ลิเวอร์พูล พลาดท่าเสียทีหลังครองบอลขึงเกมเหนือกว่าแต่ดันจบสกอร์ไม่เป็นก่อนเจอทีเด็ด วินิซิอุส จูเนียร์ ยิงประตูโทนพา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 14 ส่วน “หงส์แดง” พลาด 2 โทรฟีย์ใน 1 สัปดาห์ปิดซีซั่นด้วยดับเบิ้ลแชมป์แบบเซ็งในอารมณ์
แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ
ลิเวอร์พูล 0 – 1 เรอัล มาดริด
สนาม: สต๊าด เดอ ฟร้องซ์
รอบชิงชนะเลิศ แชมปี้ยนส์ ลีก ปีนี้ต้องลงเล่นช้าไป 36 นาทีเนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย โดยมีรายงานระบุว่าแฟนบอลจำนวนไม่น้อยพยายามเข้าสนามทั้งที่ไม่มีตั๋วชมการแข่งกัน
เกมลงสนามพร้อมสายตาที่จับจ้องจากทุกมุมโลก โดยผ่านไป 15 นาทีแรกทั้งสองทีมพยายามครองบอลหาโอกาสเข้าทำ ซึ่งเป็นทาง หงส์แดง เกือบเฮในนาทีที่ 16 เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แหวกเข้าเขตโทษทางขวาก่อนปาดเรียดมาตรงกลาง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ล้มตัวยิงแต่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ปัดบอลได้ทัน ก่อนทาง ติอาโก้ อัลกันตาร่า ปั่นด้วยขวาเข้ามือนายด่าน เรอัล มาดริด
ลิเวอร์พูล จบได้ดีกว่านาที 21 พลาดออกนำ ซาดิโอ มาเน่ หักจากซ้ายเข้าในกดด้วยขวา ติโบต์ กูร์กตัวส์ ปัดบอลชนเสากระดอนมาหน้าประตูก่อนตามไปตะครุบ
ท้ายเกมนาทีที่ 43 มีจังหวะปัญหา คาริม เบนเซม่า สอดเข้าเขตโทษทางขวายึกยักหลอกแล้วบอลทะลักมากลางประตูก่อนเด้งกลับไปหากองหน้าฝรั่งเศสแปด้วยซ้ายเสียบตาข่ายแต่มีธงล้ำหน้ายกขึ้นมา
ทีมงานผู้ตัดสินชาวฝรั่งเศสใช้เวลาตรวจสอบผ่าน วีเออาร์ หลายนาทีก่อนจะยืนยันเป็นลูกล้ำหน้าเนื่องจาก เบนเซม่า อยู่หลัง อาลีสซง และมีนักเตะหงส์แดงรายเดียวเท่านั้นที่ยืนเหนือแข้งเลือดน้ำหอม
ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ยังคงอาศัยเกมเพรสซิ่งบีบเล่นงาน ราชันชุดขาว ต่อเนื่อง แต่กลับมาโดนทีเด็ด เรอัล มาดริด ในนาที 59 จากการต่อเกมขึ้นมาทางขวา เฟเดรีโก้ วัลเวร์เด้ ปาดเข้าเขตโทษหลุดถึงเสาไกล วินิซิอุส จูเนียร์ ยิงจ่อๆ ไม่พลาด 1-0
ภาพช้าพยายามแสดงให้เห็นว่ากองหน้าบราซิลล้ำหน้าหรือไม่ แต่ไม่มีการตรวจสอบจาก วีเออาร์ และทางผู้ตัดสินเป่าเริ่มเกม
หงส์แดง หมายเอาคืนนาที 64 มีจังหวะลุ้นเมื่อทาง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ลากตัดจากขวายิงด้วยซ้ายกะให้บอลเข้าเสาไกลแต่ทาง ติโบต์ กูร์กตัวส์ พุ่งตัวปัดด้วยมือเดียว
ถัดมาในนาทีที่ 69 ตัวแทนจากอังกฤษลุยมาใหม่และเกือบตีเสมอเมื่อทาง ดีโอโก้ โชต้า ตัวสำรองโขกชงตรงเสาไกลทางซ้ายย้อนกลับไปเสาแรก โม ซาล่าห์ พยายามสอดมาถึงบอลแต่จังหวะจิ้มติดขาผู้รักษาประตู โลส บลังโกส
หงส์แดง เดินหน้าเต็มกำลังแต่จังหวะสุดท้ายขาดๆ เกินๆ ไม่ยิงออกไปเองก็ส่องติดบล็อกหรือนาที 83 โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ลากหนี แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ไปกดด้วยขวายังไม่ผ่าน ติโบต์ กูร์กตัวส์ ใช้แขนสกัดบอลออกหลัง
จบเกม เรอัล มาดริด ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนี้ไปครอง และเป็นแชมป์สมัยที่ 14 ของสโมสรมากสุดในประวัติศาสตร์
ข่าวสารวงการฟุตบอลอัพเดทใหม่ พร้อมผลบอลสดทุกวัน ข่าวสดใหม่จาก “Ufabet“