ และเรื่องดราม่าผสมปนเปกัน

เป็นอีกเรื่องที่ผมไม่คาดหวัง แต่ผลที่ได้ถือว่าไม่เลวครับ โอเค ช่วงต้นๆ ยอมรับว่าความรู้สึกที่มีต่อหนังยังไม่เข้าที่ เหมือนหลายๆ อย่างยังไม่ลงตัว มีแปร่งมีปร่าบ้าง มุกก็ฮาบ้างไม่ฮาบ้าง แต่พอตัวละครเดินทางมาถึงลอนดอนแล้ว หนังก็เริ่มเซ็ทตัวทีละน้อย ค่อยๆ พาเราไปรู้จักกับตัวตนของ 3 ตัวละครหลักแล้วก็ตัวละครสมทบแวดล้อม ช่วงกลางๆ นี่ถือว่าหนังเริ่มอยู่ตัวครับ และพอถึงตอนจบก็ถือว่าจบได้พอเหมาะกำลังดี จบแบบเรียกรอยยิ้มเราได้น่ะครับ

หนังจัดว่ามีองค์ประกอบดีๆ หลายอย่างครับ เริ่มจากนักแสดงที่ถือว่าทำได้ดี โบว์ เมลดา ก็โก๊ะก๊องได้ฮาพอสมควร ส่วน ฟรอยด์ นี่ลอยตัวอยู่แล้วครับ รายนี้เล่นเรื่องไหนก็ลื่นเรื่องนั้น เป็นคนเรียกเสียงฮาให้คนดูได้เรื่อยๆ ส่วน เบสท์ ณัฐสิทธิ์ ก็ถือว่าไม่เลวครับ เรียกว่าแต่ละคนก็มีโมเมนต์ของตัวเองสลับกันไป

Untitled05896

ของชอบอย่างต่อมาคือภาพบรรยากาศในลอนดอนครับ ทีมงานถ่ายมาได้ดีและเลือกโลเกชั่นได้เหมาะมาก ผมชอบบรรยากาศแถวบ้านของพี่สาวพรอนนะ มันดูเรียบง่ายแต่สวยงาม เหมาะแก่การไปเดินเล่นมากๆ ส่วนโลเกชั่นอื่นๆ ก็เสริมอารมณ์ความเป็นหนังรัก+อบอุ่น+เบาสมองได้เป็นอย่างดี

ส่วนที่อาจยังไปไม่ถึงฝั่งนักก็คือเรื่องบทครับ อันนี้จริงๆ ก็พูดยากเพราะไม่รู้ว่าบทจริงๆ ของหนังมันมีรายละเอียดมากกว่าที่เราเห็นในหนังหรือเปล่า โดยเฉพาะเรื่องปมของแต่ละคนที่จริงๆ ผมว่าน่าสนใจนะ อย่างพรอนก็มัวแต่กลัวการพูดภาษาอังกฤษจนทำให้ว่าที่พี่เขยหมดความมั่นใจ, โบ้ก็คิดไปไกลเลยเกี่ยวกับพฤติกรรมบางอย่างของแฟน และจู๊ดก็ต้องสานสัมพันธ์กับสาวต่างชาติที่ไม่ยอมพูดกับเขาแม้แต่คำเดียว จริงๆ ปมเหล่านี้เปิดมาดีครับ และจุดลงเอยก็ถือว่าโอเคด้วย แต่ที่มันพร่องไปก็คือการเดินเรื่องระหว่างทางนี่แหละครับ เพราะสุดท้ายแต่ละปมก็ถูกแก้ได้สำเร็จ (เพื่อให้หนังจบแบบ Happy) แต่ทีนี้กระบวนการการแก้ปม แก้ความเข้าใจผิดหรือแก้ไขความผิดพลาดของแต่ละตัวละครเรากลับไม่ได้เห็นสักเท่าไร เหมือนบทจะแก้ได้จะลงเอยได้ก็ลงเอยตามสูตรไปเลย

อย่างพรอนกับพรรคพวกที่ทำให้ว่าที่พี่เขยเข้าใจผิดว่าไม่มีใครอยากคุยกับเขา+ไม่มีใครยอมรับเขา จริงๆ ปมนี้เปิดโอกาสเกิดฉากดีๆ ได้เลยครับ อย่างการให้พรอนพยายามพูดเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ (ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้เก่งอังกฤษ) มันคงเป็นอะไรที่กินใจดีที่น้องสาวพยายามทำเพื่อพี่สาว พยายามข้ามความกลัวที่ฝังแน่นของตนเพื่อความสุขชั่วชีวิตของพี่

หรือปมของจู๊ดที่จริงๆ ก็สามารถทำอะไรที่น่ารักหรือทุ่มเทมากกว่าที่เห็นได้ (เช่น พยายามหาทางเรียน “ภาษา” ที่จะสื่อสารกับสาวที่เขาหมายปอง เป็นต้น) ซึ่งมันก็จะนำพาความซึ้งเพิ่มลงไปได้

ยังมีปมหนุ่มฝรั่งเศสที่มาตามจีบพรอนอีก จริงๆ ตัวละครนี้ก็สามารถเล่นอะไรได้อีกหลายอย่างครับ เอาแค่การตามจีบนี่จริงๆ ก็สามารถทำอะไรได้มากกว่าเพียงแค่เดินตามหรือใส่หูฟังฟังเพลงร่วมกัน ทำยังไงก็ได้ให้เรารู้สึกว่าพ่อหนุ่มคนนี้พยายามจริงๆ นะ แบบนั้นก็คงทำให้บทสรุปดูหนักแน่นและซึ้งขึ้นอีกระดับ

แต่เท่าที่เป็นคือ หนังคลายปมแบบง่ายๆ ตามสูตรของหนังแนวนี้น่ะครับ ก็เลยรู้สึกเสียดายเหมือนกัน เพราะหากใส่รายละเอียดเพิ่มเติมลงไปได้ หนังคงชวนให้ประทับใจมากกว่านี้

แต่ก็นั่นล่ะครับ หนังก็เขาก็ทำออกมาให้ชมกันแล้ว ก็ถ้าไม่คาดหวังอะไรหรือถ้าไม่คิดมากแบบที่ผมคิดก็ถือว่าดูได้เรื่อยๆ ครับ แม้มันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็ดูเอาความสบายใจได้ หรือจะดูเอาภาพบรรยากาศสวยๆ ของลอนดอน (รวมถึงบางส่วนของไทย – ผมชอบฉากทางเดินกลับบ้านของโบ้นะ มันดูมีเสน่ห์แบบไทยๆ ดี) ก็จัดว่าโอเคอยู่ครับ

สองดาวหน่อยๆ ครับ

Star21

(6/10)